พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 408 เลือกเช่อเฟยให้ท่านอ๋อง
ตอนที่ 408 เลือกเช่อเฟยให้ท่านอ๋อง
“ท่านยังมิเปลี่ยนชุดอีกหรือ แล้วท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุใด…”
อันหลิงเกอมิสนใจเรื่องมารยาทใด ๆ แล้วตอนนี้ แค่เห็นด้านหลังของมู่จวินฮานก็ทำให้ใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยกลัวว่าเขาจักหันกลับมา อันหลิงเกอจึงชิงหันหลังให้เขาเสียเอง จากนั้นก็มิได้กล่าวสิ่งใดอีก
ส่วนมู่จวินฮานเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็อดยิ้มออกมามิได้ เขาก้าวไปด้านหน้าของนางก่อนนำเสื้อไปคลุมที่ศีรษะของนางเอาไว้
“ท่านทำอันใด…” อันหลิงเกอดึงเสื้อของเขาออกและในตอนนั้นเองนางก็ต้องรีบหลับตาลงทันที
“นี่ ท่าน!” อันหลิงเกอดึงเสื้อของเขาออก มู่จวินฮานชอบรังแกนางถึงเพียงนี้ทั้งที่เมื่อคืนก็…
“เกอเอ๋อ”
น้ำเสียงของมู่จวินฮานแฝงไว้ด้วยความยั่วเย้าแล้วดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด
“ท่านอ๋อง วันนี้มีเรื่องสำคัญต้องทำเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอผลักเขาออก แต่แรงของมู่จวินฮานมีมากกว่านางจึงมิสามารถหลุดจากอ้อมกอดนั้นได้
“ดูท่าทางแล้วท่านต้องมีสนมเพิ่มอีกหลายคน พลังล้นเหลือเสียเหลือเกิน…” อันหลิงเกอผลักเขาออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถูกเขาจับเอาไว้แน่นก่อนที่ทั้งคนและเสื้อผ้าจักลงไปกองด้วยกันบนเตียง
นางเงยหน้ามองเขา แต่แววตาของเขากำลังสำรวจร่างกายของนางแทน ร่างกายของมู่จวินฮานร้อนรุ่มจนอันหลิงเกอรู้สึกเหมือนโดนความร้อนแผดเผาผิวกายไปด้วย แต่ก็ยังอยากสัมผัสกับความร้อนนั้นอยู่ดี
อันหลิงเกอรีบผลักเขาออก จักมาคิดเรื่องพวกนี้ตอนนี้มิได้ พวกนางต้องเข้าวังแล้วจักมัว…
สองแก้มของนางสุกปลั่ง แต่มู่จวินฮานมิได้คิดปล่อยนางไปเช่นนี้ เขายื่นมือออกไปปล่อยมวยผมที่นางจัดทรงอยู่นานสองนานโดยง่ายดาย ส่วนมืออีกข้างก็…
“เหตุใดท่านอ๋องมู่กับพระชายายังมิเข้าวังมาอีก…”
สตรีทั้งสองรออย่างร้อนใจ แต่หลิงอวี่หนิงดูจักข่มอารมณ์ได้ดีกว่าและกลายเป็นทัวป๋าถิงฟางที่ดูร้อนรนแทน
“ทูลฝ่าบาท ท่านอ๋องกับพระชายาคงหลับสนิท ถึงได้…” ขันทีแอบกระซิบที่ข้างพระกรรณของฝ่าบาทจนทำให้พระองค์แสดงสีพระพักตร์มิถูก
มู่จวินฮานตั้งใจขัดราชโองการหรือไร !
