พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 504 มาเพื่อนาง
ตอนที่ 504 มาเพื่อนาง
“เจียงเช่อเฟย คำว่าพี่สาวให้เกียรติเกินกว่าที่ข้าจักแบกรับได้ เพราะเจียงอ๋องเป็นถึงองค์ชายเจ็ด มิทราบว่าคำเรียกเยี่ยงนี้เจียงเช่อเฟยเอามาจากแห่งใดหรือ ? ”
อวี๋หมิงหลันอายุน้อยกว่า อันหลิงเกอย่อมรู้ดี ทว่าอยากเตือนอวี๋หมิงหลันผู้นี้ให้รู้ตัวว่าได้อภิเษกสมรสกับจ้าวหลานหยู่ไปแล้ว
ก่อนหน้านั้นตอนที่อีกฝ่ายยังอยู่ในจวนอ๋องมู่แล้วเอ่ยเรียกว่าพี่สาวก็มิเป็นไร แต่ตอนนี้เหตุการณ์มิได้เหมือนอดีตแล้ว
แท้จริงแล้วนางก็มิได้โหดร้ายอันใดต่ออวี๋หมิงหลัน เพียงแต่วันนั้นถ้ามิใช่อวี๋หมิงหลันต้องแต่งออกจวน นางก็มิมีทางตกหลุมพรางของจ้าวหลานหยู่จนถูกโยนเข้าไปในหอพิษกู่เยี่ยงนั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นอันหลิงเกอก็ยิ่งเกลียดอวี๋หมิงหลัน
ได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยเยี่ยงนี้ สีหน้าของอวี๋หมิงหลันก็เปลี่ยนไป แต่มินานก็นั่งลงและส่งยิ้มตอบโต้
“เพราะข้าบุ่มบ่ามเกินไป เมื่อครู่ในใจคิดว่าคงสนิทสนมกับพระชายามู่มากพอ คาดมิถึงว่า…”
ในตอนที่กล่าวประโยคนี้ออกมาแววตาของอวี๋หมิงหลันจับจ้องไปยังมู่จวินฮานคล้ายอยากเห็นว่าเขาจักมีปฏิกิริยาตอบสนองเยี่ยงไร ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบมู่จวินฮานมิได้มองนางเลยแม้แต่วูบเดียว
เรื่องในวันนั้นมู่จวินฮานก็มองพิรุธออก ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างอวี๋หมิงหลันและจ้าวหลานหยู่มีการทำข้อตกลงร่วมกันบางอย่าง
“ที่เจียงเช่อเฟยมาถึงที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือ ? ” เวลานี้อันหลิงเกอแสดงท่าทางของนายหญิงออกมาอย่างชัดเจนจึงทำให้อวี๋หมิงหลันตกตะลึง ในตอนแรกที่อยู่จวนอ๋องความรู้สึกที่อันหลิงเกอมีต่อนางมิใช่เยี่ยงนี้
“มิมีอันใดหรอก แค่ได้ยินว่าพระชายากลับมาโดยสวัสดิภาพหลังออกจากจวนไปสองสามวัน ข้าจึงมาเยี่ยมเยือนสักหน่อย” หากอวี๋หมิงหลันมิเอ่ยถึงเรื่องนี้อันหลิงเกอก็คงมิอยากสานสัมพันธ์อันใดด้วย แต่เวลานี้อันหลิงเกอมั่นใจมากทีเดียวว่าอวี๋หมิงหลันต้องล่วงรู้แผนการของจ้าวหลานหยู่เป็นแน่
นอกจากนี้เรื่องมิคาดฝันที่เกิดขึ้นกับอวี๋เฉิงกู้ในเผ่าหมานอี๋ ด้านอวี๋หมิงหลันก็คงรู้ทุกอย่าง
