พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 468 เชื่อมั่น
ตอนที่ 468 เชื่อมั่น
ขณะที่มู่จวินฮานและอันหลิงเกอเดินหมากด้วยกันอยู่นั้นก็มิรู้ว่าภายในวังหลวงมีสตรีอีกนางได้เริ่มแผนการแล้ว ทั้งยังทำร้ายฮองเฮาผู้น่าสงสารอีกด้วย
ตัวตนของฮองเฮาภายในวังหลวงแทบมิเคยมีผู้ใดให้ความสนใจราวกับไร้ตัวตน แต่หลี่กุ้ยเฟยก็ยังมิวางใจ
เพราะสิ่งที่นางต้องการคือตำแหน่งฮองเฮา !
“หลี่กุ้ยเฟยเสด็จมาหาหม่อมฉันด้วยเหตุใดเพคะ ? ” หลี่กุ้ยเฟยมองไปยังอวี๋หมิงหลันที่กำลังรินชาให้ตน จากนั้นก็เหลือบไปเห็นน้ำตาที่ยังมิแห้งเหือดบนใบหน้าอวี๋หมิงหลันจึงนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ
สาเหตุที่นางเลือกร่วมมือกับอวี๋หมิงหลันก็เพราะรู้สึกว่ายังมีประโยชน์ที่อยู่
“อวี๋หมิงหลัน”
“วันนี้ข้ามาเยือนถึงในจวน ได้ยินคนอื่นพูดกันว่าเจ้ามีสัมพันธ์อันดีกับท่านอ๋องมู่ อีกทั้งท่านอ๋องมู่ยังเคยติดหนี้ชีวิตด้วย วันนี้ข้าจึงอยากมาขอบใจกู่เหนียง เพราะถึงอย่างไรแล้วสำหรับต้าโจวนั้นอ๋องมู่ก็สำคัญกว่าสิ่งใด” ดูเหมือนท่าทีของความเป็นนายของหลี่กุ้ยเฟยจักทำให้อวี๋หมิงหลันกดดันอยู่มิน้อย
“ท่านอ๋องมู่มิได้ติดค้างอันใดหม่อมฉันหรอกเพคะ” อวี๋หมิงหลันส่ายหน้า แต่เมื่อนางกำนัลที่อยู่ข้างกายหลี่กุ้ยเฟยเห็นนางหมางเมินต่อเจ้านายเยี่ยงนี้จึงคิดอยากตำหนิออกไป
“มิเป็นไร เดิมทีอวี๋หมิงหลันตามผู้เป็นบิดามาจากบ้านเกิดจึงมิเข้าใจกฎเกณฑ์ในเมืองหลวง อย่างไรก็ยังบอกกล่าวกันได้” แต่หลี่กุ้ยเฟยกล่าวด้วยท่าทีเสแสร้งใจกว้าง ข่มอารมณ์ฮึกเหิมของอวี๋หมิงหลันเอาไว้
“ได้ยินว่าท่านอ๋องมิได้โปรดปรานกู่เหนียงมาโดยตลอด ข้าได้อ่านเนื้อหาในจดหมายของกู่เหนียงแล้ว เจ้าอยากรับใช้องค์ชายเจ็ดหรือรับใช้ข้าก็เลือกเองเถิด” ดูเหมือนหลี่กุ้ยเฟยนึกถึงจุดมุ่งหมายของตนได้ฉับพลันจึงรีบเอ่ยปากออกมา
“หม่อมฉันยังมีประโยชน์หรือเพคะ ? ” อวี๋หมิงหลันเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย นางยังมิรู้ว่าตนเป็นที่หมายปองเสียแล้ว
“หากกู่เหนียงคิดดีแล้วก็รีบพักผ่อนเถิด ข้าขอตัวไปดูแลฮ่องเต้ก่อน” หลี่กุ้ยเฟยเข้าออกอย่างรู้เวลา รู้ว่าจักบีบอวี๋หมิงหลันเยี่ยงไร
และก็เป็นดังคาด หลังนางจากไปแล้วจดหมายตอบกลับของอวี๋หมิงหลันก็มาถึงคือยอมร่วมมือกับนาง
…
วันนี้อันหลิงเกอได้ต้อนรับลู่จ้านต่อจากไป๋หลี่เฉิน นางคาดมิถึงว่าในวันนี้ลู่จ้านจักมายังจวนของตน
เพราะหลังจากที่นางสมรสกับมู่จวินฮาน ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลู่จ้านก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนแทบกล่าวได้ว่ามิมีเลย