“อย่าพูดเหลวไหล มานั่นแล้วมิใช่หรือ ? ”
วันนี้หลิงอวี่หนิงมิได้เห็นหน้าของทัวป๋าถิงฟาง เนื่องจากนางสองคนยืนขึ้นพร้อมกันแต่อยู่คนละฝั่งของฉากกั้น
“คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา”
เมื่อเห็นว่าทุกคนรออยู่ ใบหน้าของอันหลิงเกอก็แดงจนมิรู้จักเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “ถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”
ผู้อื่นย่อมรู้ดีว่าเกิดอันใดขึ้นเมื่อดูจากท่าทางของอันหลิงเกอที่เขินอายส่วนมู่จวินฮานก็มีท่าทางกระปรี้กระเปร่าเช่นนั้น
“ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของท่านอ๋องและพระชายาคงดีมิน้อย…”
“ใช่แล้ว”
“วันนี้ผู้ที่มาล้วนมีตำแหน่งมิธรรมดา ดูท่าครั้งนี้พระชายามู่คงมีคู่แข่งเพิ่มมาอีก 2 คนแล้ว”
ได้ยินคำพูดของนางกำนัลตรงด้านข้าง หลิงอวี่หนิงก็ยิ้มออกมาเพราะที่นางคิดไว้มิใช่เพียงเท่านี้หรอก
หากเป็นไปได้คือทุกสิ่งทุกอย่างของอันหลิงเกอต้องเป็นของนางด้วย ! แต่ไหนแต่ไรมานางมิใช่คนยอมปล่อยสิ่งที่อยากได้โดยง่าย ในเมื่อมาแล้วนางต้องได้ตำแหน่งสูงที่สุด เช่นนั้นคงมิสมกับความตั้งใจทั้งหมดของตน
ที่จริงครั้งนี้บิดามิเห็นด้วย แต่ฝ่าบาทอาศัยโอกาสที่ทัวป๋าถิงฟางมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เรียกนางเข้าร่วมด้วยเพื่อเพิ่มเช่อเฟยให้มู่จวินฮาน
ดูเหมือนเป็นความโปรดปราน แต่ที่จริงก็แค่ต้องการเพิ่มมีดอีกสองเล่มไว้ข้างหมอนของมู่จวินฮานเท่านั้น
“หลิงอวี่หนิง บุตรีแม่ทัพใหญ่หลิง ! ” เมื่อได้ยินขันทีขานเรียก หลิงอวี่หนิงก็ก้าวออกมาด้านหน้า
“เจ้าเป็นบุตรีแม่ทัพใหญ่หรือ ? ” มู่จวินฮานที่นั่งอยู่ก็เข้าใจในทันที
ครั้งนี้เกรงว่ายากที่จักปฏิเสธเพราะคนเหล่านี้เป็นคนที่ฮ่องเต้ต้องการส่งมาอยู่ข้างกาย เขาจึงต้องฝืนรับเอาไว้
“ผู้น้อยอวี่หนิง คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของหลิงอวี่หนิงอ่อนโยน การก้าวเดินอ่อนช้อยแต่มู่จวินฮานมองนางแค่ปราดเดียวก็มิได้สนใจอีก หลิงอวี่หนิงแม้รู้สึกเก้อเขินแต่ก็รู้ดีมิว่าอย่างไรเขาต้องยอมรับนางอยู่แล้ว
“นี่เป็นสตรีที่ข้าประทานให้เป็นเช่อเฟยของเจ้า อ๋องมู่เห็นเป็นเยี่ยงไร ? ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำกล่าวของมู่จวินฮาน หลิงอวี่หนิงก็มีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ดูท่าทางแล้วท่านอ๋องมู่ก็มิได้โปรดปรานพระชายามู่เท่าไรนี่ มิทันไรก็แต่งพระชายารองถึง 2 คนเสียแล้ว”
“ท่านอ๋องของเราเก่งกาจเพียงนี้ จักโปรดปรานชายาแค่คนเดียวได้เยี่ยงไร”
“ใช่แล้ว ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอีกต่างหาก”
งานครั้งนี้มีทหารในสังกัดของมู่จวินฮานมาร่วมงานด้วย
ทางด้านอันหลิงเกอแค่จิบชาเงียบ ๆ มิได้กล่าวสิ่งใดตั้งแต่ต้นจนจบเพราะสองสามีภรรยารู้แผนการของฮ่องเต้ดีแล้วจักปฏิเสธได้เยี่ยงไร ?
