พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 521 ปกป้องอย่างลับ ๆ
ตอนที่ 521 ปกป้องอย่างลับ ๆ
ดังนั้นการที่หนานกงหลิงเยว่ปกป้องอันหลิงเกออย่างลับ ๆ นี้ ต่อให้คนที่อยู่ในเงามืดมิได้ลงมือทำอันใดก็เพียงพอให้อีกฝ่ายชั่งน้ำหนักตริตรองก่อนลงมือได้บ้าง
“ช่างเถิด ที่ข้ามาก็เพื่อเอ่ยเรื่องของทัวป๋าหลิวลี่กับเจ้าเท่านั้น ในเมื่อเจ้าเคยพบนางมาก่อนก็ควรระวังตัวไว้” กล่าวจบแล้วหนานกงหลิงเยว่ก็เตรียมจากไป
“ช้าก่อน” อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนและรีบเรียกเอาไว้
หนานกงหลิงเยว่จึงหันกลับมาอย่างมิเข้าใจราวกับคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะรั้งนางไว้
“ที่เรือนข้ายังมีขนมอยู่บ้าง มิสู้เจ้าอยู่ทานสักหน่อย”
อันหลิงเกอกล่าวโดยมิได้คิดอันใด แต่รินน้ำชาให้อีกฝ่ายและแบ่งขนมใส่จานอย่างพิถีพิถัน
“*ความเคารพเทียบมิได้กับทำตามคำสั่ง”
หนานกงหลิงเยว่มิได้มีภารกิจอันใด เพราะทุกวันนี้ฟางหลิงซู่มอบหมายให้นางอยู่ปกป้องอันหลิงเกอให้ดี ตัวนางก็เฝ้าอยู่ข้างกายของอันหลิงเกอทั้งวันทั้งคืน เพียงแต่อีกฝ่ายมิรู้เท่านั้น
ในขณะเดียวกันอันหลิงเกอก็ลอบพิจารณาหนานกงหลิงเยว่อีกครั้ง นางรู้สึกว่าหนานกงหลิงเยว่ก็มิได้แปลกประหลาดแต่อย่างใดเพราะดูเหมือนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนเสียด้วยซ้ำ มิได้มีความซับซ้อนอย่างที่เคยคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้
ในตอนนี้ทั้งสองถือว่ารู้จักกันมากขึ้น นางจึงรู้ว่าหนานกงหลิงเยว่ค่อนข้างซื่อตรงมากเวลาอยู่ต่อหน้านาง ดั่งที่มู่จวินฮานเคยกล่าวไว้ว่าคนในวังหลวงซับซ้อนยิ่งกว่าผู้ใด
“ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่หอพิษกู่ต้องการสนับสนุนมิใช่จ้าวหลานหยู่ใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอถามประโยคนี้ไปได้มินาน หนานกงหลิงเยว่ที่กำลังทานขนมก็หยุดชะงัก ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยเศษขนมเล็กน้อยแต่ก็มองไปทางอันหลิงเกอราวกับคาดมิถึงว่าอีกฝ่ายก็สนใจเรื่องในราชสำนักเช่นกัน
“หึ เจ้าคิดว่าเราจะสนับสนุนมู่จวินฮานหรือ ? ” หนานกงหลิงเยว่โยนคำถามนี้ให้อันหลิงเกอ
ส่วนอันหลิงเกอก็พยักหน้าอย่างหลีกเลี่ยงมิได้เพราะเดิมทีนางคิดเยี่ยงนั้นจริง
หอพิษกู่มิได้โง่ ย่อมไร้ทางสนับสนุนเจ้าหลานหยู่ที่ไร้ความหมายอย่างแน่นอน
เพียงแต่การสนับสนุนที่พวกเขามีต่อมู่จวินฮานอาจไร้ผล อย่างน้อยเท่าที่นางรู้ก็เพราะว่ามู่จวินฮานมิเคยมีความคิดยึดครองบัลลังก์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทั้งหมด อันหลิงเกอก็มองออกว่าภารกิจที่หอพิษกู่ได้รับล้วนเป็นปรปักษ์ต่อจ้าวหลานหยู่ทั้งสิ้นทว่าก็ยังทำต่อไป
“เรื่องที่เกิดขึ้นในคราวก่อนสำหรับจ้าวหลานหยู่ถือว่าเกินความคาดหมายอย่างมาก”
หนานกงหลิงเยว่กล่าวพร้อมยกยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็หยิบขนมขึ้นมองอย่างพิจารณา มิรู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าขนมในเรือนของอันหลิงเกอมีรสชาติแตกต่างจากที่อื่นราวกับคุ้นปากคุ้นลิ้นเสียอย่างนั้น
