พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 481 เส้นทางอันตราย
ตอนที่ 481 เส้นทางอันตราย
“จวินฮาน?” ในเวลาเดียวกันอันหลิงเกอก็ตื่นขึ้นมา นางมองไปรอบด้านก็พบว่าเหลือม้าแค่ตัวเดียว ส่วนมู่จวินฮานได้หายตัวไปอย่างไรร่องรอย
เดิมทีนางคิดว่ามู่จวินฮานคงออกไปหาของบางอย่างในละแวกนี้ แต่นึกมิถึงว่า หลังจากนั่งรออยู่เนิ่นนานยังมิเห็นเขากลับมาจึงทำให้นางเริ่มเป็นห่วง
ในขณะที่นางกำลังเตรียมตัวออกไปตามหามู่จวินฮานก็เห็นรอยเท้าม้าคู่หนึ่งวิ่งตรงไปยังทิศทางของภูเขาหิมะ อันหลิงเกอเข้าใจความคิดของมู่จวินฮานได้ทันที นางจึงก่นด่าเขาตั้งมิรู้กี่รอบจากนั้นก็รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปตามหาเขา
โชคดีที่อยู่ใกล้กับโคลนชื้นแฉะจึงมิมีผู้ใดอาศัยอยู่ นางสามารถเห็นรอยเท้าม้าที่มู่จวินฮานเหลือทิ้งไว้อย่างชัดเจน จากนั้นก็รีบขี่ม้าตามเขาไป
มู่จวินฮานตรงไปข้างหน้าตลอดทาง จู่ ๆ ก็มีเงาดำมืดพุ่งออกมาโดยมิทันตั้งตัวแล้วมันก็พุ่งเข้ากัดแขนของเขาอย่างฉับพลัน
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือเสือดำตัวหนึ่ง
มู่จวินฮานส่งเสียงร้องดังมิได้เพราะกลัวว่าจะนำมาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง กลางป่าในภูเขาลึกเยี่ยงนี้เขามิมีอาวุธติดตัว เมื่อเจอกับเสือดำตัวนี้จึงมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไร
ดูเหมือนเสือดำตัวนั้นกำลังพิจารณามู่จวินฮานอยู่ มันมิได้ลงมือในทันทีและมิได้พุ่งเข้ามาโจมตีเขาอีกครั้ง แต่มันเลือกหมอบร่างให้ต่ำลงแล้วจ้องเขม็งมาที่การเคลื่อนไหวของมู่จวินฮานโดยมิละสายตา
มู่จวินฮานก็เข้าใจในทันทีว่านี่คือพฤติกรรมก่อนที่สัตว์ป่าจะทำการโจมตีเหยื่อ เขาเริ่มมิสบายใจเพราะยังไปมิถึงเขตภูเขาหิมะก็ต้องมาจบชีวิตลงตรงนี้แล้วหรือ ?
เขาทิ้งอาวุธไว้ให้อันหลิงเกอไปแล้ว บนตัวจึงมิมีแม้แต่ตะบันไฟ มีเพียงหน้าไม้บนเอวที่ยังพอใช้งานได้ แต่พลังของหน้าไม้ในระยะเท่านี้ก็ยังมิพอที่จะทะลุเนื้อหนังของเสือดำตัวนี้ได้
ในเวลาเดียวกันมู่จวินฮานก็เข้าใจว่าตนเหลือเพียงสู้เต็มกำลังเท่านั้น ต่อให้หลบหนีเยี่ยงไรก็มิสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้นักล่าโดยธรรมชาติตัวนี้ได้
ฤดูกาลนี้เสือตัวผู้กำลังอยู่ในช่วงผสมพันธุ์ ดังนั้นที่พบก็คงเป็นเสือตัวเมีย
คิดได้ดังนี้มู่จวินฮานจึงกัดฟันกรอด ขอแค่มีกำลังต่อสู้กับเสือตัวนี้มากพอ บางทีอาจมีโอกาสรอดชีวิตก็ได้ ดูเหมือนเสือก็เข้าใจความหมายในสายตาของมู่จวินฮาน ระหว่างนั้นจึงหมอบตัวให้ต่ำลงกว่าเดิมคล้ายโจมตีได้ทุกเมื่อ
