พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 431 ร่วมงานเลี้ยง
ตอนที่ 431 ร่วมงานเลี้ยง
อันหลิงเกอยังมิทันได้ทำความเข้าใจกับคำพูดของเขา นางก็ถูกเขาดึงผ้าผูกผมออก ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวนางเอาไว้แล้วอุ้มนางไปวางบนเตียงนุ่ม
เมื่อนางเห็นมู่จวินฮานโน้มกายลงมา อันหลิงเกอก็ค่อย ๆ หลับตาลง
“พระชายา พระชายาเจ้าคะ ! ”
“มีอันใด?” ช่างบังเอิญเสียจริง มู่จวินฮานจำต้องลุกขึ้นอย่างขัดเขิน อันหลิงเกอก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“พระชายาแย่แล้วเจ้าค่ะ ซูโจวนักฆ่าจากเผ่าหมอเทวดาที่ท่านดึงมาเป็นพวกหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ ! ” สิ่งใดที่ทำให้ปี้จูร้อนรนได้ถึงเพียงนี้ต้องมิใช่แค่เรื่องซูโจวหายไปแน่นอน
ซูโจวถูกส่งไปที่ตระกูลอัน ด้านหนึ่งเพราะวรยุทธของเขา ส่วนอีกด้านก็เพราะฝีมือทางการแพทย์
“แล้วก็ ฮู ฮูหยินผู้เฒ่าโดนวางยาพิษด้วยเจ้าค่ะ”
ว่าอย่างไรนะ !
อันหลิงเกอลุกขึ้นด้วยความตกใจ !
“แต่ตอนนี้มิได้เป็นอันใดมากแล้วเจ้าค่ะ ทว่าท่านโหวขอให้ท่านรีบไปสืบความจริงเจ้าค่ะ”
ใช่แล้ว หากคนข้างกายของนางทำร้ายท่านย่า เรื่องนี้ก็อาจมีปัญหาตามมาได้
ถ้าหาตัวซูโจวมิพบก็มิสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนโหวก็มิอาจกระจ่างได้เลย
ตอนนี้อันอิงเฉิงไปจัดการเรื่องความอดอยากที่ซานตง นางต้องสืบเรื่องของซูโจวว่าเกิดอันใดขึ้น
คนผู้นี้มีเป้าหมายคือนางหรือว่าจวนโหวกันแน่ ?
“ท่านอ๋อง ซูโจวกลับมาแล้วขอรับ” เป็นชิงเฟิงที่เดินเข้ามา
ซูโจวน่ะหรือ ? แววตาของอันหลิงเกอเปล่งประกายทันที
“เรียกเขามาพบพระชายา”
มู่จวินฮานรู้ว่าอันหลิงเกอกำลังร้อนใจจึงเรียกซูโจวมาที่นี่
“มีอันใดหรือขอรับ ? ”
ซูโจวเดินเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึมครึม ช่วงที่ผ่านมาเกิดอันใดขึ้นหรือ?
อันหลิงเกอเห็นซูโจวก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตระกูลอันมิใช่ซูโจวตัวจริง นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง แต่คาดมิถึงว่าซูโจวก็รู้จักกับคนผู้นั้นด้วย
“คนผู้นั้น…หาใช่ผู้อื่น ทว่าเป็นน้องชายของข้าน้อยมีนามว่าซูเยว่ขอรับ”
ซูเยว่อย่างนั้นหรือ ? น้องชายแท้ ๆ กลับคิดใส่ร้ายพี่ชายเสียอย่างนั้น
ซูเยว่เป็นคนมั่นใจในตัวเอง ทั้งยังซุกซนจึงอยากหยอกล้อพี่ชายอย่างนั้นหรือ ?
