พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 475 นางหึงหวงอีกแล้ว
ตอนที่ 475 นางหึงหวงอีกแล้ว
เมื่อกล่าวจบ นางและหมิงซินก็ขึ้นรถทันที นางเอ่ยกับคนขับรถม้าว่า “กลับจวน”
คนขับรถม้ามองไปยังมู่จวินฮานที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็กล่าวด้วยความลังเลว่า “พระชายา ท่านอ๋องยังมิได้ขึ้นรถ…”
“ข้าให้เจ้ากลับจวนก็บังคับม้าไปเถิด เหตุใดต้องพล่ามไร้สาระด้วย ? ” อันหลิงเกอขมวดคิ้วพลางตำหนิอย่างมิพอใจ
มู่จวินฮานโบกมือให้คนขับรถม้า “มิเป็นไร ไปเถิด”
คนขับรถม้าบังคับม้าจากไปโดยมิลังเลอีก มู่จวินฮานยังยืนอยู่ที่เดิมพลางมองรถม้าค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนส่ายหน้าทั้งจนปัญญาและเข้าใจ
หลังกลับถึงจวนอันหลิงเกอยังขุ่นเคืองจนแม้แต่อาหารมื้อค่ำก็มิแตะต้อง ได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้อง อัดอั้นตันใจเพียงลำพัง
หากมิใช่จ้าวหลานหยู่แล้ว นางก็คงมิได้รับบาดเจ็บ หากมิได้รับบาดเจ็บก็มิต้องโชคร้ายเยี่ยงนี้
เมื่อนึกถึงจ้าวหลานหยู่แล้ว ใจของอันหลิงเกอก็ยิ่งหงุดหงิด
“พระชายาทานสักนิดเถิดเจ้าค่ะ” หมิงซินตะโกนเข้ามาจากหน้าประตู “หากมิทานอันใดเลยก็จะหิวแล้วพาลมิสบายเอาได้เจ้าค่ะ”
“ข้ามิอยากทาน ! ” อันหลิงเกอพูดด้วยความขุ่นเคือง
“พระชายา บ่าวรู้ว่าท่านหึงหวง แต่โกรธเยี่ยงไรก็มิควรทำร้ายตนเองเจ้าค่ะ พระชายา เปิดประตูให้บ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”
“หมิงซิน หยุดพล่ามเหลวไหลได้แล้ว ข้าแค่มิหิวข้าว ! ” อันหลิงเกอเอนกายนอนบนเตียง เอาศีรษะมุดลงกับหมอน ท่าทางอึดอัดใจช่างน่ารักเสียจริง
ในตอนที่นางกำลังหงุดหงิดใจนั้น เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นและมีคนเดินเข้ามา
“ข้าบอกแล้วว่ามิหิว หมิงซิน ! ” อันหลิงเกอขมวดคิ้วพร้อมมองออกไป ทว่าผู้ที่เดินเข้ามามิใช่ใครอื่นแต่เป็นมู่จวินฮาน
เขายืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางสง่างามพลางยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมมองอันหลิงเกอ เขามักแสดงท่าทางสุภาพต่อหน้าคนภายนอก ทว่าต่อหน้าอันหลิงเกอกลับแสดงท่าทางเจ้าเล่ห์ออกมา “พระชายาหึงหวงถึงขั้นนี้เลยหรือ ? ” มู่จวินฮานเอ่ยเย้าแหย่
“ท่านอ๋องเชิญออกไปเถิดเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอลุกขึ้นนั่งแล้วชี้ไปทางประตู
“พระชายามาทานอาหารก่อน แล้วข้าถึงยอมออกไป” มู่จวินฮานเสนอเงื่อนไขอย่างเชื่องช้า
“ข้าทานหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับท่านเจ้าค่ะ ? ” ยิ่งอันหลิงเกอเห็นท่าทางของเขาก็ยิ่งโกรธเคือง
เห็นอยู่ว่าเมื่อครู่เย้าแหย่กับสตรีนางอื่น!
