พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 484 ติดกับ!
ตอนที่ 484 ติดกับ!
เวลานี้มู่จวินฮานได้สติคืนมาแล้ว ทันทีที่เห็นซุปวางอยู่บนโต๊ะก็จำเรื่องทั้งหมดได้ทันใด
บัดซบ ติดกับจนได้!
“เกอเอ๋อ เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน” มู่จวินฮานที่ได้สติกลับมาทั้งหมด พอเห็นอันหลิงเกอเตรียมเดินจากไปจึงร้อนใจแล้วรีบวิ่งมารั้งตัวนางไว้
อันหลิงเกอออกแรงสะบัดมู่จวินฮานออกพร้อมชำเลืองตามองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย มิเอ่ยคำใดออกมาและเตรียมเดินจากไป
สถานการณ์เยี่ยงนี้นางมิอยากคิดมาก
“เกอเอ๋อ เจ้าฟังข้าก่อน นางวางยาข้า…” มู่จวินฮานรีบกอดอันหลิงเกอไว้แน่น เขารู้แก่ใจดีว่าหากมิรีบอธิบายและชี้แจงให้กระจ่างแล้วปล่อยให้นางเข้าใจผิด วันข้างหน้าคงยากจะแก้ไข
ทว่าในขณะที่อันหลิงเกอตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็ได้กลิ่นของหญิงอื่นแผ่ออกมาจากตัวของสามี เสื้อคลุมของเขาถูกเปลื้องออกและดูเหมือนยังมีร่องรอยของเสี่ยวเสวียหลงเหลืออยู่บนร่างกายกำยำ อันหลิงเกอจึงออกแรงผลักและครั้งนี้นางเดินจากไปโดยมิหันหลังมามองอีก
มู่จวินฮานมองถ้วยซุปที่วางอยู่บนโต๊ะและมองสภาพของตนอีกครั้งจึงได้แต่สบถด่าเพราะทำอันใดมิได้แล้ว ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้แม้แต่โอกาสให้อธิบายก็ยังมิมี
อันหลิงเกอมิสบายใจอย่างมาก แม้ในใจยังเชื่อมู่จวินฮานเพราะรู้พฤติกรรมของเขาดีว่ามิมีทางทำเรื่องเยี่ยงนี้
ทว่าเสี่ยวเสวียอยู่ข้างกายนางและปฏิบัติตัวดีมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้นคืออีกฝ่ายเป็นสาวใช้ที่หลี่กุ้ยเฟยส่งมาดูแลองค์ชายน้อยจึงมิน่ามีจุดประสงค์อันใดแอบแฝง
เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพที่เสี่ยวเสวียหยอกล้ออย่างสนุกสนานกับองค์ชายน้อยแล้วนางจะทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้หรือ ?
