พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 558 พูดออกมามิได้
ตอนที่ 558 พูดออกมามิได้
“อย่า…” ทัวป๋าถิงฟางน้ำตาเอ่อล้นออกมา
“สำหรับเจ้านี่คือเรื่องดี” กล่าวจบ มู่จวินฮานก็เตรียมจากไป
“ช้าก่อน ! ” จู่ๆ ทัวป๋าถิงฟางก็ฉุกคิดอันใดบางอย่างได้
“พูดมา” มู่จวินฮานคิดให้โอกาสนางเป็นครั้งสุดท้ายแต่คาดมิถึงว่าคำพูดของนางจะทำให้เขาตื่นตกใจ
“ท่านอ๋องมิอยากทราบหรือว่าเหตุใดพระชายาจึงจากไปเจ้าคะ ? ” มู่จวินฮานหยุดเดินทันใด
“เจ้าว่าอันใด ? ” มู่จวินฮานหันกลับมาและเดินมาหานางทีละก้าว
เมื่อทัวป๋าถิงฟางเห็นว่าคำพูดของตนยังมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ดึงดูดความสนใจของมู่จวินฮานได้จึงรีบพูดต่อทันที
แต่นางยังมิทันได้พูดอันใดก็ถูกเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหลังตัดบทเสียก่อน
“ท่านอ๋องอยู่นี่เอง แม่ตามหาเสียตั้งนาน”
มู่เหล่าหวางเฟยแสดงท่าทีกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่พอรู้ว่าทัวป๋าถิงฟางตกอยู่ในสถานการณ์สุนัขจนตรอก นางก็รีบหาตัวทันทีเพราะจักมิยอมให้สตรีผู้นี้บอกความจริงทั้งหมดเด็ดขาด
“หมู่เฟยมาหาลูก มีเรื่องอันใดหรือขอรับ ? ” มู่จวินฮานรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมิชอบมาพากลแต่ก็บอกแน่ชัดมิได้
“ถิงฟางก็อยู่ด้วยหรือ” สายตาของมู่เหล่าหวางเฟยจับจ้องไปยังทัวป๋าถิงฟาง
“คารวะมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางแสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มู่จวินฮานมิได้สนใจนางแต่พูดอันใดบางอย่างกับมู่เหล่าหวางเฟยซึ่งทำให้ทัวป๋าถิงฟางร้อนใจมาก
“จริงสิ จวินฮาน ในเมื่อทัวป๋าถิงฟางต้องแต่งไปยังเผ่าปิงชวน เช่นนั้นแม่ขออบรมมารยาทนางหน่อยแล้วกัน”
มู่เหล่าหวางเฟยมองมู่จวินฮานครู่หนึ่ง นางรู้ว่าบุตรชายเชื่อฟังมาก ยังดีที่ทัวป๋าถิงฟางมิทันกล่าวอันใดออกมา เช่นนั้น…
“ขอรับ รบกวนหมู่เฟยด้วยขอรับ”
มู่จวินฮานคิดว่าสิ่งที่ทัวป๋าถิงฟางอยากพูดออกมาเมื่อครู่เป็นการยื้อเวลาเท่านั้นจึงมิได้เชื่อคำพูดของนางและมิได้เอ่ยถามต่อ
ครั้นเห็นมู่จวินฮานเดินจากไป ในใจของทัวป๋าถิงฟางก็เย็นยะเยือกฉับพลัน ดูท่าแล้วนางคงไร้โอกาสอีก
“เช่อเฟย เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” นางกำนัลที่ติดตามอยู่ข้างกายของมู่เหล่าหวางเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่นัยน์ตาแฝงไปด้วยแววเหยียดหยาม
ทัวป๋าถิงฟางผู้นี้คิดทรยศมู่เหล่าหวางเฟยหรือ ? คงมิอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วกระมัง
“ถิงฟาง มานี่สิ”
มู่เหล่าหวางเฟยยิ้มเมตตาแต่ทัวป๋าถิงฟางรู้ว่ามันไม่ง่ายเช่นนั้น
นางนั่งอยู่ต่อหน้ามู่เหล่าหวางเฟยด้วยความขลาดและรอให้อีกฝ่ายเอ่ยก่อน
พอเห็นทัวป๋าถิงฟางหลบสายตาตลอดเวลา มู่เหล่าหวางเฟยจึงคิดว่านางขี้ขลาดและมิกล้าทรยศจริงจึงค่อย ๆ วางใจมากทีเดียว
“ส่งเจ้าออกจากจวนมิใช่เป็นความตั้งใจเดิมของท่านอ๋อง แต่น่าเสียดายที่บัดนี้ภายในจวนมิมีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าเจ้า ทุกอย่างจึงออกมาเป็นเยี่ยงนี้ เจ้าและท่านอ๋องมิใช่สามีภรรยากันโดยแท้จริง หากเจ้ามีความสัมพันธ์ทางกายกับท่านอ๋องแล้วสถานการณ์จึงจะเปลี่ยนไป”
มู่เหล่าหวางเฟยกล่าวเยี่ยงนี้เพื่อหวังให้นางรีบผลิตทายาทโดยเร็วที่สุด
ดวงตาของทัวป๋าถิงฟางจึงเปล่งประกายขึ้นในทันที
“หมู่เฟยได้โปรดช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ!”
