พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 592 ได้คืบจะเอาศอก
ตอนที่ 592 ได้คืบจะเอาศอก
“เชี่ยเซินดีใจจริง ๆ ที่ท่านอ๋องสามารถอยู่ต่อได้เจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ ข้าอยู่ที่นี่แล้วเจ้าก็มิต้องกลัว ไปนอนเถิด”
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่จวินฮานก็หายตัวไปแล้ว
“นายหญิงรู้หรือไม่เจ้าคะ ? เมื่อคืนท่านอ๋องออกไปนอนที่เรือนพระชายาเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยออกมาโดยมิได้ตั้งใจแต่ทัวป๋าถิงฟางที่ได้ยินก็เหมือนมีเข็มนับพันปักเข้ากลางใจ
เวลานี้นางก็อดกำมือแน่นมิได้
“เป็นฝีมือของนางจริง มิเช่นนั้นท่านอ๋องจะปฏิเสธข้าได้อย่างไร ! ”
เพราะมู่จวินฮานไม่อยู่ ทัวป๋าถิงฟางจึงถอดหน้ากากออก เดิมทีนางก็เป็นสตรีใจร้ายอยู่แล้ว การเห็นหน้าสาวใช้ในเวลานี้ก็ทำให้รู้สึกขัดหูขัดตาพอสมควร
ทว่าสิ่งที่โมโหยิ่งกว่านั้นอยู่ที่อันหลิงเกอ นางคิดว่าหากมิได้เป็นเพราะอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานก็จะเป็นของนางโดยสมบูรณ์
หลังโยนความผิดทุกอย่างไปที่อันหลิงเกอแล้ว นางก็สาบานว่าจะทำให้อันหลิงเกอเห็นฤทธิ์บ้าง “อันหลิงเกอ ! ”
สาวใช้คนนั้นยังอยู่ที่เดิมและตั้งใจหวีผมให้ทัวป๋าถิงฟาง สำหรับตัวนางเองมิได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่กล่าวไปเพราะท้ายที่สุดนางก็คิดเพื่อเจ้านาย
เนื่องจากโจรเด็ดบุปผาโดนจับตัวไปแล้ว เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นอันจบลง
ทัวป๋าถิงฟางนึกถึงเรื่องนี้เท่าไรก็ยิ่งรู้สึกมิสบายใจเท่านั้น
เพราะความริษยาและไฟโทสะที่ไม่มีสิ้นสุดจึงทำให้ทัวป๋าถิงฟางไม่เหลือสติอย่างสมบูรณ์ จากคำพูดของสาวใช้ทำให้นางรู้สึกโกรธจนควันออกหู นางไม่คิดอดทนอีกต่อไปและคิดว่าแม้ตนเป็นแค่อนุคนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องไปคิดบัญชีกับอันหลิงเกอให้ได้
“หวีผมแค่นี้ก็พอ เจ้าออกไปกับข้าตอนนี้เลย”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ทัวป๋าถิงฟางก็ยิ่งนั่งมิติด นางลากสาวใช้คนสนิทแล้วตรงมายังเรือนฝูหลิง
โจรเด็ดบุปผาต้องเป็นฝีมือของอันหลิงเกอแน่!
ถ้าไม่ใช่แล้วเหตุใดจึงไม่ไปรังแกผู้อื่นแต่มารังแกอนุเยี่ยงนางแทน !
