พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 598 วางอำนาจ
ตอนที่ 598 วางอำนาจ
“ดีขึ้นทุกอย่างเจ้าค่ะ เพียงแต่ชอบออกไปที่เรือนมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วมิได้กล่าวอันใดอีก
ไปก็ไปเถิด เพราะคนที่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับผิงฟางหนิงในจวนแห่งนี้ก็มีเพียงมู่เหล่าหวางเฟยเท่านั้น บางทีผิงฟางหนิงคงได้รับความทุกข์จากที่นี่แล้วอยากให้มู่เหล่าหวางเฟยช่วยออกความคิดเห็น
น่าเสียดายที่ผู้อื่นอาจมิเข้าใจมู่เหล่าหวางเฟย แต่อันหลิงเกอเข้าใจดี
มู่เหล่าหวางเฟยเห็นแก่ตัวที่สุดแล้วจักสนความรู้สึกของคนอื่นหรือไร สุดท้ายก็คงตำหนิผิงฟางหนิงว่าทำงานมิเรียบร้อยอยู่ดี
“พระชายาเห็นใจนางหรือเจ้าคะ ? ” ปี้จูรู้จักอันหลิงเกอดีว่าชอบใจอ่อนมาโดยตลอด ไหนเลยจะสร้างเรื่องลำบากให้อีกฝ่ายได้จริง
“เปล่า” อันหลิงเกอส่ายหน้าเพราะมั่นใจสุด ๆ
มู่เหล่าหวางเฟยมิเห็นใจคนเยี่ยงนี้ การที่ส่งคนมาเข้าใกล้พวกตนก็ต้องมีเป้าหมายอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นคือเดิมทีผิงฟางหนิงก็มิได้มีจิตใจบริสุทธิ์อยู่แล้ว ด้านหนึ่งร่วมมือกับมู่เหล่าหวางเฟย ส่วนอีกด้านก็อยากได้รับความโปรดปรานจากมู่จวินฮาน
“ใช่สิ ช่วงนี้ทางฝั่งทัวป๋าถิงฟางมีความเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่ ? ”
“เหมือนจะไม่มีเจ้าค่ะ ตั้งแต่มู่เหล่าหวางเฟยรับคุณหนูผิงฟางหนิงเข้าจวน ฟางจูก็มิได้อยู่ที่นั่นด้วยแล้ว ตรงกันข้ามคือฟางจูมาเรือนของเราบ่อยขึ้น คงมาเพื่อจับตามองผิงฟางหนิงเจ้าค่ะ”
อืม อันหลิงเกอพยักหน้ารับรู้
ดูเหมือนตอนนี้ทัวป๋าถิงฟางเข้าใจจุดยืนของตนแล้ว หลังสูญเสียการสนับสนุนจากมู่เหล่าหวางเฟยก็ทำอันใดมิได้มาก
ในจวนอ๋องแห่งนี้หากคิดปีนขึ้นที่สูงแล้วมิยึดสิ่งที่มีอยู่ให้ดีก็ต้องหาที่พึ่งพาใหม่เท่านั้น
อันหลิงเกอมีทุกอย่างจึงเป็นธรรมดาที่จะมิเข้าไปแย่งชิง
ส่วนผู้อื่นก็ได้แต่คิดวิธีเพื่อแย่งมันมาจากมือของนาง
สำหรับอันหลิงเกอแล้ว การปกป้องตนเองและหัวใจของมู่จวินฮานก็ถือว่าเพียงพอ
“พระชายา บ่าวมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ”
“หืม ? ”
อันหลิงเกอเงยหน้ามองเพราะการที่ทำให้ปี้จูสามารถเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยี่ยงนี้ได้ต้องเป็นเรื่องใหญ่เท่านั้น
“ดูเหมือนรอบเดือนของถิงฟางเช่อเฟยมิมาเจ้าค่ะ ในช่วงหลายวันมานี้ก็มีขันทีจากในวังเข้ามาเยี่ยมบ่อยครั้ง บางทีคงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
ตั้งครรภ์หรือ ? อันหลิงเกอตกใจมาก เหมือนว่ามู่เหล่าหวางเฟยเดินหมากตานี้ได้ถูกต้องแล้ว
“ดูเหมือนในจวนนี้มีเรื่องสนุกให้ดูกันอีกแล้ว” อันหลิงเกอคลี่ยิ้ม
ความจริงแล้วมิว่าทัวป๋าถิงฟางมีบุตรหรือไม่ นางก็ไม่คิดทำร้ายก่อน เพียงแต่มิรู้ว่าทัวป๋าถิงฟางจักคิดเยี่ยงนี้หรือเปล่า
บัดนี้หากมู่เหล่าหวางเฟยรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งครรภ์ก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแน่นอน แล้วทางฝั่งผิงฟางหนิงเล่า ?
