พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 581 มิรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
ตอนที่ 581 มิรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
เสียงเอะอะดังลั่นจนดังเข้ามาในเรือน พอได้ยินเสียงดังแล้วอันหลิงเกอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมุ่ยปากด้วยความมิพอใจ “ปี้จู เกิดอันใดขึ้น ? ”
ปี้จูส่ายศีรษะ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปทางต้นเสียง
ทัวป๋าถิงฟางอยู่ด้านนอก หลังได้เห็นเงาของพวกอันหลิงเกอแล้วใบหน้าของนางก็มืดมน ไฟโทสะในใจโหมกระหน่ำ บอกว่าท่านอ๋องมิให้นางเข้าไป แล้วเหตุใดอันหลิงเกอจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?
พอสาวใช้เรือนท่านอ๋องเหลือบมองตามก็เข้าใจความคิดของทัวป๋าถิงฟางทันที แต่ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนถิงฟางเช่อเฟยจะมิยอมปล่อยตนไปโดยง่าย
เป็นอย่างที่คิด ทัวป๋าถิงฟางหันมาบีบบังคับสาวใช้ด้วยความเย็นชา “นางชั้นต่ำ เจ้าบอกมาว่าเหตุใดพระชายาจึงเข้าไปในเรือนได้ แต่ข้ากลับโดนเจ้าขวางเอาไว้ ? ”
“ในสายตาเจ้าไม่เห็นเช่อเฟยเยี่ยงข้าอยู่ในสายตาหรือ ? ” ทัวป๋าถิงฟางระงับโทสะในใจมิได้อีกต่อไปจึงกัดฟันพูดต่อ “เจ้าอธิบายมาเดี๋ยวนี้ ! ”
สาวใช้โดนตวาดก็ตกใจจนหน้าซีด มิรู้จะตอบกลับเยี่ยงไรดีจึงก้มหน้าทำอันใดมิถูก
เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยงนั้นแล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็โมโหกว่าเดิม นางยกมือขึ้นตบหน้าสาวใช้อีกครั้งแล้วหันมาสบตากับสาวใช้ของตน
ทันใดนั้นสาวใช้ของทัวป๋าถิงฟางก็ก้าวไปอยู่ด้านหน้าและยกมือขึ้นตบหน้าสาวใช้ที่กำลังขวางทางอยู่
ทัวป๋าถิงฟางก็ยืนมองพร้อมเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “เมื่อเจ้ามิพูด ข้าก็จะตบจนกว่าเจ้ายอมพูดออกมา”
“แม้ตบเจ้าจนพิการ ข้าก็จะทำให้เจ้าจดจำฐานะของข้าเอาไว้ว่ามิอาจล่วงเกินได้ ! ” ในใจของทัวป๋าถิงฟางเต็มไปด้วยความโกรธ แววตาเฉียบคมจับจ้องไปที่มือของสาวใช้ตนเอง
สาวใช้ใจสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังออกแรงมากกว่าเดิม หลังจากนั้นมินานใบหน้าของสาวใช้เรือนท่านอ๋องก็บวมแดงและยังมิพูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
อันหลิงเกอที่อยู่ห่างออกไปก็เห็นฉากที่ทัวป๋าถิงฟางกำลังระบายอารมณ์ นางจึงแอบนึกถึงสาเหตุในใจ
สุดท้ายก็คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตนจึงเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าให้เร็วกว่าเดิม
“พระชายา ท่านเดินช้าหน่อยเจ้าค่ะ” ปี้จูเอ่ยเตือน แววตาหวาดระแวงกว่าเดิม พระชายาเดินเร็วขนาดนั้นก็ขอให้อย่ามีอันใดเข้ามาชนเลย
ในขณะที่กำลังไปถึงประตูเรือน อันหลิงเกอก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าและเดินอย่างสง่างามเข้าไปด้านหน้าพร้อมเปล่งเสียงออกมาอย่างอ่อนโยน “ถิงฟางเช่อเฟย เกิดอันใดขึ้นหรือ ? เหตุใดเจ้าต้องตบตีสาวใช้ผู้นี้”
