พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 445 สร้างเรื่องวุ่นวาย
ตอนที่ 445 สร้างเรื่องวุ่นวาย
“เรียนกู่เหนียง เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก!” อวี๋หมิงหลันไร้ท่าทางละอายใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามคือนางยังดูสบายใจอย่างมาก
เช้าวันต่อมา ยามที่ฟ้ายังมิสาง อันหลิงเกอที่สวมชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งอยู่ริมระเบียงและเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้นางโมโหมิน้อย พยายามนอนอย่างไรก็มิสามารถข่มตาหลับได้ นางรู้สึกราวกับมีไฟสุมอยู่ในอกพร้อมเผานางให้กลายเป็นเถ้าถ่านก็มิปาน
อวี๋หมิงหลัน ! อันหลิงเกอหลับตาลงเพื่อเก็บกดแววตาอาฆาตเอาไว้
“พระชายาเจ้าคะ ! ” หมิงซินที่พอตื่นมาก็มิเห็นอันหลิงเกออยู่บนเตียง ใจถึงขั้นตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีจนมาพบว่าเจ้านายมานั่งอยู่ด้านนอก “พระชายามานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรเจ้าคะ เหตุใดมิสวมเสื้อคลุมเจ้าคะ ? ” กล่าวเสร็จนางก็รีบเข้าไปหยิบชุดคลุมสีขาวนวลปักลายดอกโบตั๋นมาวางบนบ่าของอันหลิงเกออย่างแผ่วเบา
อันหลิงเกอทอดสายตาออกไปเหมือนกำลังคิดอันใดบางอย่าง
หลายวันมานี้มู่จวินฮานยุ่งเรื่องงานราชการ แม้ทั้งสองได้พบหน้ากันทุกวันแต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังมิได้อธิบายเรื่องคืนนั้นให้นางฟัง
เมื่อเห็นอันหลิงเกอเป็นเช่นนี้ หมิงซินก็รู้สึกกังวลจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“พระชายา ในเมื่อตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแต่งตัวกันเถิดเจ้าค่ะ หลายวันก่อนที่จวนเพิ่งได้รับผงไข่มุกมา หากทาที่หน้าจักทำให้ผิวเนียนนุ่มเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ประคองอันหลิงเกอกลับเข้าห้อง
“ประเดี๋ยวเจ้าช่วยไปจัดการที อย่าให้คนพวกนั้นรังแกไป๋เถียนเถียนเป็นอันขาด แล้วก็ส่งของไปให้นางด้วย บอกนางว่ามิต้องกลัวเพราะอีกมินานข้าจักไปรับนางออกมา” เมื่อเห็นรอยคล้ำที่ใต้ตา นางจึงเอ่ยขึ้นมา “เติมแป้งที่ใต้ตาอีกหน่อย อย่าเหลือร่องรอยให้คนอื่นเอาไปหัวเราะเยาะได้”
“เจ้าค่ะ” หมิงซินจึงใช้ผงไข่มุกเติมเบา ๆ ที่ใต้ตาทีละชั้น
ปี้จูเข้ามาคำนับครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เรียนพระชายา มู่เหล่าหวางเฟยให้คนมาส่งข่าวว่าตอนนี้นางมาถึงจวนแล้ว หากท่านตื่นนอนก็ให้ไปทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนนางด้วยเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ข้าจักไปเดี๋ยวนี้” น่ากลัวว่าเรื่องเมื่อวานคงถึงหูมู่เหล่าหวางเฟย ไปหาตอนนี้คง…
“คารวะหมู่เฟยเจ้าค่ะ”
“มานั่งตรงนี้สิ” มู่เหล่าหวางเฟยตบที่เก้าอี้ข้างกายเบา ๆ พลางมองนางพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้านอนมิหลับ รอยคล้ำใต้ตากลบอย่างไรก็มิมิดหรอก”
อันหลิงเกอเม้มปากเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงโดยมิกล้ากล่าวสิ่งใด
“เรื่องเมื่อวานข้ารู้แล้ว อวี๋หมิงหลันบังอาจเกินไป ตัวเจ้าเป็นพระชายาปกครองจวนอย่างไรกัน ? ” อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางน่าสงสารพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