“เอาล่ะเกอเอ๋อ หยุดก่อเรื่องได้แล้ว โกรธแล้วทำร้ายตนเองเยี่ยงนี้ข้าจักรายงานท่านโหวว่าอย่างไร ? ”
“เชี่ยเซินมิบังอาจให้ท่านอ๋องมาแบกความรับผิดชอบนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าทานก็ได้” อันหลิงเกอลงจากเตียงแล้วมานั่งลงข้างโต๊ะ หยิบตะเกียบขึ้นมาแต่มิยอมทาน เอาแต่มองไปทางเขา “ท่านอ๋องยังมิออกไปอีกหรือเจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานคลี่ยิ้ม “ก็ได้ ก็ได้”
หลังเขาออกไปได้มินาน หมิงซินก็เข้ามาอย่างรีบร้อน “ไอหยา พระชายายอมทานแล้ว”
อันหลิงเกอถลึงตาใส่ “เจ้าเป็นคนเรียกท่านอ๋องมาใช่หรือไม่ ? ”
เป็นเหตุให้หมิงซินแสดงสีหน้าลำบากใจ “ผิดแล้วเจ้าค่ะพระชายา ท่านอ๋องมาด้วยตนเอง แต่พูดไปก็แปลกเพราะพระชายาใส่กลอนประตูอย่างแน่นหนา ท่านอ๋องงัดแค่ครั้งสองครั้งก็เปิดออกแล้วเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงเกอส่งเสียง ฮึ อย่างเย็นชา “มู่จวินฮานผู้นี้ประตูใส่กลอนก็ยังสามารถเปิดได้”
“พระชายา เรื่องในวันนี้อาจมีการเข้าใจผิดก็ได้เจ้าค่ะ” หมิงซินคาดเดาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ทันทีที่กล่าวเรื่องนี้ อันหลิงเกอก็ยิ่งโกรธเคืองอีกครั้ง
“หมิงซิน ไปยกสุราเข้ามา”
มิว่าอย่างไรนางก็โกรธ ! มิว่ามู่จวินฮานวางแผนอันใด เด็กสาวที่เจอหรือเรื่องในวันนี้ เขายังมิได้อธิบายให้นางฟัง !
“สุราหรือเจ้าคะ ? ” หมิงซินตกตะลึง
“ยังมิรีบไปอีก!” แม้สายตาของอันหลิงเกอถลึงใส่โดยมิแฝงไปด้วยความโกรธ แต่ก็มองออกว่าอันหลิงเกอเตรียมระเบิดอารมณ์มากกว่าปกติ
“เจ้าค่ะ ไปแล้วเจ้าค่ะ ! ” หมิงซินตรงไปยังห้องครัวทันที มินานก็ยกสุราเข้ามาหนึ่งไห จากนั้นก็รินใส่จอกให้
อันหลิงเกอกระดกดื่มหมดจอก หมิงซินรินสุราให้อีกจอกอย่างลังเล
จอกแล้วจอกเล่าสร้างความตกใจให้หมิงซินมาก “พระชายาหยุดดื่มได้แล้ว ท่านเมาแล้วเจ้าค่ะ”
หมิงซินกอดไหสุราเอาไว้ มิว่าเช่นไรก็มิยอมให้อันหลิงเกอดื่มเด็ดขาด
อันหลิงเกอจึงแย่งจากมือนางไปแล้วเอ่ยปากไล่ “เจ้าออกไปได้แล้ว”
แม้หลายวันมานี้นางดูเหมือนเที่ยวเล่นโดยมิคิดอันใด แต่ในความเป็นจริงคือวิตกตลอดเวลา
เรื่องของจ้าวหลานหยู่ก็ยังมิคืบหน้า มู่จวินฮานยังสร้างปัญหาให้นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีก มิให้นางหงุดหงิดใจได้หรือไร ?