มิรอให้ทัวป๋าถิงฟางตอบกลับ นางก็พูดต่อทันที “มีอันใดผิดแปลกไปหรือไร ข้าเคยได้ยินว่าองค์หญิงแคว้นชิงเยว่ใส่ใจเรื่องมารยาทมาโดยตลอด เหตุใดวันนี้จึงแสดงกิริยาต่ำทรามเสียได้ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางรู้ว่าอันหลิงเกอกำลังหมายถึงสิ่งใด อีกฝ่ายเพียงอยากเยาะเย้ยที่ตนเคยตำหนิว่าไร้มารยาทมาก่อน แต่ตอนนี้ตนกลับเป็นหนึ่งในนั้น นางจึงได้แต่ฉีกยิ้มสดใสและเก็บใบหน้าโกรธเคืองไว้ทันที “คารวะพระชายาเจ้าค่ะ”
นางทำตัวมีมารยาทขึ้นมาราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่มิเคยเกิดขึ้น ตอนนี้ใบหน้าก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส “แค่สั่งสอนสาวใช้ที่มิรู้กฎระเบียบเท่านั้น ไหนเลยจะกล้ารบกวนพระชายาเจ้าคะ”
ปลายนิ้วขยับผ้าคาดเอวขึ้นเบา ๆ หลังจัดให้เรียบร้อยแล้วใบหน้าเรียบนิ่งก็ยังดูอบอุ่น
“ในเมื่อข้ามาแล้วเจ้าก็พูดออกมาเถิดว่าเหตุใดจึงอารมณ์เสีย ? ข้าจะได้ช่วยเจ้าระบายอารมณ์เพื่อมิให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้” อันหลิงเกอกล่าวพร้อมยกยิ้มมุมปาก
ทัวป๋าถิงฟางได้ยินเยี่ยงนั้น แขนเสื้อยาวก็ถูกยกขึ้นมาปิดปากแล้วทันใดนั้นนางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “แค่บ่าวไม่มีตาคนหนึ่งมิยอมให้เชี่ยเซินเข้าไปด้านในเจ้าค่ะ”
ส่วนอันหลิงเกอก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าเพื่อขวางสาวใช้คนนั้นไว้ หลังปกป้องได้แล้วก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “นางก็ทำถูกแล้วเพราะบ่อน้ำร้อนนี้ท่านอ๋องสร้างให้ข้าเพียงผู้เดียว เจ้าจักเข้าไปได้เยี่ยงไร ? ”
“เจ้า…” ทัวป๋าถิงฟางกัดฟัน เอวบางเอนไปด้านหน้าแล้วเค้นเสียงดัง ฮึ “ในเมื่ออยู่ในเรือนท่านอ๋อง เชี่ยเซินก็เป็นภรรยาของท่านอ๋องเหมือนกัน คำกล่าวของพระชายาจักมิใจดำเกินไปหรือเจ้าคะ ถ้า…”
อันหลิงเกอมิอยากยุ่งกับทัวป๋าถิงฟางสักเท่าไร หลังมองทัวป๋าถิงฟางเบา ๆ แล้ว นางก็ประคองตัวสาวใช้ที่บาดเจ็บขึ้นและเดินกลับเข้าเรือน
“อันหลิงเกอ เจ้าอย่าทำเกินไปหน่อยเลย” ทัวป๋าถิงฟางเค้นเสียงดุขณะมองร่างที่เดินออกไปของอันหลิงเกอ ทว่าหลังจากนั้นครู่เดียวนางก็ใจเย็นลง “แค่อาศัยความโปรดปรานจากท่านอ๋องจึงกล้าทำตัวเยี่ยงนี้ ของในจวนอ๋องแห่งนี้กลายเป็นของเจ้าคนเดียวตั้งแต่เมื่อไร ? ”
อันหลิงเกอแตะมือสาวใช้เบาๆ นางรู้ดีว่าทัวป๋าถิงฟางมิหยุดโดยง่าย นางจึงยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้สาวใช้จัดการบาดแผลของตนไปก่อน
“ขอบพระคุณ…พระชายา…เจ้าค่ะ” สาวใช้ใบหน้าบวมแดงเหมือนรูปปั้นหินแก้มป่อง มันทั้งขุ่นมัวและพองโต นอกจากนี้ยังมองไปที่ทัวป๋าถิงฟางด้วยสายตาหวาดกลัว แต่หลังคารวะเสร็จแล้ว นางก็รีบเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นสาวใช้ผู้นั้นเดินออกไปไกลแล้ว อันหลิงเกอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หันไปมองทัวป๋าถิงฟาง เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองและการเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งของอีกฝ่าย อันหลิงเกอก็ยิ้มอ่อนและประกาศออกมาช้า ๆ ว่า “ข้าจะไม่พูดซ้ำอีก เพียงแต่เจ้าควรมีตาชั่งในใจ มิใช่เอาแต่ใจแล้วมาพาลใส่ข้าเช่นนี้ ทั้งยังทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อนไปด้วย”