มู่เหล่าหวางเฟยเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าต้องจดจำฐานะของตนไว้ให้ดี เจ้าเป็นถึงพระชายาเอก ผู้อื่นมิว่าอย่างไรก็สู้เจ้ามิได้ อย่าให้คนที่ต่ำกว่ามาลบหลู่อำนาจของเจ้า”
ได้ยินดังนั้นอันหลิงเกอก็เงยหน้ามองมู่เหล่าหวางเฟย ก่อนพยักหน้าอย่างหนักแน่น เดิมนางคิดว่าจักถูกตำหนิเสียอีก มิคิดว่า…
ดูท่าทางเรื่องของอวี๋หมิงหลัน หมู่เฟยคงเข้าข้างตนเสมอ…
“ลูกทราบว่าควรทำอย่างไรแล้ว ลูกจักทำตามที่หมู่เฟยสั่งสอนเจ้าค่ะ”
มู่เหล่าหวางเฟยพยักหน้า “รู้ก็ดีแล้ว”
เมื่อออกจากห้องของมู่เหล่าหวางเฟย ปี้จูก็เอ่ยถาม “พระชายา พวกเราจักกลับเรือนหรือไปเดินเล่นที่สวนดีเจ้าคะ ที่นั่น…”
อันหลิงเกอขัดขึ้นก่อน “ไปที่สวน เจ้าไปเรียกอวี๋หมิงหลันและคนอื่นมาด้วย”
“เรียนพระชายา มาครบกันแล้ว ตอนนี้ทุกคนกำลังรออยู่ที่นอกศาลาเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ให้พวกนางยืนรอตรงนั้นก่อน” อันหลิงเกอที่นั่งอยู่ในศาลาสั่งการ
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะจึงเป็นช่วงแดดร้อนที่สุดของวัน ทุกคนที่ยืนอยู่นอกศาลาล้วนมีใบหน้าแดงก่ำ หน้าผากพราวไปด้วยเหงื่อที่ผุดขึ้นมา แม้พระชายาบอกให้พวกนางยืนชมทิวทัศน์ไปก่อนแต่ก็หามีผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน สองชั่วยามผ่านไปทุกคนก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
คนอื่นยังมิเท่าไรแต่อวี๋หมิงหลันมิพอใจเป็นอย่างมาก นางรู้ดีว่าที่อันหลิงเกอทำเช่นนี้เพราะตั้งใจแก้แค้นนาง
สุดท้ายอันหลิงเกอก็เอ่ยขึ้นมา “พวกเจ้ามิร้อนกันหรือ ? เหตุใดมิขยับกันเลย รีบมานั่งด้านในเร็วเข้า”
ทุกคนรีบขอบคุณพระชายาก่อนเข้าไปนั่ง ขณะที่อวี๋หมิงหลันนั่งลง อันหลิงเกอก็เอ่ยทันที “อวี๋กู่เหนียง ชาของข้าเย็นหมดแล้ว มิทราบว่ารินชาให้ข้าใหม่ได้หรือไม่ ? ”
อวี๋หมิงหลันพยายามระงับโทสะในใจ นางค่อย ๆ ลุกขึ้นรินชาและผ่านไปสักพักอันหลิงเกอก็มิได้บอกให้นางนั่งลง
“ภายในจวนแห่งนี้ สิ่งที่พวกเจ้าต้องจำเอาไว้ก็คือข้าเป็นผู้ดูแลทุกอย่างในจวน ! ”
อันหลิงเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขณะที่พูดประโยคเหล่านี้ก็เหมือนเป็นการตักเตือนด้วย
หลิงอวี่หนิงและทัวป๋าถิงฟางลอบสบตากัน “ความเมตตาของพระชายา เชี่ยเซินจักจดจำเอาไว้เจ้าค่ะ”
เหล่าสาวใช้ก็รับคำโดยพร้อมเพรียง
ปกติเวลาอยู่บนโต๊ะอาหาร อันหลิงเกอจักนั่งตรงตำแหน่งหัวโต๊ะ อวี๋หมิงหลันเป็นแขกจึงนั่งอยู่ด้านขวาคนแรกและถัดไปคือหลิงอวี่หนิงและทัวป๋าถิงฟางที่ค่อย ๆ เดินตามเข้ามา “คารวะพระชายาเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเห็นสองคนสุดท้ายเดินเข้ามาก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกลับเป็นปกติ “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางมีท่าทางมิแยแสเช่นเดิม นางมิได้มีบทบาทในจวนมากนัก
แต่อันหลิงเกอรู้ดีว่านางมีอำนาจในแคว้นชิงเยว่อยู่บ้าง หากนางรู้เรื่องพิษหนอนกู่ก็ถือว่าอันตรายมิน้อย
ดังนั้นอันหลิงเกอจึงสั่งให้คนคอยสังเกตทัวป๋าถิงฟางไว้ เมื่อเห็นว่าไร้แผนการอันใดจริง ๆ อันหลิงเกอจึงวางใจ
“พระชายาเจ้าคะ” เป็นหลิงอวี่หนิงที่เอ่ยขึ้นมา “หลายวันก่อนตอนที่สำนึกผิดอยู่ในเรือนร้าง เชี่ยเซินจำได้ว่ามีของสิ่งหนึ่งอยากมอบให้พระชายา หวังว่าพระชายาคงมิรังเกียจเจ้าค่ะ ! ”
ท่าทางของหลิงอวี่หนิงดูร่าเริงมิน้อย แต่มิแปลกที่คนเพิ่งออกมาจากเรือนร้างเยี่ยงนางอยากประจบเอาใจนายหญิงของจวนเยี่ยงอันหลิงเกอ !
