พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 458 เงื่อนไข
ตอนที่ 458 เงื่อนไข
“เจ้าสามารถรับประกันความปลอดภัยของข้าอย่างไร ? ” องค์ชายเจ็ดเห็นความโกรธของอันหลิงเกอพร้อมปะทุทุกเมื่อ กอปรกับความเจ็บปวดที่ได้รับและแทบทนมิไหวแล้ว เขาจึงตัดสินใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงทันที มิกล้าแข็งข้อกับอันหลิงเกออีก
“ต่อให้ตอนนี้ข้าสังหารพระองค์ก็เปลี่ยนแปลงอันใดมิได้” ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกว่าองค์ชายเจ็ดช่างน่าขันเสียจริง องค์ชายผู้สูงส่งบัดนี้มาร้องขอความเมตตาเสียงเบาหวิว
นางแอบหัวเราะในใจ ลูกพี่ลูกน้องของอันหลิงอีก็เท่านี้เองหรือ
ครอบครัวเดียวกันช่างเหมือนกันยิ่งนัก !
“พวกมันอยู่หลังภูเขาและที่นั่นมีห้องใต้ดินอยู่” สุดท้ายองค์ชายเจ็ดก็พ่ายแพ้ให้แก่ความเจ็บปวดบนร่างกาย ก่อนถอนหายใจออกมา
“วันนี้ข้าจักไว้ชีวิตพระองค์ แต่หากพวกเขาเป็นอันใดไปพระองค์จงระวังชีวิตให้ดี” อันหลิงเกอทิ้งประโยคข่มขู่ไว้ก่อนรีบเดินออกไปแล้วมุ่งหน้าไปทางหลังภูเขา
“องค์ชายจักปล่อยมันไปช่วยพวกนั้นโดยง่ายหรือพ่ะย่ะค่ะ ? กว่าเราจักจับอ๋องมู่ได้มิง่ายเลย…” องครักษ์ที่เห็นอันหลิงเกอมุ่งหน้าไปทางหลังภูเขา แววตาก็ฉายแววมิพอใจออกมา
“เจ้าคิดว่าพิษพวกนั้นถอนได้ง่ายหรือ ? ”
เมื่อกล่าวจบดวงตาขององค์ชายเจ็ดก็ฉายแววชั่วร้ายออกมา อันหลิงหยูต่อให้ช่วยพวกมันออกมาได้ก็มิสามารถถอนพิษสำเร็จ สุดท้ายที่เจ้าได้ไปก็แค่ร่างไร้วิญญาณเท่านั้น นึกถึงตรงนี้องค์ชายเจ็ดก็ยิ้มอย่างสะใจ
ทางด้านอันหลิงเกอก็รีบวิ่งไปหลังภูเขา ขณะเดียวกันสมองของนางก็นึกถึงยามได้อยู่กับมู่จวินฮานตลอดช่วงที่ผ่านมา
นางมิรู้ว่าหากเกิดอันใดขึ้นกับมู่จวินฮานแล้วตนจักทำเช่นไร เป็นเหตุให้ฝีเท้าของนางเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ยามพุ่งไปทางยุ้งฉางที่ทรุดโทรมแต่เย็นยะเยือกหลังนั้น
ทันทีที่เข้ามาในยุ้งฉาง กลิ่นอับชื้นและเหม็นเน่าก็ปะทะเข้าจมูก มีทั้งซากศพและโครงกระดูกมากมายกองอยู่ มิรู้ว่าอยู่มานานเท่าใดแล้ว
อันหลิงเกอมองหาทางเข้าห้องใต้ดิน ทันใดนั้นนางก็เห็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าประทับอยู่บนกำแพง หรือที่นี่มิใช่ยุ้งฉางของต้าโจว? ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้นก็เหมือนเหยียบเข้ากับพื้นไม้ที่มีลักษณะกลวง ยังมิทันคิดอย่างถี่ถ้วนอันหลิงเกอก็ชักมีดตรงเอวออกมาเพื่องัดพื้นทันที
ก่อนไต่บันไดเชือกลงไปห้องใต้ดิน ด้านล่างมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงกว่าด้านบนมาก