บัดนี้มู่เหล่าหวางเฟยยอมช่วย นางก็คงมิมีวันคิดทรยศอีกเป็นแน่
ดังนั้นหากต้องแลก มันก็มิเลวนัก
“เด็กคนนี้ช่างโง่เขลาเสียจริง บัดนี้ท่านอ๋องคิดส่งเจ้าออกเรือนไปยังเผ่าปิงชวน หากเจ้าหาคนที่จะไปแทนได้และถือโอกาสตั้งครรภ์ทายาทเสีย ตอนนั้น…”
มู่เหล่าหวางเฟยยิ้มอ่อนโยนทำให้ทัวป๋าถิงฟางรู้สึกได้ว่านางอยากช่วยเหลือจริง ๆ
“เจ้าค่ะ หมู่เฟยแนะนำได้มีเหตุผลมากเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางได้คิดแผนการเงียบ ๆ ไว้ในใจแล้ว หากให้พี่หญิงแต่งงานออกเรือนไปก็คงดี
“นอกจากแม่แล้ว ในจวนอ๋องแห่งนี้ยังมีใครแทนถิงฟางได้อีกหรือ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางเข้าใจทันที มิว่าผู้ใดก็ขอแค่ไม่ใช่ตนก็พอ
“เจ้าค่ะ ถิงฟางเข้าใจแล้ว”
มู่เหล่าหวางเฟยพยักหน้าชื่นชม ดูท่าแล้วทัวป๋าถิงฟางผู้นี้มิได้โง่เขลาเสียทีเดียว
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปเถิด จงจำบุญคุณของหมู่เฟยให้ดีและจงมีบุตรที่ดีให้ได้”
กล่าวจบ มู่เหล่าหวางเฟยก็มิได้พูดอันใดอีกนอกจากมองไปยังทัวป๋าถิงฟางที่คำนับตนและพยักหน้าให้เพียงเล็กน้อย หลังจากอีกฝ่ายออกไปแล้วสีหน้าจึงเย็นชาขึ้น
“มู่เหล่าหวางเฟย ท่านจะช่วยนางจริงหรือเจ้าคะ ? ” นางกำนัลมิเข้าใจ
“จะท้องของใครก็ได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ? ขอเพียงนางมีทายาทได้ก็เก็บนางไว้ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็คอยเลี้ยงลูกของอันหลิงเกออยู่”
ความรู้สึกที่มู่เหล่าหวางเฟยทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้เสมอก็คือความฉลาดหลักแหลม นางกำนัลที่อยู่ข้างกายจึงพยักหน้าด้วยความเคารพกว่าเดิม
ความร้ายกาจของเหล่าหวางเฟยมิมีผู้ใดคาดเดาได้
“เหล่าหวางเฟยเจ้าคะ แต่ถิงฟางเช่อเฟยผู้นั้น ถ้าท่านช่วยเหลือนางแล้ว ท่านอ๋องจะเป็นเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ” ฝั่งมู่จวินฮานเกรงว่าจะพูดได้ยากแน่นอน
“สำหรับท่านอ๋อง ข้ามีวิธีพูดของข้าเอง”
บัดนี้ทัวป๋าถิงฟางมิได้เป็นที่โปรดปรานอีกแล้ว เป็นแค่หมากในแผนการเท่านั้น หากยังไม่สามารถเข้าใกล้มู่จวินฮานและมีบุตรได้ก็ไร้ประโยชน์อันใดอีก
ถึงตอนนั้นพอที่ส่งนางออกเรือนไปยังเผ่าปิงชวนก็มิต้องกลัวว่านางจะเผยอันใดอีกแล้ว
“เจ้าค่ะ” หลังนางกำนัลถอยออกไปก็เหลือแค่มู่เหล่าหวางเฟยผู้เดียว
“เหล่าหวางเฟย เกี้ยวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
มู่เหล่าหวางเฟยยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนเดินออกไปภายใต้การประคองของสาวใช้