สำหรับมู่เหล่าหวางเฟยจักต้องทอดทิ้งผิงฟางหนิงแน่นอน แต่ผิงฟางหนิงก็ถือเป็นคนที่หยิ่งยโสและหัวสูงคนหนึ่ง หากรู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้วต้องมิยอมวางมือแต่โดยดี
เนื่องจากมู่เหล่าหวางเฟยรับผิงฟางหนิงเข้ามาอยู่ในจวนแล้วจึงมีหลายเรื่องที่มิอาจควบคุมมันได้
“หากผลออกมาว่าทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์จริง เจ้าก็จับตาดูผิงฟางหนิงอย่างใกล้ชิด ทางที่ดีอย่าให้ผิงฟางหนิงรู้ข่าวนี้จะดีที่สุด”
“พระชายากำลังปกป้องถิงฟางเช่อเฟยหรือเจ้าคะ ? ” ปี้จูค่อนข้างแปลกใจ
พระชายามักทำเยี่ยงนี้เสมอคือชอบคิดเผื่อผู้อื่น แต่ในความเป็นจริง ถ้าทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์ก็ควรให้ผิงฟางหนิงแย่งชิงกันไปข้างหนึ่ง เพราะมู่เหล่าหวางเฟยจะได้ไร้อารมณ์มารังแกพระชายาอีก
แต่พระชายามีจิตใจงดงามและยังช่วยปกป้องบุตรของทัวป๋าถิงฟางด้วย
“สำหรับท่านอ๋องแล้ว นี่ถือเป็นเลือดเนื้อของเขา” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดคนที่ทำให้พระชายาใส่ใจได้ก็มีแค่ท่านอ๋องเท่านั้น
“พระชายาอย่าคิดเช่นนี้สิเจ้าคะ เพราะในอนาคตบุตรของท่านกับท่านอ๋องจักโดนคุกคามจากพวกเขาเจ้าค่ะ”
ปี้จูเอ่ยถึงเรื่องนี้มิเก่ง พอไม่ทันระวังปากแล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นแดงทันที
“ช่างเถิด เด็กคนนี้ ข้ารู้และย่อมเข้าใจดีอยู่แล้ว”
เช้าวันต่อมา เมื่ออันหลิงเกอลืมตาขึ้นก็มิเห็นปี้จูแล้ว
“พระชายา มาทานอาหารเช้าเถิดเจ้าค่ะ”
เหตุใดผู้ที่มารับใช้วันนี้ถึงเป็นผิงฟางหนิง ? ดูเหมือนเด็กปี้จูจะรังแกนางอีกแล้วสินะ
อันหลิงเกอยิ้มแล้วส่ายหน้า หลังลุกขึ้นมานางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่มิได้ให้ผิงฟางหนิงมาคอยรับใช้
หลังให้นางเก็บข้าวของและตัวเองย้ายมานั่งที่โต๊ะแล้วถึงได้พบว่าด้านนอกมีร่างของใครบางคนนั่งอยู่
“เรียนพระชายา มู่เหล่าหวางเฟยมาหาเจ้าค่ะ”
หืม ? มู่เหล่าหวางเฟยหรือ ดูเหมือนผิงฟางหนิงจะได้คนหนุนหลังแล้ว อันหลิงเกอคลี่ยิ้มและมิได้ขยับตะเกียบ
“ในเมื่อหมู่เฟยมาแล้วก็ทานข้าวด้วยกันสิเจ้าคะ” มู่เหล่าหวางเฟยมิได้กล่าวอันใดและมิได้ปฏิเสธ เพียงเดินเข้ามาหาเท่านั้น
“เกอเอ๋อยากจะมาต้อนรับ แม่จึงเข้ามานั่งในเรือนเสียเอง” ขณะที่กล่าวนางก็ส่งสายตาให้ผิงฟางหนิงเพื่อให้มานั่งข้างตน
อันหลิงเกอรู้ดีว่าการที่มู่เหล่าหวางเฟยทำเยี่ยงนี้ก็เพราะอยากให้นางรู้ว่าผิงฟางหนิงมีความสัมพันธ์อันใดกับตนอย่างชัดเจนมากกว่าเดิม แต่อันหลิงเกอรู้ตั้งนานและมิได้สร้างความลำบากให้ผิงฟางหนิงโดยหน้ามืดตามัว
ดังนั้นแม้นางโจมตีผิงฟางหนิงแล้วเป็นเยี่ยงไร ?