แต่เมื่อลงมาถึงด้านล่างสุด อันหลิงเกอจุด*ตะบันไฟขึ้นมาและแสงไฟส่องสว่างไปทั่วห้องใต้ดิน ด้านล่างมีพื้นที่มิกว้างเท่าไรนัก ตอนนี้นางยังอยู่ด้านนอก หากเดินเข้าไปด้านในคาดว่าคงเป็นจุดที่พวกมู่จวินฮานและเหล่าแม่ทัพถูกจับตัวไว้เป็นแน่ ขณะเดินเข้าไปหัวใจของอันหลิงเกอก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จวบจนเดินเข้าไปข้างใน นางก็รีบปิดจมูกทันทีเพราะทั่วห้องเต็มไปด้วยควันสีเหลืองอมเขียว มีคนสามคนนั่งพิงอยู่ที่กำแพง นางมองทุกอย่างมิกระจ่างนักจึงทำได้เพียงค่อย ๆ พาคนออกมาทีละคน
หลังออกมาจากห้องใต้ดินแล้วผ่านไปพักใหญ่มู่จวินฮานก็มองเห็นภาพรอบตัวชัดขึ้น
“เจ้ามาแล้ว”
เพียงคำเดียวก็ราวกับพวกเขามิได้พบกันมาแสนนาน แต่มิรู้ว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาแค่มองอันหลิงเกออยู่อย่างนั้นคล้ายต้องการให้ภาพของนางตราตรึงในหัวใจก็มิปาน
เพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้ามิใช่อันหลิงหยูแต่เป็นคนที่เขาคิดถึงทุกขณะจิต
“อืม ข้าเอง”
อันหลิงเกอเห็นมู่จวินฮานที่ดูไร้เรี่ยวแรง หัวใจอันเข้มแข็งก็อ่อนลงราวกับว่ามีมือที่มองมิเห็นมาบีบหัวใจของนางเอาไว้จนต้องหายใจเข้าลึก นางรู้สึกเคียดแค้นองค์ชายเจ็ดมาก
นางพูดอาฆาตแค้นภายในใจว่า ‘องค์ชายเจ็ด ต่อให้ข้ามิสนใจความชั่วอื่นที่เจ้าและมารดาทำเอาไว้ ทว่าเพียงความผิดในวันนี้ก็พอที่ข้าจักสังหารเจ้าเป็นหมื่นครั้ง ! ’
หลังระงับความโกรธแค้นในใจลงแล้ว อันหลิงเกอก็เริ่มตรวจอาการของทั้งสามคนอย่างละเอียด พิษชนิดนี้เป็นพิษที่อันหลิงเกอมิเคยพบมาก่อนจึงทำได้เพียงพาพวกเขากลับไปค่ายทหารโดยหวังว่าท่านหมอที่ค่ายจักมีวิธีรักษา
ทันทีที่มาถึงค่าย ทุกคนต่างก็มองอันหลิงเกอด้วยความเคารพ ก่อนทหารหลายนายเข้ามาประคองทั้งสามเข้าไปด้านในกระโจม
ชัยชนะครั้งใหญ่นี้ หลายวันที่ผ่านมาทำให้เหล่าทหารมองเห็นความหวัง เมื่อเทียบกับองค์ชายเจ็ดที่ชอบกังวลแต่มิได้สนใจบ้านเมืองและราษฎรแล้ว ท่านอ๋องมู่ต่างหากที่เหมือนผู้ที่สวรรค์ส่งมาช่วยพาต้าโจวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองมิใช่คอยแต่ก่อสงคราม
“ท่านหมอ รีบดูอาการให้ทั้งสามคนเร็วเข้า”
เมื่อเข้ามาในกระโจมแล้วอันหลิงเกอก็เรียกหมอประจำกองทัพมาทันที อย่างไรเขาก็เป็นถึงหมอหลวง น่าจักเห็นพิษมามากและคงมีวิธีรักษา
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของท่านหมอ ภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกหน่วงทันที
“เรียนคุณชายอัน พิษนี้มิใช่พิษของต้าโจวขอรับ” ประโยคนี้ทำให้อันหลิงเกอใจกระตุก พลันนางก็นึกถึงสัญลักษณ์ของชนเผ่าที่ประทับอยู่ในยุ้งฉางทันที ด้านข้างกันนั้นคือตราของแคว้นชิงเยว่
หรือองค์ชายเจ็ดมีความสัมพันธ์บางอย่างกับแคว้นชิงเยว่ ? แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้นางไร้จิตใจมานึกถึงปัญหาจึงทิ้งมันไว้ก่อน
“เช่นนั้นท่านมีวิธีรักษาหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอถามท่านหมออย่างมิค่อยมั่นใจนัก ภายในใจของนางหวังให้คนตรงหน้าตอบว่าได้ แต่ท่านหมอก้มหน้าลงก่อนค่อย ๆ ส่ายหน้า
“แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าพิษนี้มาจากที่ใด ? ”