“หืม ? ” ที่อันหลิงเกอแปลกใจมิใช่คำพูดของอีกฝ่ายแต่เพราะหนานกงหลิงเยว่ยอมบอกเรื่องเหล่านี้กับตนต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นสิ่งที่หนานกงหลิงเยว่เอ่ยด้วยตนเองอีกด้วย
“จ้าวหลานหยู่มีเช่อเฟยอยู่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ ? ”
เช่อเฟยน่ะหรือ ? ดูเหมือนอันหลิงเกอเคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่ปกติแล้วมิได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากนักจึงจำได้แค่หลิงเซียวคนเดียว
นั่นคือน้องสาวของหลิงอวี่หนิง เดิมทีเป็นเช่อเฟยเคียงคู่มากับอวี๋หมิงหลันและมีสิทธิ์ได้ตำแหน่งหวางเฟยไปครอง ผู้ใดจะคิดว่าบัดนี้กลายเป็นอวี๋หมิงหลันที่ตัดหน้าแย่งตำแหน่งนั้นไปเสียแล้ว
“อืม” อันหลิงเกอพยักหน้าและหนานกงหลิงเยว่จึงกล่าวต่อ
“เดิมทีนางอิจฉาอวี๋หมิงหลันที่แย่งตำแหน่งพระชายาเอกไปจึงคิดยั่วยุความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาให้สั่นคลอน แต่คาดมิถึงว่านางทำเรื่องเลวร้ายลงไปและทำให้จ้าวหลานหยู่สูญเสียการสนับสนุนจากอวี๋เฉิงกู้ไปโดยสิ้นเชิง เท่ากับว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับอวี๋หมิงหลันของจ้าวหลายหยู่มิได้ผลประโยชน์สักนิดเดียว”
เมื่อได้ยินดังนั้นอันหลิงเกอก็มิรู้ว่าควรยิ้มดีหรือไม่ เพราะนางรู้สึกสงสารสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก
ทำให้นางนึกถึงท่านแม่ทัพหลิงที่*มิยอมนำไข่ไก่ทั้งหมดใส่ลงในตะกร้าใบเดียว เขาเลือกยกบุตรสาวคนโตให้แต่งงานกับมู่จวินฮาน ส่วนบุตรสาวคนเล็กอีกคนก็ต้องยกให้จ้าวหลานหยู่
แต่คาดมิถึงว่าบุตรีทั้งสองคนล้วนมิได้รับความโปรดปรานเยี่ยงนี้
“เฮ้อ กล่าวไปแล้วก็เศร้า” อันหลิงเกอส่ายหน้าพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
หลิงเซียวผู้นี้หลงใหลในตัวจ้าวหลานหยู่มาก บัดนี้จ้าวหลานหยู่ประสบกับเรื่องมิดี หลิงเซียวจึงรู้สึกลำบากใจเช่นกัน
“ว่าไปแล้วหลิงเซียวก็น่าสงสารอยู่มิน้อย เพราะนางมิสามารถให้กำเนิดทายาทแก่จ้าวหลานหยู่ได้ ทั้งที่สมรสกับเขาเป็นเวลานานแล้วจึงทำให้นางเกิดความร้อนใจ”
“หากวันหนึ่งจวนอ๋องมู่ปฏิบัติอย่างมิเป็นธรรมต่อเจ้า เจ้าสามารถตามข้ากลับหอพิษกู่ได้ทุกเมื่อ”
หนานกงหลิงเยว่เป็นสตรีนางหนึ่ง แต่ประโยคนี้ที่กล่าวออกมาเต็มไปด้วยพลังบางอย่างซึ่งทำให้อันหลิงเกอรู้สึกกล้าหาญขึ้นโดยมิรู้ตัว
อันหลิงเกอมิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อก่อนตอนเจอหนานกงหลิงเยว่ก็มักเตรียมการป้องกันเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้รู้สึกราวกับเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน และนางเริ่มชื่นชมในความตรงไปตรงมาของหนานกงหลิงเยว่
บางทีความมีเสน่ห์เย้ายวนของหนานกงหลิงเยว่อาจมาในรูปแบบความซื่อสัตย์ต่อใต้หล้าโดยมิต้องปกปิดอันใด
“ที่กล่าวเรื่องนี้มิได้อยากให้เจ้าเข้าใจจุดยืนของข้า ยิ่งไปกว่านั้นจุดยืนของข้าและหอพิษกู่นั้นเหมือนกัน และทุกอย่างย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพียงแต่ชีวิตของเจ้าต้องคงอยู่สืบไป”
แม้อันหลิงเกอมิรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ แม้ประโยคช่างหนักหน่วงครั้นออกมาจากปากของหนานกงหลิงเยว่กลับเหมือนไร้กลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย ตรงกันข้ามทำให้รู้สึกสบายใจเสียด้วยซ้ำ
