พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 531 เสนอตัว
ตอนที่ 531 เสนอตัว
เมื่อได้ยินว่าอันหลิงเกออยู่ดูแลมู่เหล่าหวางเฟยตลอด เดิมทีมู่จวินฮานมิเชื่อคำกล่าวของทัวป๋าหลิวลี่ แต่เขาอยู่ในอารมณ์ร้อนใจและแววตาที่มองนางจึงค่อนข้างรุนแรงโดยมิรู้ตัว
“ท่านกำลังสงสัยว่าข้าทำให้หมู่เฟยเป็นเยี่ยงนี้หรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถามเมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของมู่จวินฮาน ซึ่งนางตั้งใจปรนนิบัติรับใช้มู่เหล่าหวางเฟยก็เพื่อแบ่งเบาความกังวลของมู่จวินฮาน คาดมิถึงว่าเสียแรงเปล่า ตรงกันข้ามปัญหาทุกอย่างยังตกมาอยู่บนตัวนางอีกด้วย
ทัวป๋าหลิวลี่เห็นเยี่ยงนั้นก็คิดใส่ไฟต่อ “พี่สาว ท่านอ๋องก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเหล่าหวางเฟยเช่นกัน เมื่อวานหลังจากที่ข้าออกไปก็มีเพียงพี่สาวคอยดูแลผู้เดียว ดังนั้นท่านอ๋องจึงสงสัยเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
“ข้าให้เจ้าพูดแทรกตั้งแต่เมื่อใด ! ” อันหลิงเกอตำหนิด้วยความโกรธ อีกฝ่ายจึงแสร้งตกใจแล้วคุกเข่าลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘ตึง’
มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอมิเข้าใจเขาเยี่ยงนี้ทั้งยังตำหนิผู้อื่น เขาจึงกล่าวด้วยความขุ่นเคืองกว่าเดิม “ข้าเพียงอยากทราบสถานการณ์จากเจ้า มิได้มีเจตนาตำหนิเจ้าแต่อย่างใด”
ยังมิทันที่อันหลิงเกอได้ตอบกลับ มู่เหล่าหวางเฟยก็กระอักโลหิตออกมาจนทุกคนพากันตื่นตระหนก
อันหลิงเกอตระหนักได้ถึงอาการที่ค่อนข้างร้ายแรงของมู่เหล่าหวางเฟย นางจึงรีบปรี่เข้ามาเช็ดคราบเลือดให้ทันที
“คาดมิถึงว่าท่านมิเชื่อข้าเยี่ยงนี้ ท่านคิดว่าข้าปรนนิบัติหมู่เฟยคือการเสแสร้งแกล้งทำหรือ ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอแฝงไปด้วยความเสียใจ
“เหตุใดเจ้าจึงมิอธิบายเหตุผล ? ” มู่จวินฮานก็ขุ่นเคืองใจโดยมิอาจเย็นลงได้และทั้งสองคนจึงเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
ทัวป๋าหลิวลี่ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกภูมิใจ คาดมิถึงว่าจับทั้งสองคนที่ตัวติดกันออกจากกันโดยง่ายเยี่ยงนี้ ทั้งยังปลุกระดมให้ไฟคุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นนางก็เสแสร้งพูดปลอบใจอันหลิงเกอ “พี่สาวอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอพยักหน้าด้วยท่าทีเฉยเมยและความรู้สึกที่เคยดับไปก็คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจะตำหนิตนเพราะผู้อื่นเยี่ยงนี้
“เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ท่านอ๋องได้โปรดอนุญาตกักขังข้าไว้ในเรือนร้างภายในจวนอ๋อง เช่นนี้ท่านอ๋องจะได้มิต้องเห็นข้าคอยวนเวียนอยู่ข้างกายอีก ส่วนหมู่เฟยก็คงมิต้องการให้ข้าดูแลแล้ว”
อันหลิงเกอเอ่ยอย่างจนปัญญาซึ่งทำให้มู่จวินฮานตกตะลึง หลังจากเงียบไปพักใหญ่ก็เหมือนพูดด้วยความขุ่นเคืองใจไปว่า “แล้วแต่เจ้า”
