พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 432 ตัวปลอม
ตอนที่ 432 ตัวปลอม
“พี่ใหญ่ ท่านฟังข้าอธิบายเสียก่อน หลายปีมานี้ท่านพ่อและท่านแม่จากไป ข้าจึงต้องหาวิธีเอาตัวรอด ก็เลย…”
เมื่อเห็นเขามีคำแก้ตัวมากมายเพียงนี้ อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็รู้สึกว่าความเศร้าของอีกฝ่ายเป็นภาพลวง สมควรแล้วที่ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงคนพ่ายแพ้
“อาการป่วยของภรรยาและลูกของเจ้า ข้ามิสามารถช่วยได้ ในเมื่อที่ผ่านมาเจ้าใช้ชื่อข้าในการใช้ชีวิตก็ควรใช้ชื่อข้าช่วยพวกเขาให้ได้เอง”
ซูโจวแสดงออกอย่างเย็นชา แต่ตอนนี้อันหลิงเกอก็เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่เขาทำ
“คนที่ข้าแต่งงานด้วยเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หากข้าช่วยพวกเขาไว้มิได้ก็เกรงว่าทุกคนต้องว่าข้าเป็นคนหลอกลวง ถึงตอนนั้น ถึงตอนนั้นข้าคงเอาชีวิตมิรอด พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วยเถิด”
เวลานี้แม้แต่มู่จวินฮานที่อยู่ด้านข้างก็มิอาจทนมองต่อได้ เขาจึงแสร้งหยิบถ้วยชาขึ้นมาโดยมิได้มีอารมณ์ดื่ม
“ส่งแขก” ซูโจวหันหลังให้และมิมองน้องชายอีกเลย
“พี่ใหญ่ อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่ชายของข้า แม้มิเคยชิดใกล้แต่อย่างน้อย อย่างน้อยก็ช่วยข้าหน่อยเถิด” เขาพูดราวกับว่าซูโจวเป็นฝ่ายผิด
ซูโจวหันหน้ากลับไปมองพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น
“หากข้าออกจากเผ่าหมอเทวดาแล้วทำให้เจ้าเสียผลประโยชน์ ข้าย่อมหาวิธีช่วยเจ้าแน่นอน แต่เป็นเพราะเจ้าใช้ตัวตนของข้าเพื่อหาผลประโยชน์ เช่นนั้นเจ้าก็ฝันไปเถิด ! ”
เมื่อได้ยินเรื่องใช้ตัวตนของซูโจว อันหลิงเกอก็คิดบางอย่างออกทันที
ครั้งนี้ไปจัดการเรื่องความอดอยาก นางมิได้พบสตรีที่อยู่เผ่าพิษหนอนกู่ผู้นั้น บางทีหากนางอาศัยตัวตนของซูโจวไปพบแทนเล่า !
ทว่าตอนนี้มิใช่เวลามานึกถึง
เมื่อกล่าวจบซูโจวก็มององครักษ์ที่อยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่งแขก”
“เหตุใดเจ้าถึงไร้น้ำใจเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากมิใช่เพราะเจ้า ข้าจักถูกแคว้นชิงเยว่จับตัวกลับไปได้อย่างไร ! คนที่พวกเขาต้องการตัวคือผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของเผ่าหมอเทวดาต่างหาก ! ”
เหลวไหลสิ้นดี!
