พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 537 ความลึกลับของสองพี่น้อง
ตอนที่ 537 ความลึกลับของสองพี่น้อง
“พี่หญิง ข้าขอบอกตามตรงว่ามิอาจทนเห็นท่านโดนถูกผู้อื่นข่มเหง มิหนำซ้ำยังต้องแสดงท่าทางซาบซึ้งในบุญคุณเยี่ยงนี้”
แม้ทัวป๋าถิงฟางพูดมิค่อยสุภาพแต่ทัวป๋าหลิวลี่ก็มิได้ใส่ใจกับพิธีรีตองเหล่านี้อยู่แล้วจึงได้แต่เร่งรัดอีกฝ่าย “พูดมา”
“เช่นนั้นข้าขอกล่าวตามตรงเกี่ยวกับเรื่องที่พระชายาเอาตัวมาขวางกริชแทนพี่หญิง ดูท่าแล้วจักเป็นแผนการของพระชายาเองเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางโน้มกายไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทีลึกลับ
“เป็นไปมิได้” ทัวป๋าหลิวลี่ปฏิเสธทันที
จ้าวหลานหยู่คงมิได้วางแผนทำร้ายนางหรอก ?
“ข้าทราบดีว่าหากไร้หลักฐานมาพิสูจน์ พี่หญิงก็คงมิยอมเชื่อเป็นแน่ ดังนั้นข้าจึงต้องงัดหลักฐานออกมา” ทัวป๋าถิงฟางกล่าวอย่างจริงจัง
ทัวป๋าหลิวลี่ครุ่นคิดอย่างละเอียดจากนั้นก็มองไปทางน้องสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วพยักหน้าเบา ๆ
หลังได้รับอนุญาตแล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็ปรบมือเบา ๆ ให้สาวใช้ที่ซื้อใจแล้วเข้ามาด้านใน
“บ่าวเฉิงเอ๋อ คารวะเช่อเฟยเจ้าค่ะ”
“ข้าถามเจ้าหน่อยว่าเรื่องที่เจียงอ๋องลอบสังหารในคราวก่อน เจ้ารู้มากเพียงใด ? ” ทัวป๋าหลิวลี่ตรงเข้าประเด็นทันใด
“บ่าวได้ยินชัดเจนเพราะอยู่ข้างกายพระชายาเจ้าค่ะ พระชายาและเจียงอ๋องสมรู้ร่วมคิดกันจริงเจ้าค่ะ ! ”
ในตอนที่เฉิงเอ๋อเล่าเรื่องจบ มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าลายปักของทัวป๋าหลิวลี่ก็กำแน่นเพราะรู้สึกว่าโดนทรยศความรู้สึก
คำพูดของเฉิงเอ๋อมิได้แตกต่างจากของทัวป๋าถิงฟาง !
ทัวป๋าหลิวลี่มิกลัวว่าที่เฉิงเอ๋อกล่าวนั้นเป็นเรื่องโป้ปด ถึงอย่างไรเฉิงเอ๋อก็เป็นแค่สาวใช้ ต่อให้กล้าหาญก็คงมิกล้าวิพากษ์วิจารณ์ภายในจวนอ๋องมู่เยี่ยงนี้หรอก
จากนั้นนางจึงโบกมือให้สาวใช้คนอื่นพาเฉิงเอ๋อออกไปพร้อมมอบรางวัลเป็นสิ่งของบางอย่าง
“พี่หญิง ข้าคิดว่าเราลงมือเองดีกว่าเจ้าค่ะ” ครั้นทัวป๋าถิงฟางเห็นทัวป๋าหลิวลี่เหมือนมิอยากต่อสู้ในเวลานี้จึงลองหยั่งเชิงออกไป
“ลงมือเองหรือ ? ” ทัวป๋าหลิวลี่พึมพำกับตนเอง จากนั้นก็มองผู้เป็นน้องสาว “เจ้ามีความคิดใดใช่หรือไม่ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางอมยิ้มโดยมิกล่าวอันใด แค่มองไปยังท้องของทัวป๋าหลิวลี่ด้วยแววตาที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “อยู่ที่ว่าพระชายาจะรับได้หรือไม่เท่านั้น”
ทัวป๋าหลิวลี่ครุ่นคิดตามพักใหญ่ อีกฝ่ายต้องการใช้บุตรของนางช่วงชิงความโปรดปรานเยี่ยงนั้นหรือ ?
เหตุผลที่ทัวป๋าหลิวลี่มิอยากช่วงชิงเพราะคิดว่าตนมีบุตรแล้วท่านอ๋องก็ยังมิใส่ใจเด็กในครรภ์สักเท่าไรเลย
วันรุ่งขึ้น อากาศแสนสดใส พอซูเอ๋อได้ยินเรื่องการลอบสังหารก็ตรงมาเยี่ยมสหายที่จวนอ๋องมู่ทันที
“ลมอันใดหอบเจ้ามาถึงนี่ ? ” ครั้นอันหลิงเกอได้พบซูเอ๋อก็รู้สึกเบิกบานใจมากทีเดียว ใบหน้าของนางจึงแดงเรื่ออย่างมีความสุข
“เจ้ายังกล้าพูดอีก ! เจ้าโง่หรือ เหตุใดจึงไปขวางกริชแทนทัวป๋าหลิวลี่เยี่ยงนั้น หากแค่ระยะเวลาสั้น ๆ…”
ในขณะที่ซูเอ๋อกำลังกล่าว น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความปวดใจจึงอดมองค้อนใส่อันหลิงเกอมิได้
“มิใช่เรื่องน่าร้อนใจอันใด มิต้องคิดมาก…” น้ำเสียงของอันหลิงเกอยิ่งเบาบางลงเรื่อย ๆ ต่อให้ฟังอย่างไรก็ใจอ่อนอยู่ดี
“เอาล่ะ ข้ามิได้เป็นอันใด ช่วงนี้ดอกไม้ในจวนกำลังบานสะพรั่งพอดี ข้าพาเจ้าไปชมเสียหน่อยดีกว่า” อันหลิงเกอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะรู้ว่าซูเอ๋อดีกับตนมาก
“เจ้าเดาสิ ตอนมาข้าเจอกับผู้ใด ? ” แต่แล้วก็เหมือนฉุกคิดขึ้นได้ซูเอ๋อจึงถามออกมา
“ผู้ใดหรือ ? ” อันหลิงเกอเห็นซูเอ๋อปล่อยวางเรื่องนี้ลงจึงถามกลับด้วยความอยากรู้ทันที
“ทัวป๋าหลิวลี่”
“…” นางคิดว่าซูเอ๋อจะทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลังแล้ว แต่คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายยังเป็นกังวล
“เจ้าห้ามหยุดให้ความสำคัญเด็ดขาดเพราะข้าเห็นนัยน์ตาของทัวป๋าหลิวลี่ผู้นั้นฉายชัดไปด้วยความเกลียดชัง เจ้ามิควรดีกับนางเกินไป เพราะนางมิได้ซาบซึ้งในบุญคุณ และเจ้าควรระวังตัวให้ดี”
ซูเอ๋อเห็นอันหลิงเกอแสดงท่าทางมิได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจจึงอดหงุดหงิดมิได้
เหตุใดในตอนที่ช่วยนางจัดการเนี่ยอันอันจึงเด็ดขาดนัก ครั้นมาถึงตนกลับลังเลมิกล้าตัดสินใจเสียอย่างนั้น
คงมิใช่เพราะมีบุตรก็เลยเปลี่ยนไปกระมัง ?
“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว ข้าจักให้คนข้างกายคอยเฝ้าสังเกตการณ์และเจ้าวางใจได้เลย” อันหลิงเกอพยักหน้าและให้สัญญาอย่างจริงจัง
ซูเอ๋อเห็นเยี่ยงนี้จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ทั้งสองคนสนทนากันอย่างสนุกสนานอีกพักใหญ่ แต่มีร่างที่ทำตัวลับล่ออยู่บริเวณเรือนฝูหลิง มองจากเงาแล้วน่าจะเป็นเฉิงเอ๋อ
“เจ้ากำลังทำอันใด ! ”
“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อคุกเข่าลงแสดงความเคารพแต่มีเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก
เฉิงเอ๋อเป็นสาวใช้ที่มู่เหล่าหวางเฟยมอบให้อันหลิงเกอ แต่เพราะการทำตัวลับล่อเยี่ยงนี้จึงสร้างความสงสัยให้แก่ผู้อื่น
ตอนแรกเขาก็เคยเห็นทัวป๋าหลิวลี่และเฉิงเอ๋อสนิทสนมกัน…
มู่จวินฮานเป็นคนที่เข้าใจง่าย ย่อมคาดเดาได้ว่าเฉิงเอ๋อต้องเป็นสายลับที่ทัวป๋าหลิวลี่ส่งมาอยู่ในเรือนฝูหลิงแน่นอนจึงอดบันดาลโทสะมิได้