เวลานี้อันหลิงเกอกำลังพักผ่อนอยู่ในเรือน
“เรียนพระชายา ถิงฟางเช่อเฟยมาขอพบเจ้าค่ะ…” สาวใช้ที่เข้ามารายงานยังมิทันกล่าวจบ ทัวป๋าถิงฟางก็ผลักประตูแล้วบุกเข้ามาด้วยท่าทางของคนโกรธจัด ทำราวกับมิเห็นพระชายาเยี่ยงอันหลิงเกออยู่ในสายตาและยังไม่คำนับตามมารยาทอีกด้วย
อันหลิงเกอขมวดคิ้วพลางมองพฤติกรรมของทัวป๋าถิงฟางพร้อมคิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงองค์หญิง แต่ตอนนี้ทำตัวไร้มารยาทเหลือเกิน “มีเรื่องอันใด ? ”
“ท่านอยู่ที่นี่สบายใจนักหรือ เรือนผู้อื่นวุ่นวายแต่ท่านเคยรู้บ้างหรือไม่ ? ”
ยามมองท่าทางผ่อนคลายของอันหลิงเกอแล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็โมโหกว่าเดิม เป็นเพราะโจรเด็ดบุปผาทำให้นางมิอาจสงบใจอยู่ในเรือนได้ หรือแม้แต่เสื่อมเสียเกียรติด้วยซ้ำไป
“ทั้งหมดนี่เป็นแผนของท่านใช่หรือไม่ ? ท่านจงใจให้โจรเด็ดบุปผามารังแกข้า” ทัวป๋าถิงฟางกล่าวอย่างไร้หลักฐาน แต่อันหลิงเกอเข้าใจความหมายได้ดี
“ท่านไม่พูดก็ถือว่ายอมรับแล้ว ข้ารู้ว่าต้องเป็นนางจิ้งจอกเยี่ยงท่าน…”
พอนางเอ่ยมาถึงตรงนี้ อันหลิงเกอก็พูดแทรก “ทัวป๋าถิงฟาง หากข้าจำไม่ผิดคือตอนเจ้าเข้ามาก็มิได้คำนับข้าก่อนและคำพูดในวันนี้ก็เสียมารยาทมิน้อย”
อันหลิงเกอมองทัวป๋าถิงฟางด้วยแววตาเย็นชา ทันใดนั้นทัวป๋าถิงฟางก็พูดอันใดมิออกไปชั่วขณะ ทว่าผ่านไปมินานก็กลับมาตอบสนองอีกครั้ง
“ข้าจักไปบอกท่านอ๋องว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของท่าน ! ” ขณะพูด ทัวป๋าถิงฟางก็โมโหจนแทบอยากทำลายเรือนหลังนี้
อันหลิงเกอรินชาอย่างใจเย็น กลิ่นชาชนิดนี้ก็ยังหอมจนกลบกลิ่นเครื่องหอมจนหมด
อันหลิงเกอมิได้เป็นคนวางแผนนี้จึงยังมีท่าทางมิทุกข์ร้อนดังเดิม แต่ในสายตาของทัวป๋าถิงฟางทุกอย่างเป็นหนามยอกอก
เดิมทีอันหลิงเกอก็มิชอบพูดกับนางมาโดยตลอดและตอนนี้อยู่ในเรือนฝูหลิงอย่างสงบสุข ส่วนความสัมพันธ์กับมู่จวินฮานก็มั่นคงแล้ว ดังนั้นการวางแผนทำร้ายทัวป๋าถิงฟางมิได้มีประโยชน์อันใดเลย
เมื่อความสงบเหล่านี้ได้จบลงแล้ว อันหลิงเกอก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่
“นายหญิง นี่…”
ขณะมองอันหลิงเกอเดินออกจากเรือนฝูหลิง สาวใช้ก็รู้สึกหัวร้อนแทนทัวป๋าถิงฟาง
ทำให้อันหลิงเกอกระวนกระวายไม่สำเร็จแล้วจะถือเป็นเรื่องดีอันใด
“คืนนี้ท่านอ๋องต้องมาหาข้า เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็ทำ…”
คงถึงเวลาใช้ยาห่อนั้นแล้ว
หากยังมิยอมเคลื่อนไหวอีก ทางฝั่งมู่เหล่าหวางเฟยก็คงได้ทอดทิ้งตนแล้วจริง ๆ
นางรอให้ถึงตอนนั้นมิได้หรอก ทัวป๋าถิงฟางรู้ดีแก่ใจว่าจิ้งจอกเฒ่าเยี่ยงมู่เหล่าหวางเฟยเห็นแก่ประโยชน์จากนางเท่านั้นจึงได้ยื่นมือมาช่วย
แต่หากตนไร้ความเคลื่อนไหวอันใดเลย อีกฝ่ายก็คงหันไปใช้ประโยชน์จากคนอื่นแทน