“พระชายาเจ้าคะ บางทีท่านอ๋องอาจมิได้ตั้งใจกระทำ เรื่องนี้…” ปี้จูคอยมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ฝั่งหนึ่งอยากช่วยพูดให้มู่จวินฮาน อีกฝั่งหนึ่งก็มิอยากให้อันหลิงเกอรู้สึกมิสบายใจเพราะเรื่องนี้
“เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว มิต้องเอ่ยถึงมันอีก” อันหลิงเกอส่ายหน้า มิอยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเพราะมิว่านางจัดการอย่างไรก็ล้วนมิส่งผลดีทั้งสิ้น
“แต่ว่า…” ปี้จูรู้ว่าเวลานี้อันหลิงเกออยากหนีออกจากความหงุดหงิดในใจเต็มทน แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้ว่าหากอันหลิงเกอเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดไป วันข้างหน้าอาจเกิดความเข้าใจผิดกว่าเดิมก็ได้
“เอาล่ะ หมดเรื่องต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมเนียมแล้วก็หยุดเอ่ยถึงอีก” อันหลิงเกอเอ่ยย้ำอีกครั้ง ครานี้นางใช้เสียงที่สูงขึ้น ปี้จูจึงมิได้กล่าวอันใดอีกและทำได้เพียงก้มหน้าลง
ชิงเฟิงและหมิงซินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนก็ทำได้เพียงสบตากันและส่ายศีรษะอย่างคิดมิตก
เรื่องนี้พวกตนมิอาจก้าวก่ายได้ คงต้องรอให้พวกเจ้านายแก้ไขความเข้าใจผิดกันเองเพราะมิมีผู้ใดรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรหรือใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่
“พระชายาพักผ่อนเถิด ปี้จูขอตัวลาเจ้าค่ะ” ปี้จูเห็นอันหลิงเกอมีท่าทางมิอยากพูดอันใดจึงขอตัวถอยออกไปก่อน
ผู้ที่หลี่กุ้ยเฟยจัดเตรียมมาให้นั้นมู่จวินฮานมิเคยวางใจอยู่แล้ว กระทั่งเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเสี่ยวเสวียเป็นบุคคลอันตราย หากปล่อยให้นางอยู่ข้างกายอันหลิงเกอต่อไป เขาคงมิสบายใจ
มู่จวินฮานเดินมาถึงหน้าเรือนฝูหลิงโดยมิรู้ตัว
เมื่อเสี่ยวเสวียที่กำลังตัดหญ้าอยู่ในลานกว้างเห็นมู่จวินฮาน ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาทันที
เสี่ยวเสวียวางกรรไกรที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็เดินออกไปนอกลานกว้าง มู่จวินฮานมิเห็นอันหลิงเกอจึงผิดหวังมากและกำลังเตรียมเดินจากไปแต่ถูกเสี่ยวเสวียเรียกไว้
“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ” เวลานี้ใบหน้าของเสี่ยวเสวียมิได้แสดงความหวาดกลัวออกมา เมื่อมู่จวินฮานหันมามองก็เข้าใจทันทีว่านางมิได้เกรงกลัวกันเลยสักนิด
“ข้ามิได้เรียก แต่เจ้ากล้าเสนอหน้ามาเองเลยหรือ ? ” มู่จวินฮานมิรู้ว่าเสี่ยวเสวียเตรียมการทำอันใด สตรีคนนี้มากเล่ห์และเขาก็มิกล้าคาดเดา
“ท่านอ๋อง วันนี้พระชายามิอยู่ในจวนแต่ท่านก็มาที่นี่ มาหาบ่าวหรือเจ้าคะ ? ท่านอ๋องรู้สึกพิเศษกับบ่าวแล้วหรือเจ้าคะ ? ”
วาจามิเจียมตนของเสี่ยวเสวียทำให้มู่จวินฮานอดหน้าแดงหูแดงด้วยความโกรธมิได้ คาดมิถึงว่าเด็กสาวผู้นี้ไร้ยางอายมาก ไร้ยางอายโดยมิเกรงกลัวสิ่งใด !
ปกติแล้วเขามิเคยบันดาลโทสะใส่สตรีมาก่อน แต่ครานี้เขารีบรุดหน้าเข้าไปบีบคอของเสี่ยวเสวียโดยไร้ความลังเล ส่วนนางก็มิได้ดิ้นหรือหนีแต่อย่างใด มิรู้ว่านางตั้งใจหรือไม่ เพราะจู่ ๆ นางก็ยกเท้าขึ้นมาเตะบัวรดน้ำที่อยู่ด้านข้าง
เสียงล้มของบัวรดน้ำดังมาก อันหลิงเกอที่อยู่ในห้องจึงได้ยินและอดขมวดคิ้วมิได้
“มู่จวินฮาน ! ” เมื่ออันหลิงเกอเห็นภาพเยี่ยงนี้จึงรีบเข้ามาขัดขวาง
“มู่จวินฮาน ท่านปล่อยนางเดี๋ยวนี้!” มู่จวินฮานนึกมิถึงว่าอังหลิงเกอจะปรากฎตัวเพราะเมื่อสักครู่เสี่ยวเสวียบอกว่า…
บัดซบ ติดกับอีกจนได้ !