มิรู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายยังมิยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ดูเหมือนรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูตัวฉกาจที่มิอาจโจมตีบุ่มบ่ามได้
ดูเหมือนเสือรอมิไหวอีกต่อไป มันจึงพุ่งตัวเข้าหามู่จวินฮานอย่างฉับพลัน ส่วนมู่จวินฮานก็รีบหมอบตัวให้ต่ำลงแล้วหยิบก้อนหินซัดออกไปกระแทกใส่หัวของเสือดำ
ทว่าไร้ประโยชน์อันใดและยิ่งทำให้เสือดำโกรธมากขึ้น มันจึงพุ่งเข้าโจมตีมู่จวินฮานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจับท่อนไม้ที่อยู่ในมือไว้แน่นแล้วอาศัยท่อนไม้เป็นกระบี่ แต่อย่างไรท่อนไม้ก็ยังมีคุณสมบัติค่อนข้างเปราะบาง เขาใช้มันเพียงมิกี่ครั้งก็หัก แต่เสือดำตัวนั้นมิได้รับบาดเจ็บเลย
มู่จวินฮานถอยหลังพลางหยิบหน้าไม้บนเอวออกมาและยิงลูกดอกทั้งสามออกไปด้วยความโกรธ สองลูกดอกปักตรงหน้าอกของเสือดำอย่างแรง ส่วนอีกลูกถูกเสือดำหลบหลีกได้
แม้ว่าเสือดำโดนยิงแต่มิเป็นอันใดเพราะมันหนังหนาอยู่แล้ว
มู่จวินฮานรู้ว่าตนมิมีทางรอด เหลือเพียงต้องสู้กับเสือดำที่แสนดุร้ายตัวนี้ด้วยมือเปล่าเท่านั้น
เวลานี้เสือดำถูกกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่า ดูท่ามันคงโกรธมิน้อยจึงพุ่งเข้าหามู่จวินฮานอีกครั้งและครั้งนี้ก็กัดลงบนไหล่ของเขา
ส่วนมู่จวินฮานหลบเลี่ยงมิทันจึงถูกกัดเข้าเต็มแรง เขารู้สึกเหมือนทั่วทั้งแขนไร้ความรู้สึกใด เมื่อเสือดำตัวนั้นเห็นจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลายแล้วเตรียมการโจมตีอีกรอบ
โชคดีที่มันเป็นแค่ตัวเมีย พละกำลังจึงมิได้มากมายนัก แต่ไหล่ของเขาก็มีเลือดไหลอาบมิน้อย
ในเวลานี้ไหล่ข้างซ้ายของเขาเหมือนมิใช่ของตนอย่างไรอย่างนั้นเพราะเขามิสามารถขยับเขยื้อนได้ ทั้งยังสั่นโดยมิรู้ตัวตลอดเวลาอีกด้วย แต่เสือดำตัวนั้นยังมิยอมถอย มันพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง
ครั้งนี้มู่จวินฮานหมดแรงต่อต้านจึงได้แต่มองเสือดำพุ่งเข้ามา ทว่าจู่ ๆ ก็มีลมกระโชกแรงพัดผ่านไปอย่างฉับพลันและพุ่งเข้าหาส่วนท้องของเสือดำโดยตรง
เสือดำตัวนั้นถูกยิงและดูเหมือนบาดเจ็บร้ายแรงด้วย เวลานี้มันจึงเกลือกกลิ้งไปบนพื้น หลังจากถูจนลูกธนูหักก็พุ่งเข้าหามู่จวินฮานอีก
ในตอนนี้มีคบเพลิงคบหนึ่งถูกโยนใส่ตัวของเสือดำ แต่มันหลบเลี่ยงไปด้านหลัง คบเพลิงจึงร่วงหล่นลงพื้นหญ้าตรงเบื้องหน้าของมู่จวินฮาน จากนั้นก็ติดไฟอย่างรวดเร็วแล้วก่อตัวเป็นกำแพงไฟทันที
เมื่อเสือดำตัวนั้นเห็นว่ากำลังเสียเปรียบจึงรีบวิ่งไปยังทิศทางตรงข้ามอย่างรวดเร็วแล้วอำพรางตัวอยู่ท่ามกลางป่าดงพงไพรอย่างไร้ร่องรอย อันหลิงเกอเห็นสถานการณ์เป็นเยี่ยงนี้แล้วจึงเดินไปหามู่จวินฮาน