“ได้ยินว่าบุตรีของแม่ทัพใหญ่หลิงเคยเข้าออกจวนอ๋องมู่ มองแล้วคงสนิทกับพระชายามิน้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์พลางทอดพระเนตรอันหลิงเกอ
“ทูลฝ่าบาท บุตรีของแม่ทัพใหญ่สง่างามยิ่งนักเพคะ” อันหลิงเกอเพียงทูลออกมาอย่างคลุมเครือ
คนที่มาดูต่างกล่าวกันไปต่าง ๆ นานา แต่มู่จวินฮานก็มิได้ปฏิเสธสิ่งใด ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังรอโอกาสให้เขาขัดราชโองการอยู่แล้วเขาจักปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้หรือ ?
ฝั่งทัวป๋าถิงฟางเป็นที่แน่นอนแล้วจึงมิต้องถามความเห็นของมู่จวินฮานก็ส่งเข้าจวนอ๋องมู่พร้อมกันได้เลย
ด้านหลิงอวี่หนิงย่อมมีความสุขอยู่แล้ว
“เช่อเฟย ท่านอยู่ที่นี่ก่อนเจ้าค่ะ ส่วนสาวใช้ของท่าน อีกครู่พระชายาจักมอบให้เองเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นหลิงอวี่หนิงก็รีบดึงมือคนดูแลจวนเอาไว้
“แม่นม ข้าถูกที่บ้านดูแลมาจนชินและที่บ้านก็มีสาวใช้คนหนึ่งนามว่าเยว่เอ๋อ มิทราบว่า…”
กล่าวจบนางก็ยัดกำไลและต่างหูใส่มือแม่นมทันที
แม่นมผู้นี้อยู่ในจวนมานานย่อมเจอเรื่องเช่นนี้หลายครั้ง ทุกคนล้วนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีและการมีสาวใช้คนสนิทก็ถือว่าปกติ
“ได้เจ้าค่ะ ท่านให้แม่ทัพใหญ่ส่งมาแล้วกัน ชื่อเยว่เอ๋อใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
เมื่อกล่าวเสร็จแม่นมก็โบกมือไล่สาวใช้ที่พระชายาส่งมา ในเมื่อที่นี่มีคนดูแลอยู่แล้วก็มิใช่เรื่องของพวกนางอีก
แต่มินาน หนึ่งในสาวใช้เหล่านั้นก็วิ่งกลับมา หลิงอวี่หนิงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นคนที่พระชายาส่งมาไว้ข้างกายตนเป็นแน่
ตอนนี้ในจวนมีสตรีอยู่มิน้อย หลิงอวี่หนิงจึงต้องรู้จักประนีประนอมด้วยเช่นกัน
“นำเงินพวกนี้ไปจัดการเรื่องตกแต่งเรือนให้เรียบร้อย” หลิงอวี่หนิงเรียกใช้ผู้อื่นเป็นปกติ หากสาวใช้คนนี้ทำงานมิได้เรื่อง นางย่อมมีข้ออ้างไล่ออกอยู่แล้ว
แต่เซียงเอ๋อคนนี้มิได้เกี่ยงงอน เมื่อได้เงินมาก็รีบเข้าไปปัดกวาดเรือนให้เรียบร้อย มินานคนที่มาตกแต่งสวนก็รับช่วงต่อ
เมื่อเห็นสาวใช้คนนั้นยุ่งกับงาน หลิงอวี่หนิงจึงรีบอาศัยตอนที่อีกฝ่ายมิทันสังเกตแล้วเขียนจดหมายถึงบิดาว่าให้ส่งเยว่เอ๋อและเงินมาให้นาง เพราะที่นี่ยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย
วันต่อมา แม่ทัพใหญ่ก็ส่งตัวเยว่เอ๋อเข้ามา เขาย่อมใส่ใจบุตรสาวอยู่แล้วเงินทองก็ส่งมามิน้อย นอกจากสินเดิมแล้วเครื่องประดับอื่น ๆ ก็จัดเตรียมมาให้เช่นกัน
“คารวะพระชายาเจ้าค่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี่หนิงได้พบอันหลิงเกออย่างเป็นทางการ นางรู้สึกวิตกอยู่มิน้อยแต่ยังพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้และส่งยิ้มให้อันหลิงเกอ
เพราะการพบหน้าเมื่อครั้งที่แล้วของพวกนางมิค่อยดีเท่าไรนัก