อันหลิงเกอจึงออกจากวังหลวงแล้วลงโทษตนเองโดยการเข้าไปอยู่เรือนร้างที่เงียบสงบและเย็นเยือก ส่วนสาวใช้ที่อยู่ในนั้นเมื่อเห็นพระชายาที่ปกติได้รับความโปรดปรานอย่างมากเดินเข้ามาในเรือนร้างก็รู้สึกตกใจอยู่มิน้อยและพวกนางก็มิกล้าละเลย
เพราะตามนิสัยของท่านอ๋องและพระชายา เกรงว่าอีกมินานพระชายาก็คงถูกท่านอ๋องรับตัวกลับไป
แท้จริงแล้วอันหลิงเกอมิได้ไร้เหตุผลเพียงนั้นและเรื่องนี้ทั้งสองคนก็ผิดกันทั้งคู่ ทางด้านมู่จวินฮานก็มิยอมฟังเหตุผลของอันหลิงเกอทำให้ช่วงนี้เขาถูกทัวป๋าหลิวลี่จูงจมูกได้ง่าย
แม้อันหลิงเกอลงโทษตนเองโดยการอยู่ในเรือนร้างแห่งนี้ ทำให้นางตกตะกอนความคิดอย่างละเอียดและสงบจิตใจได้ดีที่สุด การที่นางตั้งใจทำเยี่ยงนี้เพราะคิดได้ว่ามิควรให้คนข้างกายมายุยงความสัมพันธ์ระหว่างนางและมู่จวินฮานโดยเด็ดขาด
การจากไปของอันหลิงเกอแล้วสำหรับมู่จวินฮานมีความคิดแตกต่างออกไป ซึ่งเขารู้สึกว่าการที่นางลงโทษตนเองช่างโง่เขลายิ่งนัก
ทัวป๋าหลิวลี่เห็นท่าทางหมดหนทางของมู่จวินฮานก็รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้วจึงรีบรุดหน้าเข้ามาเอาอกเอาใจเขาทันที
“ท่านอ๋องอย่าโกรธไปเลย พี่สาวแค่เกิดอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ผ่านไปสักสองสามวันท่านอ๋องไปรับนางกลับมาและอย่างได้ขุ่นเคืองใจเลยเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลของนางได้ผล เดิมทีมู่จวินฮานมิยอมให้ผู้ใดแตะต้องตัว ทว่าตอนนี้ทัวป๋าหลิวลี่ใช้มือจับที่แขนของเขา มู่จวินฮานเพียงหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่มิได้ผลักออกไป
หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็เชิญหมอหลวงมาดูอาการของมู่เหล่าหวางเฟยอีกครา ผลลัพธ์กลับเปลี่ยนแปลงไป “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยตรวจอาการให้มู่เหล่าหวางเฟยก็มิได้มีอาการใดขอรับ คราวนี้ท่านอ๋องบอกว่ามีการกระอักเลือดด้วย คงถูกพิษเข้าแล้วขอรับ”
ครั้นได้ยินคำว่า ‘ถูกพิษ’ ทัวป๋าหลิวลี่ก็แสร้งตกใจจนทรุดลงกับพื้น คล้ายกลัวและกระวนกระวายใจอย่างมาก “คาดมิถึงว่าพี่สาวจะ…”
ครั้นได้ยินคำพูดของนาง มู่จวินฮานก็มิได้นิ่งนอนใจและออกคำสั่งให้หมอหลวงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หมอหลวงจึงพยักหน้าและถอยออกไป รู้ทั้งรู้ว่ามิใช่ฝีมือของอันหลิงเกอ แต่มู่จวินฮานก็มิได้ถามความจริงจากภรรยา
แม้มู่จวินฮานรู้ว่าเรื่องนี้มิใช่ฝีมือของอันหลิงเกอแน่นอน แต่นางมิรีบอธิบายให้ตนเข้าใจ ตรงกันข้ามยังกักขังตัวในเรือนร้างก็ยิ่งทำให้เขาบันดาลโทสะมากขึ้น
ทางด้านอันหลิงเกอที่อยู่ในเรือนร้างก็กำลังครุ่นคิดเช่นกัน หากมู่จวินฮานมิมารับแล้วนางก็มิมีทางกลับออกไปด้วยตนเองเพื่อป้องกันมิให้โดนผู้อื่นหัวเราะเยาะและคิดว่านางเป็นเด็กเอาแต่ใจ
ทั้งสองคาดการณ์เอาไว้ต่างกัน อันหลิงเกอมิได้ยินข่าวว่ามู่จวินฮานจักมารับตนกลับไป แต่ได้ยินข่าวว่าช่วงนี้ท่านอ๋องโปรดปรานเช่อเฟยคนใหม่มากเป็นพิเศษ