เวลานี้อันหลิงเกอก็ได้รับอาภรณ์ชุดใหม่ที่ฟางหลิงซู่เตรียมไว้เป็นอย่างดี พรุ่งนี้นางต้องไปต้อนรับประมุขเผ่าปิงชวนแล้ว
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดอันหลิงเกอมักรู้สึกมิค่อยสบายใจมากทีเดียว มิรู้ว่ามีผลมาจากสภาพจิตใจหรือไม่ นางจึงรู้สึกว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน
“เป็นอันใดไปหรือ ? พี่ชายช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ ชุดนี้งดงามมาก” ขาของหนานกงหลิงเยว่กลับมาเดินได้คล่องแคล่วขึ้นแล้ว นางหันไปส่งยิ้มให้อันหลิงเกอเล็กน้อย
หลายวันมานี้หนานกงหลิงเยว่ซาบซึ้งใจมากจริง ๆ
อันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใด ขอเพียงหนานกงหลิงเยว่ดีขึ้นโดยเร็ววัน การอยู่ในหอพิษกู่ก็มิสูญเปล่า
เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอเก็บของและรอฟางหลิงซู่มาเรียกไปยังโถงหน้าตามที่กำหนดไว้
ความจริงแล้วนางมิชอบตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้เอามาก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคำขอร้องของฟางหลิงซู่ นางจึงมิอาจปฏิเสธได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือฟางหลิงซู่ไม่ได้ขอนางมากเกินไป อันหลิงเกอจึงตอบรับโดยมิคิดมาก
บัดนี้จึงได้รู้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้มีคนในวังมาร่วมงานด้วย แต่มิรู้ว่าเป็นผู้ใด
ในใจของอันหลิงเกอคิดว่ามู่จวินฮานไม่มีทางมาร่วมงานแน่จึงมิน่าเกิดปัญหาใด เพียงแต่คิดว่าคนในวังจะมาร่วมงานด้วย ในใจของนางก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ
“อันหลิงเกอ เจ้าระวังตัวด้วย ข้ามิได้ไปอยู่โถงหน้าด้วย วันนี้…ข้าต้องไปหากูซูเฉี่ยอวี่”
ในขณะที่พูด หนานกงหลิงเยว่ก็หน้าแดงเรื่อ เมื่อวานกูซูเฉี่ยอวี่นัดนางไปพบกันที่โรงน้ำชา เขายังมิรู้ว่าขาของนางดีขึ้นแล้ว นางอยากทำให้เขาประหลาดใจเท่านั้น
“รู้แล้ว” อันหลิงเกอเดินมาข้างหน้าแล้วช่วยจัดผมให้นางเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มให้
“วันแต่งงานของเจ้า ข้าต้องไปส่งเจ้าเข้าพิธีแน่นอน” อันหลิงเกอเอ่ยอย่างจริงใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยคำอวยพร
นางหวังให้หนานกงหลิงเยว่มีที่พักพิงสุดท้าย แม้ก่อนหน้านั้นเคยคิดว่าพวกเขามิเหมาะสมกัน แต่พอเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วกูซูเฉี่ยอวี่ก็ยังแสดงความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด หนานกงหลิงเยว่ก็ทะนุถนอมความรู้สึกนี้มาก บางทีพวกเขาอาจอยู่ด้วยอย่างมีความสุขก็ได้