“หมู่เฟย ผิงฟางหนิงเป็นสาวใช้ในเรือนของลูก ทำเช่นนี้จึงมิเหมาะสม ต้องให้หมู่เฟยมาเห็นเสียแล้ว ปี้จู สั่งสอนกฎระเบียบให้นาง”
อันหลิงเกอ*แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ จงใจลืมเรื่องความสัมพันธ์นั้นเพื่อสั่งสอนผิงฟางหนิงต่อหน้ามู่เหล่าหวางเฟยและก็ทำให้ผิงฟางหนิงรู้ชัดกว่าเดิมว่าในจวนแห่งนี้แม้แต่มู่เหล่าหวางเฟยก็ยังช่วยเหลือมิได้
การคิดพึ่งบารมีมู่เหล่าหวางเฟยมารังแกอันหลิงเกอย่อมเป็นไปมิได้อยู่แล้ว
และเมื่อคำว่า ‘สาวใช้’ หลุดออกมา มู่เหล่าหวางเฟยก็มิอาจทำตัวสนิทสนมกับนางได้ เพราะคนรักศักดิ์ศรีเยี่ยงมู่เหล่าหวังเฟยย่อมได้แต่เงียบและยอมรับสถานการณ์ตรงหน้า
“ท่านป้า ท่านป้าช่วยหลานด้วยเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าจะโดนปี้จูลากออกไป ผิงฟางหนิงก็รีบร้องอ้อนวอนทันที
“ไอหยา ข้าเกือบลืมไปเลยว่าเจ้าเป็นหลานสาวของมู่เหล่าหวางเฟย ! ”
อันหลิงเกอแกล้งเลอะเลือนและรีบบอกให้ปี้จูปล่อยมือ
มู่เหล่าหวางเฟยค่อนข้างเบื่อหน่ายจึงมองผิงฟางหนิงอย่างตำหนิ นางรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของอันหลิงเกอคือทำให้ตนอับอาย และการที่ผิงฟางหนิงทำตัวสนิมสนมกับตนในเวลานี้ก็เป็นการฉีกหน้ามากพอแล้ว
“เสี่ยวหนิงมิเข้าใจกฎระเบียบเช่นนี้เพราะแม่มิสั่งสอนนางให้ดีเอง”
การที่มู่เหล่าหวางเฟยยังนั่งต่อได้ก็จำเป็นต้องใช้ความหน้าด้านอย่างมาก ขณะมองผิงฟางหนิงที่กำลังร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม นางก็รู้สึกท้อแท้กว่าเดิม
ความสามารถที่จะทำให้สำเร็จมีอยู่น้อยนิด แต่ทำให้ล้มเหลวมีมากล้นเหลือเกิน !
“ท่านอ๋องมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นเองมู่จวินฮานก็เข้ามาอย่างกะทันหัน
เมื่อเขาเห็นเหตุการณ์นี้ก็มิตำหนิอันหลิงเกอแต่คิดว่านางทำถูกแล้ว ต้องเป็นเช่นนี้ค่อยเหมือนเกอเอ๋อของเขาหน่อย
“ท่านอ๋อง…”
“ฮานเอ๋อมาแล้วหรือ”
ผิงฟางหนิงมองมู่จวินฮานด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แต่แล้วเขาก็มิชายตามองนางสักนิด
“ขอรับ” มู่จวินฮานนั่งลงข้างอันหลิงเกอ ขณะมองขนมตรงหน้าก็เหมือนอยากอาหารมากทันที
“หมู่เฟย ลูกชอบทานขนมที่เกอเอ๋อทำให้ตลอด ท่านลองชิมสิขอรับ” ขณะที่กล่าวเขาก็ยื่นจานขนมให้มู่เหล่าหวางเฟย
“คือ…” มู่เหล่าหวางเฟยยังมิทันได้กล่าวอันใด มู่จวินฮานก็เอ่ยอีกครั้ง
“แม้รสชาติธรรมดาและมิต่างอันใดกับขนมในวัง ทว่าเหตุใดลูกจึงชอบทานมาก ท่านรู้หรือไม่ขอรับ ? ”
คำถามของมู่จวินฮานทำให้มู่เหล่าหวางเฟยเข้าใจทันที เขาต้องการเน้นย้ำว่าคนที่เขาเลือกก็คืออันหลิงเกอ
…
*แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ หมายถึง ผู้ที่แท้จริงมีอำนาจแต่แสร้งทำตัวไร้ค่าให้ผู้อื่นหลงกลเพื่อหวังประโยชน์จากอีกฝ่าย