มู่จวินฮานจึงปล่อยมือ เสี่ยวเสวียล้มไปกองกับพื้นและอันหลิงเกอรีบเข้ามาดูนางทันที เมื่อเห็นว่านางมิเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็วางใจ
“เหตุใดท่านต้องทำเยี่ยงนี้ ! ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอแฝงความเย็นยะเยือก ทันทีที่มู่จวินฮานได้ยินก็อดสั่นสะท้านมิได้ เขามิเคยเจออันหลิงเกอในอารมณ์นี้มาก่อน ทว่าวันนี้นางเกรี้ยวกราดใส่ตนเพราะสาวใช้เพียงคนเดียว
“เกอเอ๋อ เจ้าฟังข้าก่อน เสี่ยวเสวียมิควรอยู่ที่นี่เพราะนางอยู่ใกล้เจ้า ตัวข้ามิวางใจ” มู่จวินฮานพยายามอธิบายแต่อันหลิงเกอตีความหมายของเขาผิดทั้งหมด
“ท่านอ๋องคิดฆ่าคนปิดปากหรือ ! ” อันหลิงเกอแสยะยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วใช้สายตาในเชิงถามมู่จวินฮาน ซึ่งเขาก็รู้ว่าถูกอันหลิงเกอเข้าใจผิดอีกครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงอดร้อนใจมิได้
ดูเหมือนทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเสี่ยวเสวีย เมื่อครู่เพราะตนถูกนางยั่วโทสะและเชื่อคำพูดจึงลงมือทำร้ายนางทันทีจนทำให้อันหลิงเกอมาพบเข้า
ช่างเป็นการคำนวณได้อย่างแม่นยำ หญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนมีจุดประสงค์อันใดบางอย่าง
มู่จวินฮานยิ่งมั่นใจว่าเสี่ยวเสวียมิเพียงเข้ามาเพื่อดูแลองค์ชายน้อย แต่ในใจของนางต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน
สำหรับเจ้านายตัวจริงของนาง…
“ท่านไปเถิด ข้ามิอยากเห็นหน้าท่านอีก” ในขณะที่มู่จวินฮานกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อันหลิงเกอก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา มู่จวินฮานจึงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิมเพราะมองออกว่าครั้งนี้อันหลิงเกอเอือมระอาต่อตนแล้วจริง ๆ
ปกติแล้วมิว่าเป็นหลิงอวี่หนิงก็ดี อวี๋หมิงหลันก็ดี ทั้งสองล้วนมิเคยยั่วโมโหเขาเยี่ยงนี้แต่เสี่ยวเสวียกลับสร้างเรื่องปั่นป่วนได้มาก ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจเสียจริง
อันหลิงเกอประคองเสี่ยวเสวียเข้าไปในเรือน เมื่อเห็นร่องรอยบนลำคอของอีกฝ่ายก็อดตำหนิตนเองมิได้
ในความเป็นจริงอันหลิงเกอก็มิเคยเห็นมู่จวินฮานเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน เขาลงมือทำร้ายสตรีได้อย่างโหดเหี้ยมโดยมิน่าเชื่อ
“พระชายา ท่านมิควรสงสัยท่านอ๋องนะเจ้าคะ” หมิงซินประทินโฉมให้อีกฝ่ายพลางทอดถอนใจ
อันหลิงเกอก็มิรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไรแต่หลายวันมานี้อารมณ์ของนางขึ้นลงตลอดเวลาโดยมิทราบสาเหตุ แค่เสี่ยวเสวียเพียงคนเดียว นางถึงขั้นทะเลาะกับมู่จวินฮานจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตเยี่ยงนี้