ใช้ยาพิษมาล้อเล่นกับชีวิตคนมิแรงเกินไปหรือไร
“ช่วงที่ผ่านมาเขาต้องการพบข้าน้อยและคงใช้แผนนี้เพื่อล่อให้ข้าน้อยไปพบเขาขอรับ”
ซูโจวส่ายหน้าราวกับมีบางอย่างที่ยากจักเอ่ยออกมาได้
“บางทีเขาอาจรู้ความสัมพันธ์ของพวกเรา หากท่านย่าโดนวางยาพิษแล้ว เจ้าต้องไปตามหาเขาเป็นแน่ ดูท่าแล้วน้องชายของเจ้าผู้นี้คงอยากพบพี่ชายมากจริง ๆ ”
อันหลิงเกอพูดหยอกล้อขึ้นมาแต่เห็นสีหน้าที่แปลกไปของซูโจวจึงรู้ว่าตนได้กล่าวสิ่งมิควรออกไปเสียแล้ว นางจึงเงียบลง
วางยาพิษเป็นเรื่องเล็ก อย่างไรท่านย่าก็มิได้เป็นอันใด แต่หากคนผู้นี้สร้างปัญหา เช่นนั้น…
“ซูโจว หากน้องชายของเจ้าต้องการทำร้ายอันหลิงเกอ เปิ่นหวางก็คงมิอาจปล่อยเขาไว้ได้”
ซูโจวพยักหน้าอย่างจนใจแล้วอธิบาย
“พวกเราพลัดพรากกันตั้งแต่เด็ก ตัวของข้าน้อยโดนพ่อแม่มอบให้เผ่าหมอเทวดา ส่วนตัวเขาลำบากกว่าที่ข้าน้อยคิดไว้ ดังนั้นเขาจึงแค้นข้าน้อยเพราะเรื่องนี้มาโดยตลอด หลังจากที่ข้าน้อยมาเป็นบ่าวของพระชายา เขาก็โดนแคว้นชิงเยว่จับตัวกลับไปขอรับ”
การที่ซูโจวเล่าออกมาได้อย่างปกติเช่นนี้ อันหลิงเกอย่อมรู้ดีว่าก่อนหน้านี้ในใจของเขาคงเจ็บปวดมิน้อยจนด้านชาไปหมดแล้ว
“ช่างเถิด ตอนนี้เจ้าทำงานให้จวนอ๋องมู่ของข้า ข้าย่อมมิปล่อยให้พวกนั้นมาวุ่นวายกับเจ้าได้ ส่วนซูเยว่ เจ้าคิดจัดการอย่างไร ? ”
มู่จวินฮานเข้าใจซูโจวดี ช่วงที่ผ่านมาซูโจวก็ทำงานให้เขาอย่างมิบกพร่อง
กอปรกับการให้คำแนะนำอันหลิงเกอเรื่องพิษหนอนกู่แล้ว คนผู้นี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว
นิสัยเรียบง่ายเยี่ยงซูโจว หากมิใช่เพราะลำบากใจจริง ๆ ก็คงมิหลบหน้าคนผู้หนึ่งเช่นนี้หรอก
“มิเป็นไรขอรับ ในเมื่อเขารู้ที่อยู่ของข้าน้อยแล้ว มิสู้ไปพบเขาเองดีกว่าขอรับ”
อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างมิค่อยสบายใจเท่าไร
“มิต้องหรอก ครั้งนี้เขาคงมาหาเจ้าเอง”
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ‘ซูโจว’ จักกลับมาที่จวนอ๋อง บัดนี้เข้าใจแล้วว่าเป็นซูเยว่ที่ปลอมตัวมา
ตอนแรกนางมิรู้ว่าเขาจักมาหรือไม่ แต่เมื่อครู่นางเพิ่งได้ยินชิงเฟิงแจ้งว่าคนผู้นั้นอยู่ที่หน้าประตูจวนแล้ว
“พวกท่านแยกข้าน้อยกับเขาออกได้เยี่ยงไรขอรับ ? ” ซูโจวก็อดประหลาดใจมิได้
“ข้าได้ยินว่าตอนเขาอยู่จวนโหว เขามิยอมใครและข้าจึงคิดว่ามิใช่เจ้า”
อันหลิงเกอเอือมระอาอย่างมาก ซูเยว่ผู้นี้คงมิได้เข้าใจซูโจวอย่างแท้จริง เพราะเขามิรู้ว่าปกติซูโจวเป็นคนเช่นไร ถึงขั้นสวมชุดคลุมสีดำเลียนแบบหมอทั่วไป มิเหมือนซูโจวตัวจริงสักนิด
ที่จริงแล้วซูโจวเป็นคนคล้ายนางที่ชอบสีสะอาดและสบายตามากกว่า
อีกอย่างคนเผ่าหมอเทวดามิเคยสวมชุดสีดำ
“ช่างเถิด ข้าจักไปที่โถงกับเจ้าด้วย เพราะข้าก็อยากรู้ว่าซูเยว่ผู้นี้เหมือนเจ้าสักเพียงใด”
อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วตามมู่จวินฮานไปเช่นกัน
พวกเขารู้ดีว่าซูโจวมิอยากเผชิญหน้ากับคนผู้นี้มาโดยตลอด หากให้ไปเพียงลำพังก็อาจรู้สึกกดดันอย่างมาก
แม้เมื่อก่อนเคยอยู่คนละฝั่ง แต่ทั้งมู่จวินฮานและอันหลิงเกอมีความคิดเดียวกันคือในเมื่อตอนนี้ซูโจวเป็นคนของพวกตนแล้วก็มิอาจเมินเฉยได้
แล้วซูโจวจักมิรู้ถึงน้ำใจของอันหลิงเกอกับมู่จวินฮานได้อย่างไร ภายในใจของเขาย่อมรู้สึกซาบซึ้งมากเช่นกัน
เพียงแต่ซูเยว่มิคิดว่าจักได้พบอันหลิงเกอที่นี่ เขาจึงก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเพราะรู้ดีว่าคนที่ตนทำร้ายคือท่านย่าของอันหลิงเกอ
ดูท่าแล้วเด็กคนนี้คงเป็นเด็กดี แต่น่าเสียดายที่ยึดติดมากเกินไป
ยึดติดจนมิสนใจอันใดทั้งสิ้น แต่ซูโจวมิได้เป็นคนเช่นนั้นเพราะอย่างน้อยก็มิเคยทำร้ายผู้อื่น
เมื่อนึกถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งคู่แตกต่างกันมากเหลือเกิน
“พี่ใหญ่” ซูเยว่เห็นซูโจวก็ดีใจอย่างมาก
“ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน…”
ซูโจวถอยหลังหนึ่งก้าวมิยอมให้อีกฝ่ายแตะตัว ซูเยว่จึงมีท่าทีผิดหวังมิน้อย พอทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้กันก็บอกได้เลยว่ามองจากภายนอกช่างเหมือนกันราวกับแกะ
“ข้าตามหาท่านมาโดยตลอด เหตุใดท่านมิกลับบ้านเราที่แคว้นชิงเยว่เล่า ? ”
บ้านหรือ ? สำหรับซูโจวแล้วตอนนี้มิมีอีกแล้ว
“พี่ใหญ่ เรื่องตอนนั้นเพราะข้ายังเด็ก ตอนนี้ ตอนนี้ข้ามีเรื่องให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือจริง ๆ ท่านได้โปรดกลับบ้านกับข้าเถิด”
ช่วยเหลือ ? เพราะลำบากจึงได้นึกถึงเขาอย่างนั้นหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้ซูโจวยิ่งมิตามเขากลับไปอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ภรรยาของข้าป่วยหนัก ลูกของข้าก็แทบปกป้องเอาไว้มิได้แล้ว ข้ารู้ว่าเผ่าหมอเทวดามีชื่อเสียงมากและฝีมือการแพทย์ของข้ามิอาจช่วย…พวกเขาได้”
ซูเยว่ดูหดหู่ยิ่งนัก
อันหลิงเกอเห็นดังนั้นก็ทนมิไหว แต่คาดมิถึงว่าคำพูดของซูโจวที่เอ่ยออกมาจักเสียดแทงถึงเพียงนี้
“ฝีมือแพทย์ของเจ้าหรือ ? เหตุผลที่เจ้าเรียนวิชาแพทย์ก็เพื่อต้องการใช้ใบหน้าที่เหมือนข้าไปหลอกลวงผู้คนมิใช่หรือ ? ตำแหน่งและภรรยาของเจ้าทุกวันนี้ได้มาอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดี”
อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าเบื้องลึกยังมีเรื่องเช่นนี้อีก ดูท่าแล้วซูเยว่มิได้ไร้เดียงสาเยี่ยงที่แสดงออกมาเลย
นางคาดมิถึงว่าครอบครัวของคนธรรมดาก็มีเรื่องเช่นนี้ด้วย
เดิมทีอันหลิงเกอคิดว่ามีเพียงบุตรของชนชั้นสูงเท่านั้นที่แก่งแย่งชิงดีกันเหมือนนางและอันหลิงอี