พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 534 กลับจวน
ตอนที่ 534 กลับจวน
เมื่อได้ยินชิงเฟิงกล่าวเยี่ยงนี้ ปี้จูจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกลอกตาใส่แล้วหยุดร้องไห้ทันที อันหลิงเกอที่เห็นเยี่ยงนั้นจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ ในที่สุดก็สามารถกลับไปเหมือนอดีตได้แล้ว พอมู่จวินฮานเห็นนางยิ้มได้ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
เมื่อรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในป่าลึก ปี้จูจึงคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจเพราะความสงสัยก่อนหน้านี้ได้คลายลง
จากนั้นอันหลิงเกอก็เก็บข้าวของแล้วเตรียมเดินทางกลับจวนอ๋อง
ครั้นกลับถึงเรือนฝูหลิง อันหลิงเกอกลับรู้สึกหมดหวังและเศร้าใจไปชั่วขณะ หลังผ่านช่วงชีวิตที่แสนเรียบง่ายในพระอุโบสถมา นางก็รู้สึกแปลกในเรือนอันกว้างขวางของตนจึงได้แต่ทอดถอนใจและรอมู่จวินฮาน เพราะเขาบอกว่ามีบางอย่างจะพูดกับนาง
มินานมู่จวินฮานก็มาถึง ทั้งยังนำกระดาษ หมึกและแท่นฝนหมึกติดตัวมาอีกด้วย อันหลิงเกอจึงมองเขาอย่างขบขัน “ท่านจะทำงานในเรือนของข้าหรือเจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานมิสนใจคำพูดและท่าทีขบขันของอันหลิงเกอแม้แต่น้อย เขาสนใจสิ่งที่ตนนำมาด้วย จากนั้นก็เตรียมเขียนอันใดบางอย่าง “เมื่อเจ้าเห็นก็จะรู้เอง”
อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นก็ยื่นหน้ามาดูสิ่งที่เขากำลังเขียน หัวข้อนั้นดึงดูดความสนใจของนางเป็นอย่างมาก ‘พระชายามู่โปรดอ่าน’
มู่จวินฮานกำลังเขียนกระดาษแผ่นนี้ให้นาง อันหลิงเกอจึงยิ่งรู้สึกสนใจ
ก่อนได้ยินเขากล่าวว่า “ประการที่หนึ่ง เชิญพระชายาพำนักอยู่แต่ในจวน มิว่าเยี่ยงไรก็ห้ามออกไปเที่ยวเตร่นอกจวนเด็ดขาด”
อันหลิงเกอตอบรับด้วยรอยยิ้ม “รับทราบ ! ”
จากนั้นมู่จวินฮานก็เขียนต่ออีกสองสามประการ เนื้อหาล้วนเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว เช่น มิอนุญาตให้รอสามีจนดึกดื่นค่อนคืน มิอนุญาตให้ไม่ฟังคำอธิบายของสามี เมื่อเขาเขียนออกมาเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอถึงขั้นหลุดหัวเราะเสียยกใหญ่
“รู้หรือไม่ในระหว่างที่เจ้ามิอยู่ ข้าออกไปปฏิบัติงานราชการก็ไร้สมาธิ ดูแลหมู่เฟยก็แทบมิมีเรี่ยวแรง เอาแต่เฝ้าคำนึงถึงช่วงเวลาที่เจ้าอยู่เคียงข้างทุกวี่วัน” เมื่อเห็นอันหลิงเกอหัวเราะออกมา มู่จวินฮานก็หยุดเขียน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นพร้อมมองนางด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
…
วันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอกลับมาดูแลจวนอีกครั้งและได้กลับมาดูแลมู่เหล่าหวางเฟยตามที่ตั้งใจเอาไว้ นางกังวลเรื่องที่เหล่าหวางเฟยโดนวางยาพิษมาโดยตลอดจึงทำการตรวจสอบความจริงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อได้พบกับมู่เหล่าหวางเฟยอีกครา อันหลิงเกอก็เกิดความรู้สึกผิดอยู่ในใจเพราะนางบุ่มบ่ามออกจากจวนอ๋องมู่ไป ทั้งยังทิ้งเรื่องราวมากมายภายในจวนไว้ด้านหลังซึ่งนางเอาแต่ใจเกินไปและก็อกตัญญูมากด้วย
ตอนนี้สีหน้าของมู่เหล่าหวางเฟยมีสีม่วงคล้ำเล็กน้อยซึ่งเป็นร่องรอยของการถูกพิษอย่างเห็นได้ชัด นางนึกถึงมู่จวินฮานที่รู้ว่ามู่เหล่าหวางเฟยถูกยาพิษ แล้วเหตุใดมิรีบให้หมอหลวงขจัดพิษออกไป ?
