พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 535 ถูกเปิดเผย
ตอนที่ 535 ถูกเปิดเผย
ในเวลานี้มีสาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากด้านใน พอได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยถามทัวป๋าหลิวลี่ก็พาลคิดว่าเรื่องถูกเปิดเผยไปแล้วจึงรีบคุกเข่าลงทันใด
ตอนนี้ใบหน้าของทัวป๋าหลิวลี่มิได้ถอดสีแต่อย่างใดและยังเสแสร้งทำเป็นมิรู้เรื่องต่อไป
“พี่สาวพูดเหลวไหลอันใดหรือ อาการป่วยของเหล่าหวางเฟยล้วนเป็นความผิดของพี่สาวที่ดูแลได้มิดี เหตุใดจึงมาใส่ร้ายข้าเล่า ? ” ในขณะที่พูดทัวป๋าหลิวลี่ก็ยกยิ้มเย้ยหยันด้วย
เมื่อได้ยินดังนั้นอันหลิงเกอก็มองสตรีที่ยังเสแสร้งตรงหน้าก็ทำได้เพียงยิ้มให้ความโง่เขลาของอีกฝ่าย “เจ้าจะให้ข้าย้ำคำของเสี่ยวฮุ่ยให้ฟังอีกครา หรือให้ข้านำโสมพิษที่อยู่ในเรือนของเจ้าไปให้หมอหลวงตรวจสอบ ? ”
เมื่อได้ฟังแล้วทัวป๋าหลิวลี่ก็รู้ว่าถูกจับได้จึงตื่นตกใจจนกล่าวอันใดมิออก ได้แต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ น้ำตาไหลพรากด้วยความสั่นกลัว “พี่สาว…นี่…”
ตอนที่นางอยู่แคว้นชิงเยว่ มิว่าทำอันใดก็มีหมู่โฮ่วคอยปกปิดให้เสมอ แต่พอมาอยู่ที่นี่…
“เจ้าวางยาพิษมู่เหล่าหวางเฟยแต่โยนความผิดให้ข้าต่อหน้าท่านอ๋อง หากท่านอ๋องทราบเรื่องนี้แล้ว ศีรษะของเจ้าคงหลุดจากบ่าเป็นแน่” อันหลิงเกอนั่งลงพร้อมพูดข่มขู่
กระทั่งได้ยินเสียง ตุบ ที่ทัวป๋าหลิวลี่คุกเข่าลงกับพื้น “พี่สาวโปรดอภัยด้วย ข้ารู้…รู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความมิยอมสำนึกแต่จนปัญญาเท่านั้น
“ข้าสำนึกผิดแล้ว เป็นเพราะข้าอิจฉาพี่สาวที่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง ข้าหลงผิดไป…พระชายาไว้ชีวิตข้าด้วยเจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่รู้แก่ใจดีว่าอันหลิงเกอเกลียดชังตนมาก ครั้นเรื่องนี้ถูกเปิดเผยก็มิรู้ว่าตนจักมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่
อันหลิงเกอมิใช่คนไร้เหตุผล ทัวป๋าหลิวลี่มีความลึกซึ้งต่อมู่จวินฮานมากซึ่งนางก็เห็นมาตลอด ครั้นให้กล่าวถึงเรื่องราวมากมายก่อนหน้านั้น หากอันหลิงเกอยังดื้อรั้นมิยอมยืดหยุ่นให้ก็เกรงว่าเมื่อมู่จวินฮานรู้เรื่องก็คงลำบากใจมิน้อย
“เจ้ากระทำผิดครั้งใหญ่ เดิมทีต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทว่าข้าเห็นแก่บุตรในครรภ์ของเจ้าจึงมิสั่งประหาร” อันหลิงเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
แม้กล่าวว่าเด็กผู้นี้มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของมู่จวินฮาน แต่คืนนั้นก็มิรู้ว่าทัวป๋าหลิวลี่มีความสัมพันธ์กับผู้ใด มิว่ากล่าวเยี่ยงไรก็ล้วนเป็นหนึ่งชีวิตทั้งสิ้น
“ขอบพระคุณพระชายาที่ไว้ชีวิตเจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั้งยังโขกศีรษะคำนับให้อันหลิงเกออีกด้วย
“หวังว่าเจ้าจักปฏิบัติตัวดี หากมีคราวต่อไปก็น่าจะรู้ผลลัพธ์ที่ตามมาแล้ว” กล่าวจบ อันหลิงเกอก็หันหลังสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป ทัวป๋าหลิวลี่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัว
หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป หลายวันมานี้อันหลิงเกอก็ยุ่งอยู่กับการจัดการงานในจวน กระทั่งมิได้เจอมู่จวินฮานติดต่อกันหลายวัน
ทางด้านมู่จวินฮานก็รู้ว่านางทำงานหนัก ทั้งสองจึงเข้าใจซึ่งกันและกันโดยมิได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
วันนี้มู่จวินฮานจึงเจียดเวลาและตัดสินใจไปหาทัวป๋าหลิวลี่
นางมิได้เจอมู่จวินฮานเป็นเวลาหลายวัน พอเห็นเขาก็แสดงท่าทางดีอกดีใจอย่างมิอาจบรรยายได้
แต่มู่จวินฮานนึกถึงแค่เด็กที่อยู่ในครรภ์ของทัวป๋าหลิวลี่เท่านั้นจึงฝืนใจมาเยี่ยม เรื่องอื่นมิได้ถามถึงแต่อย่างใด
แม้บอกว่าเด็กผู้นี้มิใช่เลือดเนื้อของเขา และเมื่อเขามีทายาทสืบสกุลกับอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานก็ดูอ่อนโยนกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว
“ท่านอ๋อง ท่านทำงานอย่างหนัก มิต้องมาเยี่ยมข้าบ่อย ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่ยืนออดอ้อนเขาอยู่ด้านข้าง วาจาที่นางกล่าวคล้ายคลึงกับอันหลิงเกอมากทีเดียว
“ข้าแค่มาดูว่าเจ้าสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ มิต้องกำชับเจ้าก็ดูแลตนเองเป็นอย่างดีและอย่ากระทำเรื่องโง่เขลา” ได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาของมู่จวินฮานก็ทำให้ทัวป๋าหลิวลี่ยิ่งรู้สึกมิสบายใจ
ถึงอย่างไรอันหลิงเกอก็รู้การกระทำของนางแล้ว บัดนี้มู่จวินฮานกล่าววาจาที่เย็นชาด้วย นางก็ยิ่งหมดหนทาง
ตอนนี้มู่จวินฮานเบื่อท่าทางเสแสร้งของนางเต็มทน รู้สึกว่าทุกคำพูดและการกระทำของนางล้วนทำให้ตนนึกถึงอันหลิงเกอ เพราะนางพยายามเลียนแบบอันหลิงเกอเพื่อเอาอกเอาใจ
หลังจากนั้นเขาก็มิได้อยู่นาน ก่อนหน้านี้เพราะอันหลิงเกอจากเขาไป จิตใจจึงมิอยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขาก็ควรปฏิบัติงานอย่างตั้งใจอีกครั้ง
แม้ยุ่งมากก็ตาม ทว่าอันหลิงเกอก็ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลมู่เหล่าหวางเฟยเสมอ ตอนนี้มิมีโสมพิษผสมอยู่ในยาต้มแล้วก็ทำให้สีหน้าของเหล่าหวางเฟยดีขึ้นมิน้อยและฮ่องเต้ก็ประทานรางวัลให้อันหลิงเกออีกด้วย
“ได้ยินว่าอาการป่วยของมู่เหล่าหวางเฟยดีขึ้นแล้ว ข้าจึงมาเยี่ยม” อันหลิงเกอที่กำลังปรึกษากับหมอหลวงอยู่ในห้องโถงของตำหนัก ครั้นได้ยินเสียงจ้าวหลานหยู่ที่มิมีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดเขาถึงมา อันหลิงเกอก็พูดคุยกับหมอหลวงอีกมิกี่คำก็หันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ต้องลำบากพระชายาแล้ว”
“เจียงอ๋องวางใจเถิดเพคะ ข้าจะดูแลปรนนิบัติเหล่าหวางเฟยอย่างสุดกำลัง” อันหลิงเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เยี่ยงนั้นหรือ ช่วงนี้พระชายาของข้าก็ตั้งครรภ์จึงดีใจมิน้อย หวังเพียงอ๋องมู่และพระชายาจะเปิดใจ”
เมื่อได้ฟังแล้วอันหลิงเกอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง อวี๋หมิงหลันตั้งครรภ์แล้วหรือ
ดูท่าแล้วทั้งสองคนมิได้ไร้ความรู้สึกเหมือนอดีตแล้ว