“หากข้าน้อยเดามิผิด พิษนี้คงเป็นพิษเรื้อรังของแคว้นชิงเยว่และมีเพียงคนในราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้พิษนี้ได้ขอรับ”
ประโยคนี้เป็นการยืนยันในสิ่งที่อันหลิงเกอคาดเดาได้ดี องค์ชายเจ็ดต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับชนเผ่าและแคว้นชิงเยว่ แต่ตอนนี้นางมิมีเวลานึกถึงมัน
“สถานการณ์ของพวกเขาน่าจักทนได้อีกสามวันเท่านั้น ภายในสามวันนี้ข้าน้อยคงช่วยระงับพิษเอาไว้ก่อน แต่ภายในสามวันนี้ต้องรีบหายาถอนพิษจึงจักช่วยชีวิตพวกเขาได้ขอรับ” ท่านหมอก็มิอยากยอมรับว่าตนไร้ความสามารถ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจำต้องกล่าวความจริงออกมา
หลังจากที่อันหลิงเกอได้ยินก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางรู้ว่าควรทำเช่นไร นางต้องช่วยสามคนนี้ให้ได้ ดังนั้นมิว่าเสี่ยงอันตรายมากเพียงใดนางต้องไปเอายาถอนพิษที่แคว้นชิงเยว่มาให้ได้
ตอนนี้พวกนางอยู่ในเขตกลุ่มชนเผ่าของต้าโจว ระยะทางมิไกลจากแคว้นชิงเยว่เท่าไรนัก เดินทางไปกลับใช้เวลาประมาณสองวัน นั่นหมายความว่านางมีเวลาหยุดเพื่อดำเนินการที่แคว้นชิวเยว่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็เดินไปข้างเตียงพลางมองมู่จวินฮานที่ยังหมดสติอยู่ ทำให้นางหวนนึกถึงท่าทางสง่าผ่าเผยของเขา เวลานี้ต้องมานอนนิ่งเสียแล้ว
นางชอบเวลาที่ได้สนทนากับเขาและภายในใจก็ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อเขามานานแล้ว เวลานี้พอเห็นเขานอนนิ่งอยู่บนเตียง ความเจ็บปวดในใจของอันหลิงเกอก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนรู้สึกหนาวเหน็บเกินจักเอ่ย
“เช่นนั้น คุณชายจักไปหายาถอนพิษตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?” ท่านหมอเอ่ยเตือนอันหลิงเกอขึ้นมา ใช่แล้ว นางต้องหาทางช่วยพวกเขาให้ได้ก่อนและพวกเขาต้องมิเป็นอันใด ตอนนี้มิใช่เวลามาโศกเศร้า !
ต่อให้โศกเศร้าเพียงใดก็ต้องทำให้องค์ชายเจ็ดและหลี่กุ้ยเฟยทุกข์ทรมาน !
“สั่งการลงไปว่าองค์ชายเจ็ดบาดเจ็บสาหัสระหว่างต่อสู้กับศัตรู หากพบองค์ชายเจ็ดให้รีบพาตัวกลับมารักษาที่ค่ายทันที ! ” อันหลิงเกอกล่าวออกมาพร้อมเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ทำให้เหล่าทหารอดตกใจมิได้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นฝีมือขององค์ชายเจ็ด ตอนนี้จักตามหาองค์ชายเจ็ดก็เกรงว่า…
“คุณชายอัน หากองค์ชายเจ็ดเกิดอันใดขึ้นที่ค่ายของเรา เกรงว่ามิใช่เรื่องดีนัก” แม่ทัพนายหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามิสู้ดี
“ตอนนี้องค์ชายเจ็ดบาดเจ็บ ข้าต้องพาเขากลับมารักษาที่ค่ายอยู่แล้วจักปล่อยให้เขาเป็นอันใดมิได้เด็ดขาด”
…
*ตะบันไฟ หรือ ฮว่าเจ๋อจึ หรือ พับไฟ เป็นเครื่องมือจุดไฟของชาวจีนโบราณ สามารถจุดไฟได้ด้วยการเป่าครั้งเดียว