“แม่ทัพน้อยลู่” อันหลิงเกอพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ลู่จ้านกลับงุนงงว่าเหตุใดทุกครั้งที่พบอันหลิงเกอ นางมักแสดงท่าทางนิ่งเฉยเสมอ เวลานั่งอยู่ในลานกว้างก็ดูเหมือนไร้ความรู้สึกอันใด
เขาคิดฝันไปว่าจักได้เห็นความรู้สึกที่พิเศษกว่านี้ ทว่าน่าเสียดาย…
“ที่มาวันนี้ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง” ลู่จ้านพยักหน้าเล็กน้อย ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ตั้งใจมาคุยกับอันหลิงเกอจึงแสดงท่าทีอย่างเป็นธรรมชาติ
“หืม ? ดูเหมือนทุกครั้งที่แม่ทัพน้อยลู่มาเยือนก็มักมาขอร้องอยู่เสมอ มิทราบว่าครานี้จักขอร้องอันใด ? เสนออันใดหรือ ? ”
อันหลิงเกอตั้งใจเย้าแหย่แต่ทำให้ลู่จ้านรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ในเวลานี้ใบหน้าของเขาดูเขินอายราวกับเด็กผู้ชาย
แม้ว่าสิ่งแวดล้อมแตกต่าง ลู่จ้านในตอนนี้ก็รู้สึกลำบากใจอยู่มิน้อย เพราะถูกอันหลิงเกอล่วงรู้ความคิดที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจซึ่งเป็นเพราะความรักที่มีต่ออันหลิงเกอ
จนถึงตอนนี้ยังมีอีกหลายช่วงเวลาที่อันหลิงเกอยังมิรู้ ความรู้สึกที่ลู่จ้านมีต่อนางเป็นเรื่องจริงมาโดยตลอด
มิว่าลู่จ้านหรือไป๋หลี่เฉิน ความรักของพวกเขาต่างก็มีข้อจำกัดมากเกินไป แตกต่างกับมู่จวินฮานโดยสิ้นเชิง พวกเขาคิดแต่อยากครอบครองนางจึงมีเพียงมู่จวินฮานเท่านั้นที่ต้องการนางเป็นชายาอย่างแท้จริง
ในเวลานี้ลู่จ้านได้ยืนอยู่ตรงหน้าของอันหลิงเกอ สีหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้วมิได้แสดงความอับอายเหมือนเมื่อครู่ อันหลิงเกออดรู้สึกขบขันมิได้เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งสูงศักดิ์แต่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากนาง
“แม่ทัพน้อยลู่เชิญกล่าว เมื่อครู่ข้าคงเย้าแหย่ท่านมากเกินไป”
อันหลิงเกอยิ้มเล็กน้อยพลางผายมือให้ลู่จ้านพูดต่อ ถึงอย่างไรนางก็มิจำเป็นต้องสร้างความลำบากใจให้เขา อีกทั้งนางยังสงสัยอยู่ว่าเขามาหาด้วยเรื่องใด
“ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากมาแจ้งให้ทราบ มิทราบว่าหากพระชายามู่ต้องเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฝ่ายมารดาอี้หวางเฟยจักว่าเยี่ยงไร ? ” ลู่จ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าเขาจักถามคำถามเยี่ยงนี้
“หืม ? ” อันหลิงเกอแสร้งทำงุนงงราวกับมิเข้าใจ นางเงยหน้ามองลู่จ้าน แววตาของนางฉายชัดโดยที่ลู่จ้านมิรู้ตัวอีกครั้ง
“พระชายาคงทราบดีว่าการมาของพวกเขาต้องมีการเชื่อมสัมพันธ์กับมู่จวินฮานแน่นอน!”