“เกอเอ๋อ” มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอวิ่งมา ในใจก็มิรู้ว่าควรรู้สึกเยี่ยงไรเพราะหากเมื่อครู่มิได้นางช่วย ตนก็คงกลายเป็นเหยื่อของเสือดำไปแล้ว
“หากข้ากลับไปแล้ว เมื่อครู่ท่านต้องเจออันตรายมากเพียงใด ท่านรู้หรือไม่ ! ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความโกรธ นางมองสีหน้าที่สับสนของมู่จวินฮาน เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของตนแล้วดูเหมือนสิ่งที่มู่จวินฮานใส่ใจยิ่งกว่าก็คือชีวิตของอันหลิงเกอ
ในเวลานี้อันหลิงเกอมิได้ตำหนิอันใดออกมา นางทำเพียงหยิบยาสมานแผลออกมาแล้วฉีกเสื้อของเขาพร้อมโรยยาให้เท่านั้น
โชคดีที่แผลมิได้ร้ายแรงนัก เขาแค่ได้รับบาดเจ็บบริเวณผิวหนังเท่านั้น พันแผลไว้ก็มิเป็นอันใดแล้ว
สถานที่ที่มู่จวินฮานอยู่ห่างจากภูเขาหิมะมิไกลและใช้เวลาอีกมินานก็จะเข้าสู่หุบเขาหิมะแล้ว ทันทีที่สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นยะเยือกทั้งสองคนก็รู้ว่าอันตรายใหญ่หลวงมากกว่ากำลังรออยู่
สมุนไพรชนิดนี้เติบโตในหุบเขา หากมิระวังก็อาจก้าวพลาดเอาได้ อันหลิงเกอนำเรื่องที่รู้บอกมู่จวินฮาน ทั้งสองคนเข้าใจในเวลาเดียวกันว่ายังต้องเดินทางต่อซึ่งเส้นทางนี้ ม้ามิสามารถวิ่งได้
เมื่อเดินมาได้ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดอันหลิงเกอก็สังเกตเห็นความเขียวขจีท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนแห่งนี้ พืชพรรณประเภทยารักษาตรงหน้าล้วนเป็นสมุนไพรที่อันหลิงเกอและมู่จวินฮานกำลังตามหา!
อันหลิงเกอจึงรีบเข้าไปเก็บมาสองสามต้นทันทีจากนั้นก็ยัดใส่ตรงหน้าอก ส่วนมู่จวินฮานก็เลียนแบบวิธีการเก็บของนางเช่นกัน
ทั้งสองคนเดินออกจากเขตภูเขาหิมะอย่างระมัดระวังทีละก้าวโดยมิกล้ากล่าวอันใด
ทว่าต่อให้ป้องกันอย่างไรก็ยังหลีกหนีมิพ้น ยังมิทันรอให้พวกเขาได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง หมาป่าหลายตัวที่มิรู้ว่าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็พุ่งออกมา แม้หมาป่าเหล่านี้ตัวเล็ก แต่อันหลิงเกอก็รู้ดีว่าสัตว์ป่าย่อมอันตรายยิ่งกว่าสิ่งใด
เวลานี้มู่จวินฮานและอันหลิงเกอหันหลังชนกัน มินานก็ถูกฝูงหมาป่าล้อมจนได้
ความสามารถในการสะกดรอยตามของหมาป่าหิมะนั้นเก่งกาจมาก เกรงว่าหากพวกเขาหนีไปได้ก็ยังโดนสะกดรอยตามอีกอยู่ดี
ในขณะที่พวกเขากำลังคิดว่าจะฝ่าฝูงหมาป่าเหล่านี้ออกไปเยี่ยงไร หมาป่าจ่าฝูงก็ส่งเสียงหอนโหยหวนออกมา อันหลิงเกอคิดว่าเป็นการออกคำสั่งของพวกมัน แต่นึกมิถึงว่าหมาป่าทั้งหมดจะวิ่งหนีไปและหายตัวไปต่อหน้าอย่างรวดเร็ว