อันหลิงเกออดโมโหมิได้ เรื่องพวกนี้เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามิเกี่ยวข้องกัน แต่เขากล่าวออกมาได้เป็นวรรคเป็นเวร
“ช่างเถิด ส่งแขก”
มู่จวินฮานรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอันหลิงเกอต้องทนมิไหวแน่ เขามิอยากเห็นนางต้องโกรธเพราะเรื่องนี้
“ช้าก่อน” อยู่ ๆ ซูโจวก็เรียกเอาไว้
อันหลิงเกอคิดว่าซูโจวใจอ่อน นางกำลังเตรียมเอ่ยสั่งสอนแต่ได้ยินซูโจวกล่าวขึ้นว่า
“รู้หรือไม่ว่าคนที่เจ้าวางยาคือท่านย่าของพระชายามู่ ? และนางก็มีฝีมือการแพทย์ยอดเยี่ยม แทนที่เจ้าจักมัวหาโอกาสวางยาพิษ เหตุใดมิคิดหาโอกาสไปเยี่ยมเยียน นี่เป็นวิธีที่เจ้าจักแก้ปัญหาได้ดีกว่า เจ้ารู้หรือไม่ ! ”
คำพูดของซูโจวทำให้อันหลิงเกอคิดได้ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ซูเยว่ยังคิดใช้ชีวิตด้วยตัวตนของซูโจวต่ออีกหรือ
“ข้า…”
“ข้าพูดแทนเจ้าเอง”
ซูโจวขัดขึ้นราวกับมิคิดให้อีกฝ่ายได้เอ่ยปากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เจ้ารู้ดีว่าหากครั้งนี้พาหมอคนอื่นไปรักษาลูกเมียก็เป็นการพิสูจน์ว่าฝีมือแพทย์ของเจ้ามิได้ยอดเยี่ยม เจ้ามิสามารถใช้ตัวตนของข้าต่อได้อีก ดังนั้นเจ้าจึงอยากให้คนที่มีใบหน้าเหมือนตนนั่นก็คือข้าไปแทน เพื่อช่วยเจ้าปกปิดเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป”
อันหลิงเกอรู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ ซูเยว่มีความคิดที่เหมือนเดาได้มิยากแต่เลือดเย็นมิน้อย
“ในเมื่อเจ้ามิยอมช่วยข้าแล้วจักมาขุดคุ้ยเรื่องนี้เพื่ออันใด ! ”
ซูโจวแค่ต้องการให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงเหตุผลทั้งหมด แต่คนผู้นี้ราวกับมิเคยเข้าใจเหตุผลใดเลย
“ช่างเถิด เจ้าไปเสีย นับจากนี้เจ้าจักทำเช่นไรก็เป็นเรื่องของเจ้า”
ซูโจวถอนหายใจออกมา แม้เป็นน้องชายก็มิอาจยอมรับได้ เรื่องที่ผ่านมาจักมิกล่าวถึงก็ได้ ทว่าเรื่องที่มินานนี้อีกฝ่ายสวมรอยใช้ประโยชน์จากชื่อตนย่อมมิอาจละเว้น
“เฮอะ เสียทีเป็นคนของเผ่าหมอเทวดา มิมีจิตใจเมตตาแม้แต่น้อยแล้วจักเป็นหมอได้อย่างไร ! ”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ซูโจวยังมิทันได้ตอบโต้อันใด มีดสั้นของอันหลิงเกอก็จ่ออยู่ที่คอของซูเยว่เสียแล้ว
“ข้าทนมานานแล้ว เจ้าช่างพูดมิรู้เรื่องเสียจริง ปากก็เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ แต่พอใช้ประโยชน์จากเขามิได้ก็พูดว่าร้ายเขาเช่นนี้ ข้าอยากเผยโฉมหน้าแท้จริงของเจ้าให้ผู้คนได้รู้นัก หากพ่อตาของเจ้าทำให้ชื่อเสียงเจ้าป่นปี้ได้ ข้าอันหลิงเกอก็จักยอมไปรักษาให้บุตรีและหลานของเขาเอง”
ซูเยว่นิ่งงันแล้วตกตะลึงทันที เขามิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางซูโจว แต่เห็นว่าพี่ชายมิได้สนใจเลย
“ข้า หากเจ้าทำลายข้าก็เท่ากับทำลายซูโจวด้วย ! ”
“หืม ? ”
อันหลิงเกอรู้ดีว่าเขามิรอดแล้วจึงพูดเหลวไหลเช่นนี้
เขากับซูโจวจักนำมาเทียบกันได้อย่างไร !
เพราะซูเยว่มิรู้ว่าตอนนี้ซูโจวอยู่ใต้การดูแลของมู่จวินฮานและการใช้คนของมู่จวินฮานนั้นก็ระมัดระวังมาโดยตลอด จักเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้อย่างไร ?