พลันก็นึกถึงคำที่เขาเคยพูดกับนางไว้ว่าการจากไปของนางย่อมเกี่ยวพันกับความรู้สึกของเขาจึงได้เข้าใจ
ตอนนี้นางกำนัลในวังที่อยู่ข้างกายของมู่เหล่าหวางเฟยได้ยกยาสมุนไพรเข้ามาพอดี อันหลิงเกอจึงรับมาและได้กลิ่นแปลก ๆ จากยาสมุนไพรถ้วยนี้ แต่นางก็บอกมิได้ว่ามันแปลกเยี่ยงไร
“หมิงซิน ไปเอาเข็มเงินมาให้ข้า”
ผู้ใดจักคิดว่าเมื่อจุ่มเข็มเงินลงในยาถ้วยนี้ เข็มเงินจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
จากนั้นอันหลิงเกอก็สูดดมอีกครั้งจนรับรู้ได้ว่ากลิ่นสมุนไพรนี้คือโสมที่มีพิษอยู่ เพราะสมุนไพรชนิดอื่นมิได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด มิน่ามู่เหล่าหวางเฟยถึงอาการมิดีขึ้นเลย ที่แท้ก็มีคนป้อนยาพิษให้ตลอดนี่เอง!
การค้นพบนี้นอกจากหมิงซินแล้ว อันหลิงเกอก็มิได้บอกผู้ใดอีกแม้แต่มู่จวินฮานก็ปิดไว้เป็นความลับ หากเขารู้ก็เกรงว่าเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่า
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็เข้าไปในห้องเครื่องอย่างเงียบ ๆ โดยมิได้รบกวนคนในวัง กระทั่งเห็นเสี่ยวฮุ่ยนางกำนัลที่คอยกำกับดูแลเรื่องสมุนไพรจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาชั่วขณะ
“เจ้าคือนางกำนัลที่คอยดูแลสมุนไพรใช่หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอเห็นนางอยู่เพียงลำพังในนี้จึงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
ทันทีที่เสี่ยวฮุ่ยเห็นว่าอันหลิงเกอเข้ามาในห้องเครื่องก็ตื่นตกใจ จากนั้นก็รีบคุกเข่าพลางตอบว่า “ข้าน้อยคือเสี่ยวฮุ่ยที่คอยดูแลเรื่องสมุนไพรในตำหนักให้แก่มู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ มิทราบว่าพระชายามีสิ่งใดจะใช้ข้าน้อยเจ้าคะ”
“คำถามที่ข้าถามเมื่อครู่ เจ้าคิดได้แล้วก็ค่อยตอบข้า” ทันใดนั้นน้ำเสียงของอันหลิงเกอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา นางกำนัลในวังมิรู้ว่าอันหลิงเกอเข้มงวดเยี่ยงไร แม้เป็นนางกำนัลในวังข้างกายของมู่เหล่าหวางเฟยก็ไร้ข้อยกเว้น
เวลานี้อันหลิงเกอกำลังจัดการงานมากมายในวังหลวง มีความเรียบร้อยและเป็นระบบระเบียบยิ่งกว่าฮองเฮาเสียอีก
เสี่ยวฮุ่ยที่คุกเข่าลงก็แสดงออกว่าตนกล่าวความจริง
อันหลิงเกอจึงเอ่ยด้วยความน้ำเสียงที่อ่อนลง “ยาที่ใช้บำรุงร่างกายของมู่เหล่าหวางเฟยในช่วงนี้เจ้าตรวจสอบดีแล้วหรือไม่ ? มีแค่เจ้าดูแลผู้เดียวหรือ ? ”
