พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 411 พันธมิตร
ตอนที่ 411 พันธมิตร
คำพูดของมู่จวินฮานทำให้หลิงอวี่หนิงอดก้าวถอยหลังมิได้ แววตาก็มองอย่างมิอยากเชื่อว่ามู่จวินฮานจักมิแยแสนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
“ท่านอ๋อง บนแผ่นดินนี้ผู้ใดบ้างมิเปลี่ยนแปลง อวี่หนิงขอลาเจ้าค่ะ” ความกล้าของหลิงอวี่หนิงย่อมเกิดจากการที่แม่ทัพหลิงเลี้ยงดูนางมา
บนแผ่นดินนี้ผู้ใดบ้างมิเปลี่ยนแปลงน่ะหรือ ? เฮ้อ…
มู่จวินฮานส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพลางมองนางที่อยู่เบื้องหน้า สตรีผู้นี้น่าสนใจสำหรับผู้อื่น เพียงแต่ตัวเขามิได้สนใจนางเลย เขามิมีวันเปลี่ยนและระหว่างเขากับอันหลิงเกอยิ่งมิมีทางเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
บนแผ่นดินนี้บางคนก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นิสัยและการใช้ชีวิตเปลี่ยนผันมิหยุด แต่บางคนความรู้สึกมิเคยเปลี่ยนแปรและตัวเขาเองก็เช่นกัน
“ช่างเถิด เจ้าออกไปได้” แววตาที่มองหลิงอวี่หนิงเย็นชามากขึ้น คำกล่าวเมื่อครู่ของนางทำให้เขานึกถึงพระชายาขึ้นมา
เพราะบนแผ่นดินนี้มิเคยขาดคนเลว แต่เขาเชื่อว่าสตรีในดวงใจเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดีที่สุด
อันหลิงเกอจามออกมา มีผู้ใดกำลังบ่นถึงนางอยู่หรือ ?
ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ในจวนมีสตรีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คน วันนี้ทั้งวันนางจึงมิได้พัก
พวกนางต่างก็นำสาวใช้ของตนมาด้วย เมื่อเข้ามาอยู่ในจวนก็ย่อมมีหลายอย่างที่มิเข้าที่เข้าทาง ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต่างก็ประดังเข้ามาให้นางจัดการ
มิหนำซ้ำวันนี้ทัวป๋าถิงฟางยังกล้าให้สาวใช้ของตนมาหาอันหลิงเกอถึงที่
“เรียนพระชายา แม้เช่อเฟยของบ่าวมิเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้เช่อเฟยนอนป่วยอยู่บนเตียง ขอพระชายาได้โปรดช่วยเอ่ยให้ท่านอ๋องไปดูเช่อเฟยหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
ชิ่งฉี่เป็นสาวใช้ของทัวป๋าถิงฟาง แม้นางมิได้เต็มใจมาขอร้องเยี่ยงนี้แต่อย่างไรทัวป๋าถิงฟางก็เป็นที่พึ่งของตน ในเมื่อตนมาที่ต้าโจวแล้วก็ทำได้เพียงทำตามทัวป๋าถิงฟางสั่งเท่านั้น
“อืม เจ้าออกไปได้”
อันหลิงเกอมิได้ตอบอันใด ชิ่งฉี่คิดว่ายังมิสามารถทำให้อันหลิงเกอคล้อยตามได้จึงคุกเข่ารออยู่ด้านนอก
“เรียนพระชายา ชิ่งฉี่ยังคุกเข่าอยู่เลยเจ้าค่ะ”
ปี้จูก็รู้สึกมิพอใจ เห็นได้ชัดว่าพวกนางต้องการบีบบังคับพระชายาทางอ้อมและทำให้พระชายาต้องทำตาม
หากตอนนี้อันหลิงเกอมิตกลงก็จักกลายเป็นคนใจดำ เดิมทีอันหลิงเกอก็มิอยากสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ชิ่งฉี่ผู้นั้นก็ถูกบังคับมาเช่นกัน