พอคิดว่าบุตรทั้งสองคนของอันหลิงเกอยังอยู่ที่มู่เหล่าหวางเฟย ในใจทัวป๋าถิงฟางก็มีเสียงดัง ‘กึก’ ขึ้นมาทันที
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้รับคำเพราะนี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของนายหญิง ดังนั้นนางจึงใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ
ตกดึก พอมู่จวินฮานไปหามู่เหล่าหวางเฟยแล้วก็มายังเรือนของทัวป๋าถิงฟาง
ซึ่งการที่มู่จวินฮานมายังเรือนของทัวป๋าถิงฟางก็เพราะมู่เหล่าหวางเฟยโน้มน้าวเขาให้เห็นใจทัวป๋าถิงฟางบ้าง มิเช่นนั้นมู่จวินฮานก็คงไม่มาหาหรอก
“เอาล่ะ เจ้าอยู่ที่นี่เถิด ข้ายังมีงานต้องไปจัดการต่อ”
ทัวป๋าถิงฟางและมู่เหล่าหวางเฟยเข้าใจดีว่าแม้ภายนอกมู่จวินฮานรับปากแต่ในความเป็นจริงแล้วเขามิทำอันใดสักอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีทางยอมค้างคืนที่นี่
“เจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางเชื่อฟังอย่างหาได้ยาก
มู่จวินฮานมิได้คิดมาก หลังมองถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างก็ยกขึ้นจิบ
ทันใดนั้นดวงตาของทัวป๋าถิงฟางก็เป็นประกายเพราะก่อนหน้านี้นางให้สาวใช้วางยาในถ้วยชาใบนี้ นางเชื่อว่ารออีกหน่อยก็ต้องออกฤทธิ์แน่นอน
ต่อจากนั้นนางก็ให้องครักษ์ที่อยู่รอบข้างออกไป เหลือไว้เพียงตนกับมู่จวินฮานสองคน
“ท่านอ๋องเหนื่อยแล้วหรือเจ้าคะ ? ”
พอเห็นมู่จวินฮานมีท่าทางผิดปกติไป ทัวป๋าถิงฟางก็รีบพุ่งเข้ามาหาเขา เวลานี้มู่จวินฮานรู้สึกเพียงว่าอ่อนล้า ขณะมิค่อยได้สติเขาก็โดนนางประคองไปที่เตียง
“ท่านอ๋อง…”
“เกอเอ๋อหรือ ? ”
ภายใต้สติที่เลือนราง เหมือนเขาเห็นอันหลิงเกอมาอยู่ในอ้อมอกและทำให้เขาอดคลี่ยิ้มออกมามิได้
เด็กคนนี้ เข้าใจความคิดของเขาเสียจริง รู้ว่าเขาเบื่อที่จะอยู่กับทัวป๋าถิงฟางก็มาอยู่เป็นเพื่อนเขา
“ท่านอ๋อง พวกเราเข้านอนกันเถิดเจ้าค่ะ”
“แต่…”
มู่จวินฮานรู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติแต่พูดมิถูก เมื่อเห็นอันหลิงเกอเป็นฝ่ายรุกก่อน เขาก็มิได้เอ่ยอันใดมากความและรีบอุ้มนางลงไปนอนที่เตียงทันที
ทัวป๋าถิงฟางรู้ว่าแผนของตนสำเร็จแล้ว มู่จวินฮานจำนางผิดเป็นอันหลิงเกอ ตอนนี้เขามิค่อยมีสติแล้ว
วันนี้นางตั้งใจให้คนไปหาเครื่องหอมที่อันหลิงเกอใช้มาโดยเฉพาะ มีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงจะทำให้มู่จวินฮานสับสน
“พระชายา ดูเหมือนคืนนี้ท่านอ๋องไปหาทัวป๋าถิงฟางเจ้าค่ะ”
เป็นธรรมดาที่ปี้จูรู้สึกไม่สบายใจแทนอันหลิงเกอ แต่อันหลิงเกอรู้ว่ามู่จวินฮานมักกลับมาหาเสมอ ดังนั้นนางจึงรอเขาเหมือนเดิม
“พระชายา เลิกรอเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋องไม่มาแล้วเจ้าค่ะ” เนื่องจากเวลานี้ดึกมากเหลือเกิน