อีกอย่างชื่อเสียงของซูโจวก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นชิงเยว่ ทุกคนจักเชื่อคนหลอกลวงเพียงคนเดียวได้หรือ ?
บัดนี้มีคนที่ปลอมตัวเก่งอยู่หลายคน ในสายตาของผู้อื่นก็จักเห็นว่าซูเยว่เป็นพวกหลอกลวงเท่านั้นเอง
“พระชายาปล่อยเขาไปเถิดขอรับ” ซูโจวถอนหายใจออกมา มิใช่ว่าเขาอาลัยอาวรณ์เพียงแต่เหนื่อยที่จักใส่ใจคนผู้นี้แล้ว
หากเป็นพี่น้อง เขาย่อมแนะนำสั่งสอนอยู่แล้ว แต่ภายในใจของเขามิเคยยอมรับน้องชายเยี่ยงนี้มาก่อน
หลังซูเยว่จากไปแล้ว ซูโจวก็นิ่งเงียบพักใหญ่ อันหลิงเกอรู้ดีว่าภายในใจเขายังห่วงใยญาติเพียงคนเดียวที่มีอยู่
เพียงแต่เมื่อเห็นซูเยว่ไร้ความคิดเช่นนั้น ทั้งยังหวังหาผลประโยชน์จากตนมิหยุดหย่อน ซูโจวคงเสียใจมิน้อย
“คนของจวนโหวมิเป็นอันใดใช่หรือไม่ขอรับ ? ” ซูโจวหันไปมองอันหลิงเกอแล้วอดละอายใจมิได้
“มิเป็นไร ได้ยินว่าหลังจากนั้นเขาก็ถอนพิษให้ ที่เขาทำแค่อยากล่อเจ้าออกมา มิได้วางแผนทำร้ายผู้ใดจริงหรอก”
อันหลิงเกอกล่าวยังมิทันจบ ซูโจวก็ขมวดคิ้วขึ้น
“คาดมิถึงว่าเพื่อพบข้าน้อย เขาถึงขั้นต้องใช้ยานี้”
ตอนพบกันครั้งสุดท้าย ซูโจวเคยมอบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งให้ซูเยว่ คาดมิถึงว่าน้องชายจักใช้ยานี้กับคนใกล้ตัวของอันหลิงเกอเพื่อหวังได้เข้าใกล้ตัวพี่ใหญ่
“ยานั้นมิสามารถช่วยภรรยาของเขาได้หรือ ? ”
ซูโจวส่ายหน้า ยาถอนพิษก็เป็นแค่ยาถอนพิษ แม้ถอนพิษได้ทุกอย่างแต่มิอาจรักษาอาการป่วยได้
“ตอนนี้ทั้งแคว้นชิงเยว่ตกอยู่ในช่วงเกิดโรคระบาด แม้เกิดจากยาพิษแต่ยาถอนพิษอย่างเดียวมิสามารถรักษาได้ขอรับ”
“โรคระบาดครั้งนี้เกิดจากยาพิษด้วยหรือ ? ”
การที่แคว้นชิงเยว่เกิดโรคระบาดในครั้งนี้นางมิเคยนึกถึงยาพิษมาก่อน พอได้เจอซูเยว่ก็นึกได้ว่าโรคระบาดครั้งนี้คงมาจากมนุษย์
“ผู้ใดกล้าวางยาพิษคนทั้งแคว้นชิงเยว่เยี่ยงนี้ ? ”
หากเป็นคนของแคว้นชิงเยว่เองก็เกรงว่ามิกล้าฆ่าตัวตายเช่นนี้หรอก แต่ถ้าเป็นคนนอกก็ไร้โอกาสลงมือได้เช่นกัน
แล้วเป็นผู้ใดกันแน่ ?
“ท่านอ๋องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นชิงเยว่ได้มินานก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น” อยู่ ๆ ซูโจวก็เอ่ยพลางหันไปมองมู่จวินฮาน
“มิใช่ พวกเราชาวต้าโจวมิถนัดใช้พิษ มิน่าเป็นไปได้หรอก” อันหลิงเกอส่ายหน้า
“ใช่หอสดับพิรุณหรือไม่ขอรับ ? ”