“ชีวิตของข้า ข้าต้องปกป้องเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้า…และหอพิษกู่มีความสัมพันธ์อันใดกับข้ากันแน่ ? ”
นางมิเชื่อว่าหากแค่มารดาเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟางต้าเฉิงก็มิน่าทำให้ฟางหลิงซู่และหนานกงหลิงเยว่มาคอยปกป้องตนเยี่ยงนี้ คล้ายว่าพวกเขายังมีเหตุผลอื่น
“หินก้อนนั้นควรเป็นของเจ้า” หนานกงหลิงเยว่กล่าวออกมาเพียงสั้น ๆ แล้วยกยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มแฝงไปด้วยความหมายคลุมเครือ เดิมทีอันหลิงเกอเกิดความสงสัยอยู่แล้ว ครั้นเมื่อหนานกงหลิงเยว่เอ่ยถึงก้อนหินในเวลานี้ก็ทำให้นางยิ่งสงสัยมากขึ้น
“คนทั่วไปมองดวงตาของเจ้ามิได้ใช่หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว
หนานกงหลิงเยว่ได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยถามก็พยักหน้ารับเพื่อยืนยัน ดูท่าแล้วอันหลิงเกอและหอพิษกู่ต้องมีต้นกำเนิดร่วมกันอย่างแน่นอน
“หากเจ้าอยากรู้มากกว่านี้คงต้องตามข้ากลับไปยังหอพิษกู่เสียแล้ว”
ดูเหมือนหนานกงหลิงเยว่มีความมุ่งมั่นแรงกล้า หลังจากเงียบไปพักใหญ่จึงเงยหน้าขึ้นและมองไปทางอันหลิงเกอด้วยแววตาแน่วแน่ อันหลิงเกอก็พยักหน้าราวกับถูกผีเข้าโดยมิรู้ตัว
“ข้ารับปากว่าจะพาเจ้ากลับมาก่อนพิธีสมรสเริ่มในวันพรุ่งนี้”
คำกล่าวของหนานกงหลิงเยว่สำหรับอันหลิงเกอนั้นมีความน่าเชื่อถือมิน้อย นางมิได้สงสัยในตัวอีกฝ่าย ถึงอย่างไรก็เป็นพิธีสมรสของเช่อเฟยที่กักขังนางมิได้อยู่แล้ว
“ได้”
อันหลิงเกอแทบทนมิไหว เวลานี้มิจำเป็นต้องมาชื่นชมความคึกคักในจวนอ๋อง นางจึงตามหนานกงหลิงเยว่ออกไปเดินเล่นข้างนอก
บัดนี้นางเข้ามาในหอพิษกู่อีกครั้ง ความกดดันก่อนหน้านั้นดูเหมือนมลายหายไปหมดสิ้น เวลานี้รู้สึกเหมือนเป็นจวนของสหายผู้หนึ่งที่ทำให้อันหลิงเกอส่ายหน้าอย่างจนปัญญากับความคิดเยี่ยงนี้ของตน
“เป็นอันใดไปหรือ ? ”
อันหลิงเกอมิได้ตอบแต่ก็รู้แก่ใจดีว่าหนานกงหลิงเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก และตนก็ได้แต่งตั้งให้นางเป็นสหายไปแล้ว
“เข้าไปกันเถิด”
เมื่อเข้ามาในหอพิษกู่ หนานกงหลิงเยว่เดินไปยังข้างกายฟางหลิงซู่เป็นคนแรก จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น พอเห็นอันหลิงเกอก็แสดงท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้ามาที่นี่หรือ” เมื่อฟางหลิงซู่กล่าวจบก็กระแอมไอออกมาเบา ๆ ราวกับปกปิดความเขินอายของตน จากนั้นก็รินน้ำชาให้อันหลิงเกอ
เวลานี้อันหลิงเกอพบว่าหลังให้เลือดกับเขาไปแล้วทุกอย่างมิเหมือนเดิม
“บอกข้าได้หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอกล่าวพร้อมมองไปทางหนานกงหลิงเยว่และมิได้ปฏิเสธน้ำชาของฟางหลิงซู่แต่อย่างใด
…
*ความเคารพเทียบมิได้กับทำตามคำสั่ง หมายความว่า ยอมรับอย่างสุภาพดีกว่าปฏิเสธอย่างสุภาพ
*มิยอมนำไข่ไก่ทั้งหมดใส่ลงในตะกร้าใบเดียว หมายความว่า การใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว หากตะกร้าพลิกไข่ทั้งหมดก็จะแตก แต่ถ้าไม่ใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวกัน หากตะกร้าพลิกก็จะมีไข่เหลืออยู่ เป็นการลดความเสี่ยงโดยการกระจายการลงทุนนั่นเอง