เมื่อโดนอันหลิงเกอสั่งสอนเยี่ยงนั้น ทัวป๋าถิงฟางก็มิพอใจกว่าเดิม นางกำชุดแน่นเพราะตำแหน่งระหว่างทั้งสองเป็นอุปสรรค นางจึงทำอันใดอันหลิงเกอมิได้
ทว่าทันใดนั้นเองนางก็เห็นอันหลิงเกอหมุนตัวจะเดินกลับเข้าเรือนอีกครั้ง ทัวป๋าถิงฟางที่โมโหกว่าเดิมจึงรีบเดินตาม แต่ทันใดนั้นเองก็มีมือของคนผู้หนึ่งเข้ามาขวางไว้
อันหลิงเกอหันมายิ้มอ่อนคล้ายกำลังเยาะเย้ยเยี่ยงผู้ชนะ
ทัวป๋าถิงฟางที่โดนขวางเอาไว้อีกครั้งก็รู้สึกความโมโหจนแทบระเบิดออกมา นางปัดมือที่เข้ามาขวางตรงหน้าอย่างแรง “บ่าวสารเลว กล้าขวางข้าหรือ ! ”
ทัวป๋าถิงฟางจับจ้องไปที่เจ้าของมือนั้นและรู้ว่าคือซูโจว เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นนางก็ต่อว่าออกมาทันที “เจ้าคิดว่าตนเป็นผู้ใดจึงกล้ามาขวางข้า ยังมิรีบไสหัวไปอีก”
ทว่าซูโจวเค้นเสียงดัง หึ แล้วยืนตัวตรง ดวงตาจับจ้องไปด้านหน้าราวกับมองมิเห็นทัวป๋าถิงฟางอยู่ในสายตา
เป็นเหตุให้ทัวป๋าถิงฟางโกรธควันออกหูและนางก็รู้ว่าอยู่ตรงนี้ต่อไปมิได้อันใดขึ้นมา ทันใดนั้นมุมปากของทัวป๋าถิงฟางก็โค้งขึ้น อันหลิงเกอ เจ้าบังคับข้าเองแล้วอย่าหาว่าข้าใช้ท่านอ๋องรังแกเจ้า
หลังคิดได้แบบนี้นางก็หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง “ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ใด ? ”
“เรียนถิงฟางเช่อเฟย ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” พวกสาวใช้ที่เพิ่งเห็นฉากนี้ก็รีบตอบทันที ในใจยิ่งกระวนกระวายและภาวนาว่าอย่าให้ถิงฟางเช่อเฟยเอาความโมโหนี้มาลงที่พวกนางจะดีที่สุด
ภายในห้องหนังสือ กลิ่นธูปหอมลอยคลุ้ง มู่จวินฮานกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านสารทางราชการ บางครั้งดูสบายตา แต่บางครั้งก็ดูเคร่งเครียด
ในเวลานี้เองเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมรองเท้าสีชมพูอ่อนที่ก้าวเข้ามา
หลังได้ยินเสียงบางอย่างมู่จวินฮานก็ขมวดคิ้วแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นทัวป๋าถิงฟางมาพร้อมกับจานขนมและเดินเข้ามาด้วยสายตาอ่อนโยน
“มีเรื่องใด ? ” มู่จวินฮานถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ดวงตาเลื่อนกลับไปที่สารอีกครั้งแล้วใช้ปลายนิ้วหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอย่างมิสบอารมณ์
“เชี่ยเซินรู้ว่าท่านอ๋องงานรัดตัวจึงทำขนมและตั้งใจนำมาส่งให้ท่านอ๋องลองชิมเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางตอบด้วยเสียงอ่อนหวาน แม้ท่าทีของมู่จวินฮานจะเย็นชาและห่างเหินแต่ทัวป๋าถิงฟางก็มองอย่างอดทน
“วางไว้” มู่จวินฮานมิเงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย น้ำเสียงเย็นชาราวกับตอนนี้เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับงานแล้วโดนคนมาก่อกวนจึงรู้สึกมิสบอารมณ์