ท้ายที่สุดอันหลิงเกอจึงยอมในความซื่อสัตย์ของชิ่งฉี่และด้วยความเห็นใจทัวป๋าถิงฟางจึงยอมออกหน้าไปเกลี้ยกล่อมมู่จวินฮานให้
“ท่านอ๋อง…”
เมื่ออันหลิงเกอมาถึงมู่จวินฮานก็รู้ได้ทันที กอปรกับคำเรียกขานของนางด้วยแล้ว ทว่าเขายังมิได้กล่าวสิ่งใดก็เป็นนางที่ก้มหน้าลงเพราะพูดมิออก
“ทัวป๋าถิงฟาง…”
“ข้ารู้”
อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นแล้วก้มลงอีกครั้ง มู่จวินฮานมิอยากให้นางโดนรังแกแต่นางกลับใจอ่อนเสียเอง
“ข้าจักไปเยี่ยมนาง ต่อไปพระชายาจัดการงานราชการต่าง ๆ ไปพร้อมกับข้าดีหรือไม่ ? ”
คำพูดของมู่จวินฮานทำให้อันหลิงเกอสะท้านไปทั้งกาย นี่…
“เกอเอ๋อ เจ้ามิจำเป็นต้องสนใจเรื่องธรรมเนียมพวกนั้นอีกเพราะความสามารถของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าที่ปรึกษาหลายคนในจวน”
อันหลิงเกอรู้ดี นี่เป็นการแสดงออกว่ามู่จวินฮานยอมให้นางช่วยแบ่งเบาภาระอย่างหนึ่ง นางจึงพยักหน้ารับและด้วยความที่นางเติบโตมาในจวนขุนนางตั้งแต่เด็ก เรื่องการเมืองรวมถึงข่าวสารต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่นางสันทัดอยู่แล้ว
“อืม” เมื่อได้ยินอันหลิงเกอตอบตกลง เขาจึงพยักหน้าให้เบา ๆ ก่อนมองสบตากับนางแล้วกระซิบถามว่า “เจ้าคิดว่าหากข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดินตอนนี้จักเป็นเช่นไรบ้าง ? ”
“ดีเจ้าค่ะ ตอนนี้ต้าโจวเพิ่งจัดการเรื่องชายแดนแคว้นชิงเยว่เรียบร้อยจึงเป็นช่วงที่ราษฎรเชื่อมั่นในต้าโจวที่สุด หากมีการทำสัญญากันข้าเชื่อว่าจักดูแลจัดการได้ดียิ่งขึ้น ! ” อันหลิงเกอเห็นด้วยกับความคิดของเขา
มู่จวินฮานอดยิ้มออกมามิได้ เพียงแต่เขายังต้องไปจัดการเรื่องในราชสำนักจึงมิมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนนางเท่าใดนัก
“ข้าจักไปเยี่ยมทัวป๋าถิงฟาง” ที่เขาทำก็เพื่อเกอเอ๋อหาใช่เพื่อผู้อื่น
“เกอเอ๋อจักไปเป็นเพื่อนท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอยิ้มออกมา นางแค่รับปากทัวป๋าถิงฟางว่าจักให้ท่านอ๋องไปเยี่ยม แต่มิได้รับปากว่าจักให้พวกเขาได้พบกันสองต่อสอง
หากมู่จวินฮานเป็นห่วงอีกฝ่ายด้วยใจจริง หรือมีใจให้ทัวป๋าถิงฟางจริง นางก็จักมิว่าอันใดหรอก แต่มู่จวินฮานต้องไปเพราะฝืนใจแล้ว พระชายาเยี่ยงนางจักทำให้สามีลำบากใจได้เยี่ยงไร ?
หลังจากที่มู่จวินฮานไปเยี่ยมทัวป๋าถิงฟางแล้ว อันหลิงเกอก็มักได้ข่าวว่าหลิงอวี่หนิงเริ่มเข้าหาทัวป๋าถิงฟางมากขึ้น
ทว่าทุกความเคลื่อนไหวของพวกนางล้วนอยู่ในสายตาของอันหลิงเกอทั้งสิ้น
“พี่สาว เหตุใดท่านอ๋องมิค่อยอยู่จวนเลย ? ” หลิงอวี่หนิงแสร้งถามขึ้นมาลอย ๆ ตั้งแต่ได้ยินว่าท่านอ๋องมาเยี่ยมทัวป๋าถิงฟาง นางก็รู้ว่าการสนิทกับฟางซู่ซู่มิได้มีประโยชน์เลย
และตั้งแต่ที่นางเข้ามาในจวนอ๋องมู่จนถึงตอนนี้ ท่านอ๋องยังมิเคยไปหานางแม้แต่ครั้งเดียว !