หมิงซินที่ถูกไล่ออกมาก็กระทืบเท้าอย่างร้อนใจ นางกล้าแย่งไหสุรากับอันหลิงเกอได้ที่ไหนกันเล่า ? ทำให้ตอนนี้รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นนางก็นึกถึงมู่จวินฮานขึ้นมา
ใช่แล้ว ท่านอ๋องมีวิธีทำให้พระชายาทานข้าวได้ย่อมมีวิธีทำให้พระชายาหยุดดื่มสุราได้เช่นกัน
หลังตัดสินใจได้แล้วหมิงซินก็รีบวิ่งไปหามู่จวินฮาน
ทว่าตอนที่มู่จวินฮานมาถึงนั้น อันหลิงเกอก็ดื่มสุราจนสติเลอะเลือน เดิมทีนางมิชอบดื่มพอยิ่งขุ่นเคืองใจก็ยิ่งเมาเร็ว
ตอนนี้นางนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าแดงก่ำ ปากพึมพำบางอย่าง มือยังถือจอกสุราเอาไว้
หมิงซินทั้งร้อนใจทั้งปวดใจ “ท่านอ๋องเจ้าคะ ท่านอ๋อง…”
มู่จวินฮานยกมือขึ้น “มิเป็นไร เจ้าออกไปก่อน ประเดี๋ยวข้าอยู่เอง”
หมิงซินลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็พยักหน้าและถอยออกไป
“ท่านมาได้อย่างไร ? ” อันหลิงเกอเห็นเป็นมู่จวินฮาน สติในช่วงสุดท้ายยังมิได้เลือนหาย
“หยุดก่อเรื่องได้แล้วเกอเอ๋อ” ดึกดื่นค่อนคืนไร้ผู้ใด มู่จวินฮานจึงดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดและแย่งไหสุราจากนาง
“เจ้าคนสารเลว ! ” ดูเหมือนอันหลิงเกอกำลังโวยวายเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางน่ารักมากเหลือเกิน
“เรื่องในวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด” มู่จวินฮานก็รู้สึกเสียใจ แล้วเหตุใดจึงอธิบายให้นางฟังตอนนี้ ?
“คนโป้ปด” อันหลิงเกอเมินหน้าไปทางอื่น ท่าทางเข้มแข็งเหมือนเคยได้หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ท่าทางของสตรีธรรมดาผู้หนึ่ง
“นักขับร้องคนนั้นเป็นคนของจ้าวหลานหยู่”
เมื่อได้ยินชื่อจ้าวหลานหยู่ ดูเหมือนอันหลิงเกอตื่นตัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการตื่นตัวคือความมึนเมาหนักกว่าเดิม
“มิได้ ข้ามิสนหรอก ผู้ใดก็มิได้ทั้งนั้น ! ”
นางเมินหน้าไปทางอื่น มิยอมฟังเขาอธิบาย
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าผิดไปแล้ว” มู่จวินฮานมิค่อยได้เกลี้ยกล่อมนางเท่าไรนัก น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นทำให้อันหลิงเกอหลับตาลงจากนั้นก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เด็กโง่
มู่จวินฮานมองชายาที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกอบอุ่นสุดหัวใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนที่อันหลิงเกอกำลังลืมตาก็รู้สึกปวดศีรษะไปชั่วขณะ แต่พอลืมตาได้มินานก็รู้สึกมีบางอย่างมิถูกต้อง
แผงอกนี้มาได้เยี่ยงไร ?
เมื่อคืนนางมิใช่ดื่มสุราคนเดียวหรอกหรือ ?
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็รู้สึกวูบเล็กน้อย นางจึงเพิ่งเห็นว่าเป็นมู่จวินฮาน
เขา…มาได้อย่างไร
บทสนทนาเมื่อคืนและความทรงจำย้อนเข้ามาในสมองของนางอีกครั้ง ทำให้อันหลิงเกออดหน้าแดงระเรื่อมิได้
นาง…คงมิได้อาศัยความเมา…
สวรรค์! นางทำอันใดลงไป !
บางทีเพราะการเคลื่อนไหวของนางรุนแรงเกินไป มู่จวินฮานจึงลืมตาแล้วมองนาง
“ตื่นแล้วหรือ ? ” น้ำเสียงแหบพร่าของเขาทำให้นางอ่อนแรงและทำได้แค่มุดหน้าลงให้ลึกที่สุดพลางตอบรับเบา ๆ
“ข้ายังต้องเข้าวัง เจ้าช่วยข้าแต่งตัวเถิด”
ขณะกล่าวมู่จวินฮานก็ลุกขึ้นและหันหลังให้นาง
แม้อันหลิงเกอมึนศีรษะอยู่เล็กน้อยแต่ก็พยุงตัวขึ้นมาและมิเห็นสีหน้าท่าทางของเขาเพราะในขณะนี้เขาหันหลังให้
เวลานี้มู่จวินฮานแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์เพราะรู้สึกว่าการเย้าแหย่สตรีนางนี้น่าสนุกเสียจริง