หลังจากสนทนากันได้สักพัก อันหลิงเกอที่เป็นห่วงเหล่าหวางเฟยอยู่เสมอก็รีบกลับเข้าไปดูแลในห้องต่อ จ้าวหลานหยู่ก็ตามมาด้วย แต่ผู้ใดจะรู้ว่าหลังจากเดินเข้ามาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทัวป๋าหลิวลี่นั่งอยู่ตรงหน้าเตียงของมู่เหล่าหวางเฟย ทำให้อันหลิงเกอตื่นตระหนกแต่ก็มิได้แสดงออก
ตอนนี้ร่างกายของทัวป๋าหลิวลี่ดูอวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะอายุครรภ์ห้าเดือนจึงทำให้ดูอุ้ยอ้ายอย่างเห็นได้ชัด หลังนั่งได้มินานอันหลิงเกอก็ส่งสัญญาณมิให้นางทำความเคารพ
“นั่งเถิด” ทั้งยังมองไปทางจ้าวหลานหยู่ครู่หนึ่งด้วย
“คารวะเจียงอ๋องเพคะ” ทัวป๋าหลิวลี่มิรู้เรื่องราวจึงแสดงความเคารพต่อจ้าวหลานหยู่
แต่แววตาของจ้าวหลานหยู่ที่มองนางกลับเย็นยะเยือกพร้อมจ้องเขม็งไปบนท้องของทัวป๋าหลิวลี่ด้วยความโกรธจนแทบยับยั้งอารมณ์ไว้มิอยู่
“กระทำผิดแล้วยังกล้าเสนอหน้ามาที่นี่ ! ” จ้าวหลานหยู่กล่าวจบก็ดึงกริชออกมาจากเอว จากนั้นก็พุ่งไปทางทัวป๋าหลิวลี่อย่างรวดเร็ว
อันหลิงเกอที่เห็นเยี่ยงนั้นจึงใช้ร่างกายของตนขวางกริชที่กำลังพุ่งเข้าใส่ทัวป๋าหลิวลี่ สุดท้ายกริชก็แทงเข้าที่แขนของอันหลิงเกอจนมีเลือดทะลักออกมา จ้าวหลานหยู่เมื่อเห็นก็ร้องด้วยความตกใจ “พระชายามู่!”
เมื่อครู่จ้าวหลานหยู่ตั้งใจสังหารทัวป๋าหลิวลี่เพราะเรื่องเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง และจ้าวหลานหยู่ย่อมรู้ดี
เขารู้ดีว่าหากทัวป๋าหลิวหลี่เป็นอันใดขึ้นมา แคว้นชิงเยว่ต้องเป็นปรปักษ์ต่อจวนอ๋องมู่ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่า…
อันหลิงเกอหันไปมองทัวป๋าหลิวลี่ที่มิได้รับอันตรายใดจึงวางใจ
การที่จ้าวหลานหยู่แทงกริชด้วยความโหดเหี้ยม อันหลิงเกอจึงถูกแทงจนทะลุแขนและจ้าวหลานหยู่ที่กำลังกระวนกระวายใจก็ส่งเสียงตะโกนร้อนรน “ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!”
ส่วนทัวป๋าหลิวลี่ก็รู้สึกตกใจ ทว่าที่น่าตกใจมากกว่าคืออันหลิงเกอทำเยี่ยงนี้เพื่อช่วยชีวิตนางโดยมิคำนึงถึงชีวิตตนเลย
ด้านมู่จวินฮานรับรู้เรื่องนี้ก็รีบมาที่ตำหนักของมู่เหล่าหวางเฟย เมื่อมาถึงห้องของหมู่เฟยก็เห็นว่าที่แขนของอันหลิงเกอถูกพันแผลอย่างแน่นหนาแล้ว
“หมอหลวงบอกว่ามิได้โดนจุดสำคัญ ท่านอ๋องมิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอบอกมู่จวินฮานด้วยใบหน้าซีดเซียว จากนั้นมู่จวินฮานจึงสวมกอดนางเอาไว้
“เจียงอ๋อง ! ” มู่จวินฮานมิเข้าใจความจริงแม้อันหลิงเกอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว
ตอนนี้จ้าวหลานหยู่ก็หนีกลับจวนเสียแล้ว มู่จวินฮานก็พาอันหลิงเกอกลับจวนอ๋องมู่
เรื่องจัดการจ้าวหลานหยู่เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้เขาทำได้แค่ดูแลอันหลิงเกอให้หายดีจึงจะมีใจไปจัดการเรื่องนี้
จวนอ๋องมู่ค่อนข้างมีอำนาจมาก เวลานี้มู่จวินฮานได้ให้อิสระแก่จ้าวหลานหยู่มากเกินไป ครั้นทำร้ายพระชายาจนได้รับบาดเจ็บก็มิรู้ว่าวันข้างหน้าจักเกิดเรื่องใดขึ้นอีก
ตอนนี้อวี๋หมิงหลันทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับอันหลิงเกอจึงรู้สึกเป็นกังวลถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา