พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 544 รักแรกพบ
ตอนที่ 544 รักแรกพบ
“ได้ได้ได้ ข้าจักรีบกลับไปแล้วให้ท่านพ่อเตรียมของหมั้น ! ”
หนานกงหลิงเยว่พยักหน้าและมองเขาวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน แผ่นหลังของเขาตราตรึงอยู่ในหัวใจของนางจึงทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างมาก
หากสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับคนเยี่ยงนี้ได้ นางคงมีความสุขเหมือนชีวิตของอันหลิงเกอและมู่จวินฮาน ในที่สุดนางก็จะมีงานสมรสของตนเสียที
หนานกงหลิงเยว่คิดเยี่ยงนี้ กระนั้นนางก็ยังอดมองไปที่ขาของตนมิได้ นางจะไม่เป็นภาระใช่หรือไม่ ?
“หลิงเยว่”
ในตอนที่ฟางหลิงซู่กลับมาอีกคราก็เห็นหนานกงหลิงเยว่นั่งอยู่เพียงลำพังจึงเดินเข้ามาหา
“ท่านพี่ ท่านมิไปห้องโถงใหญ่หรือเจ้าคะ ? ”
ฟางหลิงซู่ส่ายหน้า
“เราเชิญพระชายามู่มาดีกว่าเจ้าค่ะ”
หนานกงหลิงเยว่ลองพูดหยั่งเชิงออกไป นัยน์ตาของนางระยิบระยับมากทีเดียว
เมื่อไม่กี่วันก่อน ในตอนที่ฟางหลิงซู่พยายามเชิญอันหลิงเกอออกจากจวนอ๋องมู่ อย่างไรหนานกงหลิงเยว่ก็มิยอม
สำหรับนางแล้วอันหลิงเกอเป็นคนส่วนน้อยที่ทัดเทียมกับนางได้ นางมิหวังให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะกับสภาพปัจจุบัน นางอยากให้อีกฝ่ายจดจำความแข็งแกร่งของนางไว้ในใจตลอดไป
แต่วันนี้ตอนที่หนานกงหลิงเยว่ได้พบกับกูซูเฉี่ยอวี่ นางก็เกิดเสียใจขึ้นอย่างฉับพลัน นางอยากให้ขาทั้งสองฟื้นกลับมาได้เพราอยากเดินได้อย่างอิสระ อยากเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา
ในโลกใบนี้คงมีเพียงอันหลิงเกอเท่านั้นที่ทำได้
หนานกงหลิงเยว่เพิ่งเข้าใจเป็นครั้งแรกว่าสิ่งใดเรียกรักแรกพบ
“ตอนนี้ยังมิได้…” ฟางหลิงซู่ก้มหน้าลงและมองไปยังหนานกงหลิงเยว่ด้วยความรู้สึกผิด
“บัดนี้วังหลวงและพวกเราเพิ่งกระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกันเพราะอ๋องมู่ หากพานางออกจากจวนอ๋องมู่ก็ต้องมีคนล่วงรู้แน่ ดังนั้นมิเป็นผลดีต่อนางและต่อเราเช่นกัน”
หลังผ่านเรื่องครั้งนี้ไป ฟางหลิงซู่ก็ระมัดระวังตัวและรอบคอบมากขึ้น
หากเขามิแกล้งตายก็หมดทางหนีรอดจากทุกสิ่งได้
โชคดีที่หอพิษกู่มีพื้นฐานมั่นคงมานานหลายปีจึงพอบูรณะขึ้นได้อีกครั้ง
หนานกงหลิงเยว่มิใช่สตรีที่ไม่เข้าใจเหตุผล นางจึงพยักหน้ารับ
นางรู้ว่าขาของตนเป็นเยี่ยงนี้มาเนิ่นนานแล้ว มิได้เพิ่งเป็นแค่วันสองวัน
แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นวันที่จ้าวหลานหยู่ได้กลับวัง หลังเกิดเรื่องโรคระบาดเขามิเพียงแต่ได้รับการสนับสนุนเท่านั้น ฮ่องเต้ยังทรงเชื่อพระทัยเขามากขึ้นด้วย
ครานี้เป็นแผนการที่กำกับและแสดงเองของจ้าวหลานหยู่ เขายังส่งคนไปเก็บกวาดเหล่าเจ้าหน้าที่ ด้วยวิธีนี้…
การเข้านอกออกในวังหลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็น่าจะพอมองออกว่าฮ่องเต้กำลังใช้ประโยชน์จากเขา
“ถวายพระพรฟู่หวงพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นเห็นจ้าวหลานหยู่กลับมาอีกคราก็มีทั้งคนดีใจและกังวลในคราวเดียวกัน
อันหลิงเกอค่อนข้างกังวลมาก หากเป็นเยี่ยงนี้ก็มิรู้ว่ามู่จวินฮานจักตกอยู่ในสถานการณ์ใด
“ลูกพ่อคงลำบากแย่”
หากมิใช่แผนการโรคระบาดในครานี้ทั้งสองพ่อลูกก็มิมีวันคืนดีเป็นแน่
เวลานี้ภายในวังกำลังคึกคักมากทีเดียว อวี๋หมิงหลันไปอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอ แม้พวกนางสองคนมิค่อยไปมาหาสู่กันสักเท่าไรในเวลาปกติ แต่บัดนี้อันหลิงเกอค่อนข้างเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่ในเรือนเพียงลำพังจึงทะนุถนอมผู้ที่สามารถพูดคุยกับตนได้
หลังจบเรื่องเผ่าปิงชวน ทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
อย่างน้อยอวี๋หมิงหลันก็ยังดีกว่าพวกสนมในจวนเหล่านั้นเสียอีก
“พระชายา มิทราบว่าวันนี้ท่านไปพบท่านอ๋องของข้าได้หรือไม่ ! ” เดิมทีก็พูดคุยเรื่องทั่วไป ทว่าจู่ ๆ อวี๋หมิงหลันก็คุกเข่าลงฉับพลัน
“เจ้าจะทำอันใด?”
“เจ้ามีเรื่องต้องทราบเอาไว้ บางคน บางเรื่อง…”
ดูเหมือนอวี๋หมิงหลันแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างเห็นได้ชัด นางก้มหน้ามองพื้นแต่เปล่งเสียงพูดกับอันหลิงเกอ
บางคน บางเรื่อง หมายความว่าเยี่ยงไร ?
อันหลิงเกอรู้สึกว่าจ้าวหลานหยู่มีเรื่องอยากเอ่ยกับตนมาโดยตลอด เช่นนั้น…
“อืม” อันหลิงเกอมิได้ตริตรองและตอบกลับไป
นางตามอวี๋หมิงหลันออกจากจวนโดยมิได้ทำลับล่อ แค่มิมีผู้ใดสังเกตเห็นว่าพวกนางมุ่งหน้าไปยังจวนเจียงอ๋อง
แม้อันหลิงเกอมิเคยลืมเรื่องที่จ้าวหลานหยู่วางแผนทำร้ายนางในครานั้น แต่ครานี้ นางวางแผนมาอย่างดีและมิมีทางยอมให้จ้าวหลานหยู่ทำร้ายได้อีกครั้ง
“พระชายามู่”
จ้าวหลานหยู่ทำความเคารพเล็กน้อย อันหลิงเกอมิสนใจมากนักและได้แต่นั่งลง
จ้าวหลานหยู่เพิ่งได้รับพระราชทานรางวัลจากในวังหลวง พอกลับมาก็เจออันหลิงเกอที่กำลังรอเขาอยู่ในจวน
อวี๋หมิงหลันถอยไปยังเรือนของตน เหลือไว้แค่อันหลิงเกอและจ้าวหลานหยู่
“หลังกล่าวจบในวันนี้ บนโลกนี้จักมิมีเจียงอ๋องอีกแล้ว”
หมายความว่าเยี่ยงไร ? อันหลิงเกอยังมิได้สติกลับมา จ้าวหลานหยู่ก็เอ่ยปากต่อ
“แบกรับความผิดบาปของวัยหนุ่มสาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว มารดาของเจ้ามิได้ทำร้ายหมู่เฟยและท่านป้าของข้า” ครั้นได้ยินว่า ‘มารดา’ สองพยางค์นี้ อันหลิงเกอก็เบิกตากว้างทันที
“มารดาของเจ้า เดิมทีโดนสตรีผู้นั้นทำร้าย”
ครั้นเอ่ยถึงสตรีผู้นั้น แววตาของจ้าวหลานหยู่ก็ฉายความเกลียดชังออกมา
“มู่เหล่าหวางเฟย”
คำนี้เป็นคำตอบที่อันหลิงเกอกลัวที่สุด นางพิงพนักเก้าอี้อย่างอดมิได้พร้อมเกิดความมิวางใจ
หากเป็นมารดาของมู่จวินฮาน เช่นนั้น…
เป็นไปมิได้ !
อันหลิงเกอสงสัยในคำพูดนี้มาก แต่ในตอนนี้เองจ้าวหลานหยู่กลับส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นก็ชักกริชออกมาและปาดคอตนเอง
คำตอบอันใดกัน คนผู้หนึ่งยอมตายดีกว่าต้องพูดออกมาเชียวหรือ ?
ครั้นเห็นจ้าวหลานหยู่ล้มลงกับพื้น อันหลิงเกอก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ! ”
เมื่ออวี๋หมิงหลันได้ยินกลับมิได้โทษอันหลิงเกอแต่อย่างใด นางทำเพียงเสียใจและคุกเข่าอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานโดยมิกล่าวอันใด
“เชิญพระชายามู่กลับไปเถิด นักฆ่าที่ลอบสังหารท่านอ๋องของข้าได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องนี้มิเกี่ยวกับพระชายามู่เลย”
หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ? ดูท่าแล้วจ้าวหลานหยู่มิหวังให้นางเข้าไปจัดการในวังหลวงอีก
แต่บัดนี้เขามีความสัมพันธ์อันดีกับฮ่องเต้ เหตุใดถึงทำเยี่ยงนี้ ? อันหลิงเกออดนึกถึงคำกล่าวเมื่อครู่ของเขามิได้ จากนั้นก็เดินออกไปอย่างโซซัดโซเซ
เขายอมตายดีกว่าต้องเอ่ยออกมา รวมทั้งผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านคราที่แล้วก็คือมู่เหล่าหวางเฟย !
นึกย้อนกลับไปคือมู่เหล่าหวางเฟยมักดีกับนางเสมอ แต่อันหลิงเกอก็รู้สึกมีบางอย่างมิชอบมาพากล บัดนี้เมื่อคิดได้ก็เริ่มกลัว
แววตาที่มู่เหล่าหวางเฟยมองนางคือความหวาดกลัว
อันหลิงเกอล้มตัวนั่งอยู่หน้าจวนเจียงอ๋องในที่สุด นางพยายามลุกขึ้นแต่ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงและทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง
เหตุใดต้องเป็นมารดาของมู่จวินฮาน ?
เรื่องนี้มีความลับใดซ่อนอยู่กันแน่ ?
การกลับชาติมาเกิดใหม่ของนาง การตายของมารดา ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นปริศนา…
ความเกลียดชังที่โดนปิดตายได้บังเกิดขึ้นในใจของอันหลิงเกออีกครา
นางค่อย ๆ เดินกลับจวนอ๋องทีละก้าว นัยน์ตามีแต่ภาพที่จ้าวหลานหยู่ทรุดลงกองกับพื้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ที่นางเกลียดคือหลี่กุ้ยเฟย หลี่หรูเสวี่ยและจ้าวหลานหยู่
ตอนนี้คนหนึ่งเสียสติ อีกคนกักขังตนเอง บัดนี้จ้าวหลานหยู่ยังมาสิ้นใจ อันหลิงเกอเพิ่งได้รู้ว่าแท้จริงนางเกลียดผิดคน
สตรีที่ลอบแอบมองทุกอย่างผู้นั้นคือผู้ลงมือกระทำความผิด
“ท่านอ๋องอยู่ที่ใด ? ” อันหลิงเกอมาถึงหน้าประตูเรือนของมู่จวินฮาน ชิงเฟิงมิอยู่จึงมีเพียงองครักษ์นายเดียวเท่านั้น
“ท่านอ๋องเข้าวังไปหาเหล่าหวางเฟยขอรับ”
ครั้นได้ยินว่าเข้าวังและเอ่ยถึงเหล่าหวางเฟย อันหลิงเกอก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