อันหลิงเกอหัวเราะเสียงเย็น แต่มิได้แสดงออกใดๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอลองดูสักหน่อยว่าอีกฝ่ายอยากทำสิ่งใด !
“หืม สิ่งใดหรือ ? ” อันหลิงเกอรับไมตรีของหลิงอวี่หนิงไว้เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนั้นอันหลิงเกอเองก็รู้ดี
“เรียนพระชายา เป็น…” นางกล่าวไปพลางเปิดกล่องออกมา ทว่าหลิงอวี่หนิงทำให้คนมองตกใจอย่างมากเพราะของในกล่องคือสิ่งไร้ค่า นางเตรียมปิ่นทองแดงมา !
แต่ข้าเตรียมปิ่นทองคำมาต่างหาก !
“ปิ่นทองแดงหรือ ? ” เป็นอวี๋หมิงหลันที่ตำหนิคนแรก “พระชายาสูงส่งเพียงนี้ เจ้ากลับมอบปิ่นทองแดงให้ เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ? ”
หลิงอวี่หนิงรู้แก่ใจว่ามิดีแน่ ดูท่าอวี๋หมิงหลันคงแค้นเรื่องเรือนร้างคราวก่อน พระชายาก็มองอยู่แล้วนางควรทำอย่างไร !
“ข้าก็อยากรู้ว่าปิ่นทองแดงนี้หมายถึงอันใด” เสียงของอันหลิงเกอเอ่ยขึ้น “หลิงเช่อเฟยต้องการสื่อว่าอย่างไร ? ”
ความจริงแล้วอันหลิงเกอรู้ดีทุกอย่าง เพียงแต่นางอยากเห็นว่าหลิงอวี่หนิงจัดการเรื่องนี้อย่างไร
การนั่งดูสุนัขกัดกันกลายเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของอันหลิงเกอเสียแล้ว
“เรียนพระชายา ปิ่นทองแดงนี้เชี่ยเซินตั้งใจเตรียมให้เจ้าค่ะ” นางชะงักไปครู่หนึ่ง “หลังเข้ามาอยู่ในจวนแล้ว อวี่หนิงมิได้มีเงินใช้มากมาย จึง…”
หลิงอวี่หนิงคิดไปคิดมาจึงหาเหตุผลที่ดีเพื่อเสริมเข้าไป
“นี่คือเหตุผลอันใดกัน ? ” อวี๋หมิงหลันพูดเย้ยหยัน
หลิงอวี่หนิงรีบอธิบายต่อ “*ทองแดง ออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า ‘ร่วมกัน’ เป็นความหมายที่ดีอย่างยิ่งเจ้าค่ะ!”
“อย่างนี้เอง ! ” อันหลิงเกอหัวเราะออกมา หลิงอวี่หนิงผู้นี้ช่างพูดเสียจริง
มิน่า ก่อนหน้านี้จึงสามารถดึงอวี๋หมิงหลันและสตรีอีกสองคนไปเป็นพวกได้ ดูแล้วนางก็ฉลาดอยู่มิน้อย
ผู้ที่น่าสนใจเยี่ยงนาง หากได้แต่งงานกับคนอื่นก็คงเป็นที่โปรดปรานมิน้อยเลย
นางเป็นคนฉลาดแท้ ๆ แต่ฉลาดในทางที่ผิด โหยหาในสิ่งที่มิใช่ของตนจึงมีจุดจบเช่นนี้
อันหลิงเกอนั่งมองอยู่ก็อดรู้สึกสงสารมิได้
ความฉลาดของหลิงอวี่หนิงมิเคยใช้ในทางที่ถูกเลย มิเพียงใจดำอำมหิต ทั้งยังยอมทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการอีกด้วย !
…
*คำว่า ทองแดง 铜 และคำว่า ร่วมกัน 同 ออกเสียงคล้ายกัน