“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่เห็นมู่จวินฮานมายังเรือนของตนจึงพุ่งตัวเข้ามาอย่างหน้ามืดตามัวด้วยความดีใจจนมิทันสังเกตว่าใบหน้าของมู่จวินฮานมิค่อยสบอารมณ์
“พระชายาเสียสละตนเพื่อปกป้องเจ้า แต่เจ้ากลับซื้อใจคนในเรือนของนาง ละอายแก่ใจบ้างหรือไม่ ! ” มู่จวินฮานตำหนิด้วยความโกรธ
“ท่านอ๋อง…” ทัวป๋าหลิวลี่เริ่มรู้สึกมิแน่ใจ “ท่านอ๋องหมายความเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
ในตอนที่เห็นองครักษ์คุมตัวเฉิงเอ๋อไว้ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดทันใด จากนั้นนางก็รีบอธิบายว่า “ท่านอ๋อง ท่านเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ ข้ามิรู้จักนาง ข้า…”
“พอแล้ว เจ้าดำรงตำแหน่งเช่อเฟยอย่างสงบสุขเถิด ของที่มิใช่ของเจ้าก็อย่าริอ่านอยากครอบครอง ! ” มู่จวินฮานกล่าวจบก็สะบัดชายเสื้อและเดินจากไป
มู่จวินฮานเป็นห่วงความปลอดภัยของอันหลิงเกอ หลังออกจากเรือนของทัวป๋าหลิวลี่แล้วก็ตรงไปยังเรือนฝูหลิงทันที
เดิมทีอันหลิงเกอกำลังสนทนาหัวเราะสนุกสนานอยู่กับซูเอ๋อ ครั้นเห็นมู่จวินฮานเข้ามาหาด้วยความร้อนใจจึงรู้สึกแปลกใจ “ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานเห็นสตรีตัวน้อยมีความกังวลก็โผเข้ากอดนางทันที
อันหลิงเกอตบไปบนแผ่นหลังของมู่จวินฮานอย่างตกตะลึง ก่อนปลอบโยนเขาว่า “เป็นอันใดไปหรือ ? ”
“ข้าเห็นเฉิงเอ๋อในเรือนของทัวป๋าหลิวลี่แล้วเป็นห่วงเจ้าจึงมาดูเสียหน่อย” มู่จวินฮานสูดลมหายใจเข้าลึกและปล่อยตัวอันหลิงเกอ
“ข้ามิเป็นไร แต่ข้าจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอยิ้มปลอบมู่จวินฮานและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
ซูเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมทันใด เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ว่าทัวป๋าหลิวลี่ต้องก่อปัญหา
“ทหาร คุมตัวเข้ามา” มู่จวินฮานออกคำสั่งให้นำตัวเฉิงเอ๋อเข้ามาอย่างฉับพลัน
“เจ้าไปทำอันใดในเรือนของทัวป๋าหลิวลี่ ? ” อันหลิงเกอมองใบหน้าอันคุ้นเคยแต่ระแวดระวังอยู่ภายในใจ
“ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย พระชายาโปรดไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ…” เฉิงเอ๋อมิได้แสดงท่าทีอันใดนอกจากเอ่ยประโยคเดิม ๆ
ยังมิทันที่ทั้งสองคนจะถามเรื่องบางอย่างให้เข้าใจ จู่ ๆ เฉิงเอ๋อก็ล้มลงกับพื้น ในตอนที่ชิงเฟิงเข้าไปตรวจอาการ ผู้ใดจะคิดว่าเฉิงเอ๋อกัดลิ้นจนตาย
ดูเหมือนเรื่องนี้ยังมิจบ อันหลิงเกอส่งคนออกไปตรวจสอบที่พักอาศัยของเฉิงเอ๋ออย่างเงียบ ๆ ในที่สุดก็เจอหมายเลขตั๋วเงินที่ร่างขึ้นอย่างหยาบ ๆ ในห้องของเฉิงเอ๋อ
แต่ก็เจอคนที่คาดมิถึงเยี่ยงทัวป๋าถิงฟาง
ครั้นได้ยินรายงานของลูกน้อง อันหลิงเกอก็พยักหน้าและโบกมือให้เขาถอยออกไป จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ
ทัวป๋าถิงฟางมิเคยเปิดเผยตัวตนมาก่อน นางมีท่าทีอ่อนโยนและประพฤติตัวดีมาโดยตลอด ทั้งมิอยากช่วงชิงความโปรดปรานแต่ผู้ใดจะคาดถึงว่า…