เมื่ออันหลิงเกอฟังจบก็ทำได้แค่ยิ้มเล็กน้อยโดยมิตอบอันใด ซึ่งลู่จ้านรู้ดีว่าครั้งนี้นางเข้าใจจึงมิได้กล่าวอันใดอีก ได้แต่รอคำตอบของนางเท่านั้น
อันหลิงเกอมิได้ปฏิเสธเขาแต่เลือกบอกเขาอย่างจริงจัง
“ข้ามิอยากคิดไปไกล เพราะในเมื่อท่านอ๋องมู่มิได้คิดมาก ข้าเองก็มิอยากคิดมากในเรื่องนี้เช่นกัน” อันหลิงเกอกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ลู่จ้านรู้สึกเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งแต่ก็ยังยิ้มอย่างจนปัญญา
“หากท่านถือสา ข้ายอม…”
“แม่ทัพน้อยลู่คิดมากไปแล้ว เรื่องนี้มิจำเป็นต้องให้ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยว” อันหลิงเกอบอกเขาออกไปเพราะนางเข้าใจความหมายของลู่จ้านดี
ถึงอย่างไรจุดมุ่งหมายของทุกคนก็พุ่งเป้ามายังมู่จวินฮานและเป็นไปมิได้ที่สตรีชนเผ่านั้นจักแต่งงานกับคนอื่น
หากว่าไปแล้วทุกครั้งที่มู่จวินฮานกลับมาจากออกศึกก็มักพาเชลยกลับมาด้วยเสมอ !
ลู่จ้านมิได้พูดสิ่งใดอีกแต่เลือกจากไปเพียงลำพังเพราะคนที่ของอันหลิงเกอเลือกก็คือมู่จวินฮานมิได้เกี่ยวข้องกับเขา
“แม่ทัพน้อยลู่ช้าก่อน หากข้ากล่าวว่าต้องขอความช่วยจากท่าน ท่านจักว่าเยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเกอที่ชอบทำเป็นมิได้รู้สึกสนใจ เวลานี้กลับเอ่ยปากขอร้องทำให้ลู่จ้านประหลาดใจเล็กน้อย
เขาหันกลับมาโดยมิรู้ว่านางต้องการสิ่งใด แต่หลังจากที่ได้ยินก็มิรู้ว่าควรทำสีหน้าเยี่ยงไร
ลู่จ้านทำได้แค่ยิ้มพร้อมส่ายหน้าราวกับเพิ่งฟังเรื่องขบขันมา เขาเดินจากไปด้วยความลำบากใจ เดิมทีเขาอยากลองหยั่งเชิงนางแต่คาดมิถึงว่าถูกนางเอาคืนเสียได้
เขามิอยากสมรสกับคนภายนอก แต่หากนางเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา มิว่าอย่างไรเขาก็ไม่ปฏิเสธ
อันหลิงเกอมองลู่จ้านที่เดินจากไปโดยมิได้กล่าวอันใดอีกพร้อมยกชาขึ้นจิบ ในวันเช่นนี้นางอยากอยู่อย่างสงบสุข แต่คาดมิถึงว่ามีหลากหลายอารมณ์เยี่ยงนี้
มู่จวินฮานยังมิกลับมา อันหลิงเกอก็เริ่มคิดถึงเขาแล้ว มิใช่ครั้งแรกที่ลู่จ้านลองหยั่งเชิงนาง เพราะครั้งที่แล้วตอนออกศึกเขาก็แย่งตำแหน่งผู้นำทัพกับมู่จวินฮาน
ซึ่งก่อนที่ลู้จ้านออกไปจากจวนอ๋องมู่ มู่จวินฮานก็กลับเข้าจวนพอดี “อ๋องมู่ มิทราบว่าสะดวกเดินไปพลางคุยไปพลางได้หรือไม่” ลู่จ้านเห็นมู่จวินฮานก็เอ่ยกับเขาทันทีและมองไปยังอันหลิงเกอครู่หนึ่ง
แต่อันหลิงเกอเดินเข้าไปในจวนโดยมิคิดอันใดมาก เหลือไว้แค่พวกเขาสองคน