เสี่ยวฮุ่ยพยักหน้ารับ จากนั้นอันหลิงเกอก็ถามอีกว่านางอยู่ในตำหนักนี้มานานกี่ปีแล้ว ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมู่เหล่าหวางเฟย ส่วนเสี่ยวฮุ่ยล้วนตอบกลับอย่างมิปิดบัง
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็ตำหนินางขึ้นมา “เยี่ยงนั้นเจ้าก็ช่างกล้านัก ในฐานะนางกำนัลที่ดูแลสมุนไพรยังกล้าวางยาพิษมู่เหล่าหวางเฟย ช่างกล้าเกินไปแล้ว”
เสี่ยวฮุ่ยได้ยินก็ตื่นตกใจจนไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าถอดสีทันใด จากนั้นก็รีบอธิบายว่า “พระชายาได้โปรดพิจารณาด้วย เสี่ยวฮุ่ยถูกกล่าวหา เรื่องที่พระชายากล่าวช่างร้ายแรงยิ่งนัก แม้เสี่ยวฮุ่ยอาจหาญไปบ้าง แต่ก็มิกล้าทำเรื่องเยี่ยงนี้หรอกเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงโศกเศร้าและแน่วแน่มิเหมือนกำลังโกหก
อันหลิงเกอจึงฉุกคิดได้ว่านางกำนัลผู้นี้อยู่รับใช้ข้างกายมู่เหล่าหวางเฟยมาหลายปีแต่มิได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เท่านี้ก็พอคาดเดาถึงความฉลาดของนางได้ ดังนั้นจึงเชื่อคำพูดของนาง
“เช่นนั้น เจ้าบอกมาสิว่าภายในวังยังมีผู้ใดสามารถยุ่งเกี่ยวกับสมุนไพรเหล่านี้ได้ ? ” อันหลิงเกอถามต่อ เสี่ยวฮุ่ยที่กำลังหวาดกลัวมากก็พยายามย้อนนึกเรื่องราวที่ผ่านมา
“ข้าน้อยทราบแล้ว สาวใช้ที่อยู่ข้างกายของเช่อเฟยเจ้าค่ะ ตั้งแต่ที่เช่อเฟยเข้าวังมาเพื่อดูแลครรภ์ สาวใช้คนสนิทผู้นี้ก็มักไปพบข้าน้อยอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับเช่อเฟยตั้งครรภ์ด้วยก็เลย…”
อันหลิงเกอจึงรีบกล่าวต่อ “ก็เลยให้เข้านอกออกในห้องเครื่องของมู่เหล่าหวางเฟยใช่หรือไม่ ? ” เสี่ยวฮุ่ยรีบพยักหน้าและร้องขอความเมตตา
อันหลิงเกอนึกถึงตอนนั้นที่ทัวป๋าหลิวลี่โยนความผิดมาที่นาง ที่แท้ทัวป๋าหลิวลี่ได้วางแผนเอาไว้แล้ว แค่รอให้นางตกหลุมพราง และตอนนั้นนางมัวแต่โทษตนเองและโกรธมากจึงมิได้ตริตรองให้ดีเสียก่อน
ตอนนี้อันหลิงเกอรับรู้แผนการทั้งหมดแล้วก็มิได้ไปจับสาวใช้ผู้นั้นมา เพราะเกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น จากนั้นนางก็หันไปเอ่ยกับนางกำนัลว่า
“การที่เจ้าดูแลห้องเครื่องโดยประมาทก็มีความผิด ข้าจักนำตัวเจ้าออกจากตำแหน่งนางกำนัลและไปใช้แรงงานในตำหนักเย็น” อันหลิงเกอเก็บเรื่องไว้เองและตัดสินใจไปเผชิญหน้ากับทัวป๋าหลิวลี่อีกครั้ง
เมื่ออันหลิงเกอจัดการนางกำนัลที่อยู่ข้างกายของมู่เหล่าหวางเฟยโดยมิได้บอกผู้ใดก็กลับมาปรนนิบัติข้างกายของหมู่เฟยอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง และแค่บอกผู้อื่นไปว่าให้หมิงซินคัดเลือกสาวใช้ที่ฉลาดมีไหวพริบจากในจวนอ๋องมู่มาแทนที่นางกำนัลผู้นี้แล้ว
หากเป็นเช่นนี้ทัวป๋าหลิวลี่ก็มิมีทางรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับมู่เหล่าหวางเฟยและยังภาคภูมิใจในความสำเร็จของตนอยู่เงียบ ๆ
ก่อนหน้านี้นางคงคิดมาตลอดว่าหากอาการป่วยของมู่เหล่าหวางเฟยมิดีขึ้น มู่จวินฮานก็มิมีทางไปรับอันหลิงเกอกลับมาแน่ และยิ่งมิรู้ด้วยว่าทั้งสองคนทลายความบาดหมางในอดีตพร้อมปรับความเข้าใจกันแล้ว
หลังจัดการเรื่องข้างกายมู่เหล่าหวางเฟยแล้ว อันหลิงเกอก็กลับจวนและเรียกหมิงซินไปที่เรือนของทัวป๋าหลิวลี่ด้วยกัน
เพราะก่อนหน้านั้นมิมีผู้ใดมารายงานข่าวการกลับมาของอันหลิงเกอ เมื่อทัวป๋าหลิวลี่เห็นอันหลิงเกอมาที่เรือนก็ตื่นตกใจมิน้อย แต่ไม่ได้แสดงอาการออกมา ตอนนี้ท้องของนางโตขึ้นมาเล็กน้อยและดูเหมือนแข็งแรงมากทีเดียว
อันหลิงเกอที่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็อดหัวเราะเยาะใส่สตรีที่มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นี้มิได้ “เช่อเฟยสบายดีหรือไม่”
ในขณะที่เอ่ยทักทายทัวป๋าหลิวลี่ นางก็ส่งสัญญาณให้หมิงซินไปเดินค้นหาบริเวณรอบเรือน ดูสิว่าจะเจอเบาะแสอันใดหรือไม่
ส่วนทัวป๋าหลิวลี่ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มว่า “ข้าสบายดี คาดมิถึงว่าพี่สาวกลับมาแล้ว ครั้นพี่สาวมิอยู่จวน ข้าก็เทียวไปอ้อนวอนท่านอ๋องให้ไปรับพี่สาวกลับมาหลายครา แต่น่าเสียดายที่ท่านอ๋องยุ่งงานราชการจึงมิได้ไป”
อันหลิงเกอได้กลิ่นความอิจฉาที่แฝงอยู่ในคำพูดของนางจึงยกยิ้มอย่างเย็นชาและมิได้ตอบกลับแต่อย่างใด
เวลานี้หมิงซินก็กลับมาและกระซิบข้างหูว่า “พระชายา เจอหลักฐานแล้วเจ้าค่ะ เป็นโสมพิษจริงด้วยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอพยักหน้าและบอกให้นางออกไป
“หากข้ายังมิรีบกลับมาก็เกรงว่าต้องรอให้เจ้าวางยาหมู่เฟยจนสิ้นลมก่อนกระมังจึงกลับมาได้ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น