ข่าวนี้ทำให้ทัวป๋าหลิวลี่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จเป็นอย่างมาก คาดมิถึงว่าไม่เพียงแต่ขับไล่อันหลิงเกอออกไปได้เท่านั้น ยังได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องโดยมิต้องออกแรงแต่อย่างใด ช่างมีความสุขยิ่งนัก
แท้จริงแล้วเรื่องนี้มู่จวินฮานแค่ต้องการให้อันหลิงเกอรู้สึกหึงหวงและเพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสฟังนางอธิบายจึงแสร้งโปรดปรานเช่อเฟยเยี่ยงนี้ เพียงแต่อันหลิงเกอมิสะทกสะท้านราวกับมิได้ใส่ใจและยังคงสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น
ครั้นได้ยินข่าวลือมากมายในจวนอันหลิงเกอก็ใช่ว่ามิใส่ใจ แต่หากตนออกไปเพราะข่าวลือก็เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเอง ครั้นไป๋หลี่เฉินได้ทราบข่าวที่อันหลิงเกออยู่ในเรือนร้างก็รีบตรงมาทันที
ไป๋หลี่เฉินมักห่วงใยนางเสมอ เมื่อใดก็ตามที่นางมิสบายใจ เขาจักปรี่เข้ามาปลอบใจเป็นคนแรกเสมอ อันหลิงเกอจึงรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
เรื่องที่อันหลิงเกอคาดมิถึงอีกอย่างก็คือไป๋หลี่เฉินหอบผ้าหอบผ่อนมาด้วย “ครานี้ข้าตั้งใจมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าในเรือนร้างแห่งนี้เพื่อป้องกันเจ้าหนีไปด้านนอก” ไป๋หลี่เฉินกล่าวออกมาอย่างหยอกเย้า อันหลิงเกอจึงได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ใช่ใช่ เจ้าช่างฉลาดปราดเปรื่องจริงเชียว”
จากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ให้ไป๋หลี่เฉินฟังทั้งหมด อันหลิงเกอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้นางถึงได้อึดอัดใจเพราะที่แท้ก็มิได้คุยกับผู้ใดนานแล้วนั่นเอง
ไป๋หลี่เฉินรู้ว่าอันหลิงเกอรู้สึกน้อยใจจึงรีบปลอบว่า “คิดแล้วอ๋องมู่ก็คงเป็นห่วงเจ้ามาก อย่าเก็บมาคิดมากเลย ตอนนี้ท่านอ๋องคงอยากมารับเจ้าใจจะขาดแต่ก็พูดออกมามิได้”
“ดังนั้นเขาจึงโปรดปรานทัวป๋าหลิวลี่โดยมิไยดีข้า มิสนใจความรู้สึกของข้าหรือ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยอย่างชัดเจน เพราะนอกจากนางแล้วมู่จวินฮานก็ยังมิเคยโปรดปรานผู้อื่นมาก่อน
ในที่สุดพอกล่าวไปตั้งมากมาย อันหลิงเกอจึงหลับไป ไป๋หลี่เฉินเห็นนางหลับจึงออกจากจวนอ๋องมู่และคาดว่าอันหลิงเกอคงนอนมิหลับมาเป็นเวลานานจึงมิอยากรบกวน
การที่หอสดับพิรุณอยู่ไกลจากจวนอ๋องมู่มาก ไป๋หลี่เฉินจึงมิกลับไปแต่นอนหลับอยู่ใต้กำแพงของจวนอ๋องแทน
ในระหว่างที่เขากึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นในเรือนร้างว่าเกิดไฟไหม้ ทุกคนต่างช่วยกันดับไฟอย่างอลหม่านและร้องเรียกอันหลิงเกอที่ยังอยู่ด้านในเพราะเปลวไฟโหมแรงขึ้นจึงมิมีผู้ใดสามารถเข้าไปได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นไป๋หลี่เฉินจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาและได้แต่ตำหนิตนเอง หากคืนนี้อันหลิงเกอหลับมิลึกมากก็คงพอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและหนีออกมาได้ ทว่าคืนนี้นางหลับลึกจนมิได้ยินเสียงอันใดเลย