“อดีตข้าต้องบาดหมางกับท่านอ๋องเพราะเรื่องเล็กน้อย กลับมาครานี้รู้สึกว่าเรื่องในอดีตมิได้ร้ายแรงเลย” ตอนที่อันหลิงเกอเอ่ยประโยคนี้สายตามิได้ละไปจากอวี๋หมิงหลันแม้แต่น้อย เมื่อเห็นความวิตกในสายตาของอีกฝ่าย อันหลิงเกอจึงลอบยิ้มในใจ
แม้อันหลิงเกอเทียบมิได้กับวิชาหลอกลวงของสตรีเหล่านี้ ทว่าอย่างน้อยนางก็มิโดนหลอกโดยง่าย
“ก็ดีแล้ว” เมื่อเอ่ยสามพยางค์นี้จบอวี๋หมิงหลันที่นั่งอยู่ก็ดูเหมือนมิสบายใจและกล่าวอันใดมิออกแม้แต่คำเดียว
อันหลิงเกอแตกต่างจากที่นางคิดไว้มาก ความรู้สึกเป็นกันเองในครั้งที่แล้วบัดนี้มิมีเหลือสักนิด
ภายในจวนอ๋องมู่ก่อนหน้านั้น อันหลิงเกอมิเคยทำให้เช่อเฟยผู้ใดลำบากใจมาก่อน อวี๋หมิงหลันก็ยอมรับอยู่ในใจมาโดยตลอด บางทีอันหลิงเกอก็เป็นเสมือนเด็กอมมือ
“จริงสิ หลายวันมานี้สมุนไพรของคลังเก็บยายังเพียงพอหรือไม่ ? ” มู่จวินฮานเอ่ยถาม
“เรียนท่านอ๋อง ยาบางตัวก็มิเหลือแล้วเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นข้าจะเขียนตัวยาที่จำเป็นต้องใช้ให้ปี้จูไปส่งเจ้าค่ะ”
เวลานี้มู่จวินฮานและอันหลิงเกอดูเหมือนมิได้สนใจอวี๋หมิงหลันแต่อย่างใด ทั้งสองสนทนากันและมิมีช่องว่างให้อีกฝ่ายได้พูดแทรก
อวี๋หมิงหลันรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกินเยี่ยงนี้ครั้งแรก มิมีผู้ใดสนใจสถานะของนางว่าเป็นอวี๋กู่เหนียงหรือเจียงเช่อเฟย
เมื่อก่อนตอนอยู่ในตระกูลอวี๋ นางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตระกูล ครั้นมาอยู่ในจวนของจ้าวหลานหยู่ อย่างน้อยนางก็เป็นเจียงเช่อเฟย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของมู่จวินฮาน นางกลับไร้ค่าและไร้ความหมาย
“จริงสิ เจียงเช่อเฟย” จู่ ๆ อันหลิงเกอก็เรียกนางอย่างฉับพลัน
“หืม ? ” อวี๋หมิงหลันเงยหน้าอย่างร้อนใจเพรากลัวว่าจักพลาดโอกาสได้รับความสนใจไป
“พี่ชายของเจ้าเขียนจดหมายมารายงานท่านอ๋องว่าปลอดภัยดี เจ้ามิต้องเป็นห่วง” ประโยคนี้ทำให้อวี๋หมิงหลันตกตะลึง พี่ชายของนางเขียนจดหมายมารายงานมู่จวินฮานว่าปลอดภัยหรือ ?
“จวินฮาน…”
อวี๋หมิงหลันมองมู่จวินฮาน ดูเหมือนว่านางมีเรื่องอยากถามมากมาย ทว่ามิได้กล่าวอันใดต่อ แค่มองไปยังอันหลิงเกอตลอดเวลาเท่านั้น
“ขอบพระคุณพระชายาที่แจ้งให้ทราบ” น้ำเสียงของอวี๋หมิงหลันสั่นเครือเล็กน้อย พี่ชายของนางเลือกสนับสนุนมู่จวินฮานหลังจากนางอภิเษกกับจ้าวหลานหยู่เยี่ยงนั้นหรือ ?
ดูเหมือนว่าข่าวในวันนั้นเป็นจริง จ้าวหลานหยู่ส่งคนไปสังหารพี่ชายของนาง!