เมื่อทัวป๋าถิงฟางได้ยินคำถามของหลิงอวี่หนิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “ท่านอ๋องยุ่งเรื่องงานราชการจึงมิว่างเหมือนพวกเรา เขาย่อมมิค่อยอยู่จวนเลย”
ที่จริงแล้วมู่จวินฮานแค่ไม่มาหาพวกนางเท่านั้น หลิงอวี่หนิงย่อมมิมีทางได้เจอเขา
หลิงอวี่หนิงทำเป็นพยักหน้า เรื่องภายในจวนนางมิค่อยเข้าใจนักหรอก นางรู้แค่ว่าเป้าหมายหนึ่งเดียวคือมู่จวินฮานและผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของนาง
สองคนสนทนากันอย่างถูกคอราวกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ
อันหลิงเกอได้ฟังที่สาวใช้รายงานก็มองออกว่าหลิงอวี่หนิงมิได้ใส่ใจทัวป๋าถิงฟางหรอก ก็แค่ต้องการหลอกใช้อีกฝ่ายเท่านั้น
คำพูดเหล่านี้อันหลิงเกอมิจำเป็นต้องเอาไปเตือนทัวป๋าถิงฟางอยู่แล้ว รวมทั้งไร้ความจำเป็นที่จักต้องใส่ใจด้วย
ตั้งแต่ที่สองคนเข้ามาในจวน อันหลิงเกอก็มองออกว่าพวกนางมิใช่คนดีอันใด
หลังจากนั้นมาทั้งสองคนมักไปนั่งสนทนากันทุกวัน อันหลิงเกอที่คอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของหลิงอวี่หนิงก็รู้สึกเอือมระอากับสตรีผู้นี้มิน้อย
“นายหญิงเจ้าคะ พวกเราไปหาทัวป๋าเช่อเฟยหลายครั้งแล้ว เหตุใดมิเคยได้พบท่านอ๋องเลยเจ้าคะ ? ” สาวใช้ก็ร้อนใจแทนเจ้านาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจักเป็นที่โปรดปรานได้เยี่ยงไร ในเมื่อมิมีโอกาสได้พบท่านอ๋องเลยด้วยซ้ำ
คำถามของสาวใช้ตรงกับสิ่งที่หลิงอวี่หนิงคิดเอาไว้ หรือทัวป๋าถิงฟางก็จักสูญเสียความโปรดปรานไปแล้วเช่นกัน ?
เมื่อคิดดังนั้นนางก็โบกมือไปมา “มิว่าเยี่ยงไรพวกเราก็ต้องไปอยู่ดี ต่อให้มิได้พบท่านอ๋อง แต่การตีสนิทกับทัวป๋าถิงฟางก็ยังจำเป็น”
วันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก็ยังนั่งอยู่ด้วยกัน ทว่าทัวป๋าถิงฟางเห็นหลิงอวี่หนิงมิได้ใส่ใจตนเหมือนเช่นเคย
“เป็นอันใดไปหรือ ? ” นางพูดคนเดียวมาตั้งนานก็มิเห็นหลิงอวี่หนิงตอบอันใดกลับมา
หลิงอวี่หนิงรู้สึกผิดหวังมิน้อย นับตั้งแต่เข้ามาในจวนแล้วนอกจากครั้งนั้นที่โดนมู่จวินฮานตำหนิ นางก็มิได้พบเขาอีกเลย ทว่าต่อหน้าทัวป๋าถิงฟางก็ยังทำยิ้มแย้มออกมา “มิมีอันใดมากหรอก วันนี้ข้าแค่มิสบายเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ทัวป๋าถิงฟางก็ขมวดคิ้วขึ้น นางเป็นเพียงองค์หญิงที่กำเนิดจากเชื้อพระวงศ์ระดับล่างของแคว้นชิงเยว่ ตั้งแต่เด็กจึงมิได้เติบโตภายในวัง แม้ความเป็นอยู่สุขสบายแต่ก็มิถือว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ
ซึ่งทัวป๋าถิงฟางมีนิสัยตรงไปตรงมาและพอได้ยินหลิงอวี่หนิงกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างแท้จริง