เวลานี้สิ่งที่อันหลิงเกอต้องการคือความสงสัยของนาง เพียงเพื่อให้นางเกิดความสงสัยต่อจ้าวหลานหยู่
หลังจากมีคนคอยผสมโรงอยู่เบื้องหลัง อันหลิงเกอต้องใช้โอกาสนี้แน่นอน บัดนี้ตนเป็นถึงพระชายามู่แล้วย่อมเป็นนายหญิงแห่งจวนอ๋องมู่
“ฟ้ามืดแล้วข้าขอตัวลา วันข้างหน้าค่อยนัดเจอพระชายาใหม่” รอยยิ้มของอวี๋หมิงหลันช่างฝืนนัก นางให้สาวใช้ข้างกายประคองตนไว้และเดินออกนอกจวนไปทีละก้าว
“มิปวดใจหรือเจ้าคะ ? ” หลังจากอวี๋หมิงหลันเดินออกไป หลิงอันเกอก็มองมู่จวินฮาน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ทุกครั้งที่เขาเห็นอันหลิงเกอแสดงท่าทางเหมือนเด็กเยี่ยงนี้ก็มิรู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
“นางเป็นเช่อเฟยของเจียงอ๋อง ข้าจักปวดใจได้เยี่ยงไร ? ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานมิได้แฝงไปด้วยความอิจฉาราวกับต้องการยืนยันความจริงใจ
เมื่อเห็นเขาเป็นเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็รู้ทันทีว่าเขาได้ปล่อยวางความรู้สึกไปนานแล้ว เพียงแต่มิรู้ว่าสำหรับอวี๋หมิงหลันจักเป็นเหมือนเขาหรือไม่ ?
แท้จริงแล้วสิ่งที่เรียกว่าคู่รักในวัยเด็ก อันหลิงเกอเข้าใจมาโดยตลอดว่ามิใช่รูปแบบของความรู้สึกเพราะความรู้สึกภายในใจของมู่จวินฮานที่เป็นความรักคือมิได้เป็นของอวี๋หมิงหลัน
“จริงสิ หากมิมีเรื่องอันใดแล้วก็ให้ซูโจวมาช่วยข้าแล้วกันเจ้าค่ะ”
เดิมทีอันหลิงเกอต้องการพูดไปเรื่อยเปื่อย นางอยากพบซูโจวเพราะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหอพิษกู่มากขึ้นเท่านั้น
“ข้าจักช่วยเจ้าเอง”
อันหลิงเกอมิรู้ว่ามู่จวินฮานเป็นอันใดถึงได้แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
“ยามบ่ายข้ามิมีธุระอันใด ข้ามาช่วยเจ้าจัดการสมุนไพรดีกว่า”
มู่จวินฮานพูดย้ำอีกครั้ง ส่วนอันหลิงเกอก็พยักหน้าคล้อยตามราวกับเห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ไร้สาระของเขา
เห็นได้ชัดว่าเขามิรู้อันใดเลยสักอย่าง แล้วจะมาช่วยนางได้เยี่ยงไร ?
อันหลิงเกอมิรู้ว่ามู่จวินฮานเห็นความรู้สึกเพียงน้อยนิดที่ซูโจวมีให้นาง ดังนั้นเขาจึงมิต้องการปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือซูโจวแสดงท่าทางปกป้องอันหลิงเกอต่อหน้าเขาอย่างชัดเจน เกรงว่าความรู้สึกที่อยู่ในใจของซูโจวคงลึกซึ้งมากเกินไป เขาจึงมิอยากให้อีกฝ่ายใกล้ชิดอันหลิงเกออีก
ยามนี้อันหลิงเกอมิรู้ว่ามู่จวินฮานกำลังคิดอันใด แต่ในใจของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ แล้ว
“มิเป็นไร ข้าเรียกปี้จูมาก็พอเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอมิอยากให้มู่จวินฮานเข้ามายุ่งในคลังเก็บยาของตน
“มอบใบสั่งยาให้ชิงเฟิง แล้วให้เขาออกไปซื้อ”
มู่จวินฮานมิยอมฟังคำของนาง ทั้งยังมิให้โอกาสนางได้ปฏิเสธ
แท้จริงแล้วในใจของอันหลิงเกอยังมีความกังวลอยู่มิน้อยเพราะการปรากฎตัวของหนานกงหลิงเยว่ครานั้น นางมิอยากดึงมู่จวินฮานเข้ามาเกี่ยวข้อง
“มิจำเป็นเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอปฎิเสธได้มินาน มู่จวินฮานก็เมินหน้าไปทางอื่นราวกับมิได้ฟัง
นางถอนหายใจออกมา มู่จวินฮานเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ?
เมื่อคิดได้อันหลิงเกอก็ฉลาดขึ้นมาทันใด ดูเหมือนว่าตอนนี้มู่จวินฮานใส่ใจเรื่องของนางมากขึ้น ทว่าการก้าวก่ายเรื่องเหล่านี้ของมู่จวินฮานมิได้ทำให้นางรำคาญใจเลย
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” กล่าวจบ นางก็เดินออกจากห้องโถงไป