พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 609 ความจริงช่างโหดร้าย
ตอนที่ 609 ความจริงช่างโหดร้าย
พวกสาวใช้ก็ตกใจเพราะเมื่อครู่คนที่ถิงฟางเช่อเฟยก่นด่าเป็นถึงท่านอ๋องและพระชายา สีหน้าของท่านอ๋องก็ดูแย่มากด้วย
นอกจากเสียงด่าของทัวป๋าถิงฟางแล้วก็ไม่มีผู้ใดใจกล้าพอจะออกมาเสนอหน้าอีกเพราะแต่ละคนสังเกตเห็นสีหน้าของมู่จวินฮานทั้งสิ้น
มู่จวินฮานอดทนมิเก่ง และเพราะการกระทำของนางจึงทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุด นางจะอาละวาดเช่นนี้ก็แล้วไป แต่ยังเอ่ยปากด่าคนอื่นอีก นางกำลังทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าบ่าวมากมาย
เมื่อเห็นว่านางรับมิไหว มู่จวินฮานก็มิได้สนใจอีกต่อไป เพราะความอดทนของเขาหมดลงเช่นกัน
“ในเมื่อเจ้ารับความจริงมิได้ เช่นนั้นข้าก็จะออกไป” มู่จวินฮานกำลังจะออกไปด้วยสีหน้าดำมืด
แต่ก่อนออกไป เขาก็ยังโบกมือเรียกสาวใช้ที่รู้ความคนหนึ่งเข้ามาหา “ดูแลนางให้ดี อย่าให้นางทำร้ายตัวเอง”
“จะ เจ้าค่ะ บ่าวจักดูแลถิงฟางเช่อเฟยเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลังจากที่มู่จวินฮานออกมาแล้วเขาก็ทำเหมือนตอนที่รักกันดีกับอันหลิงเกอคือมาร่วมรับประทานอาหารกับนาง เมื่อวางถ้วยน้ำแกงในมือลงแล้ว มู่จวินฮานก็พูดกับอันหลิงเกอว่า “ข้าจักไปหาหมู่เฟยหน่อย เจ้ารอข้า ตกลงหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอมิเข้าใจจึงถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอันใดหรือ ? ต้องให้ข้าไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ ? ”
ช่วงหลายวันมานี้นอกจากเหล่าหวางเฟยขอให้เลื่อนผิงฟางหนิงเป็นสนมแล้วก็มิได้กล่าวอันใดอีกเลย
ส่วนอันหลิงเกอก็มิได้มีความเห็นอันใด ในเมื่อรักเรือนก็ต้องรักอีกาด้วย เมื่ออีกฝ่ายเป็นมารดาของมู่จวินฮาน อย่างน้อยนางก็ควรละทิ้งความแค้นในอดีตไป
“หมู่เฟยยังมิรู้เรื่องของทัวป๋าถิงฟาง อย่างไรก็ต้องให้นางได้รู้ความจริง ส่วนเจ้าเป็นเด็กดีรอข้าอยู่ที่เรือนก็พอ ข้ากลัวเจ้าจะเหนื่อยไปด้วย” มู่จวินฮานอธิบายพร้อมลูบไล้จมูกนางอย่างรักใคร่
“อือ ก็ได้ เช่นนั้นก็กลับมาเร็ว ๆ นะเจ้าคะ” อันหลิงเกอปล่อยให้มู่จวินฮานออกไปอย่างเชื่อฟัง
เนื่องจากยังมิได้บอกเรื่องทัวป๋าถิงฟางมิตั้งครรภ์กับเหล่าหวางเฟยจึงเป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานต้องไปหา
“มาหาแม่ที่นี่มีเรื่องจักบอกใช่หรือไม่ ? ” เหล่าหวางเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงหลักโดยมีสาวใช้สองคนคอยประกบข้าง ส่วนมู่จวินฮานก็นั่งจิบชาอยู่ข้างล่าง เหล่าหวางเฟยมิคิดว่ามู่จวินฮานจะมาหาบ่อย ๆ โดยไม่มีเรื่องอันใด
“ลูกมาหาหมู่เฟยเพราะมีเรื่องแจ้งให้ทราบว่าแท้จริงแล้วทัวป๋าถิงฟางมิได้ตั้งครรภ์ขอรับ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเรียบนิ่งและยังเหมือนแอบสังเกตท่าทีของเหล่าหวางเฟยด้วย
ผู้ใดจักรู้ว่าเหล่าหวางเฟยมิแสดงท่าทีผิดหวังออกมาและมิได้กล่าวอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก กลับกันยังชวนมู่จวินฮานสนทนาเรื่องทั่วไปด้วย
มิทันรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว มู่จวินฮานนึกถึงอันหลิงเกอขึ้นมาจึงอยากกลับให้เร็วหน่อย เขามิอยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
“หมู่เฟย ลูกมีธุระ ต้องขอตัวก่อนขอรับ” มู่จวินฮานเตรียมตัวออกไปแต่ก็อายที่จะบอก
เหล่าหวางเฟยก็เข้าใจจึงพยักหน้ารับ แต่ในขณะที่มู่จวินฮานกำลังจะออกไปนางก็หยุดเขาไว้ก่อนแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อย่างไรก็มีหลานเพิ่มให้แม่เร็ว ๆ ”
เป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานเข้าใจว่าเหล่าหวางเฟยกำลังกล่าวถึงตนกับผิงฟางหนิง มู่จวินฮานจึงพยักหน้ารับจากนั้นก็รีบเดินออกมาทันที
มู่จวินฮานเพิ่งออกมา ผิงฟางหนิงก็รีบเดินเข้าไปในเรือนเหล่าหวางเฟย
“เสี่ยวหนิง คิดอันใดอยู่หรือ ? ” พอเห็นผิงฟางหนิงเดินเข้ามาแล้วหยุดยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่มีท่าทีจักเดินเข้ามาต่อ เหล่าหวางเฟยจึงกล่าวเตือนสติ
เสียงนี้ทำให้ผิงฟางหนิงได้สติกลับมาอีกครั้ง นางถึงได้รู้ว่าเหล่าหวางเฟยกำลังจ้องตนอยู่ นางรีบทำเสียงออดอ้อนเรียกอีกฝ่ายว่าท่านป้าและทำให้เหล่าหวางเฟยยิ้มได้อีกครั้ง
“ท่านป้า เมื่อครู่ตอนท่านอ๋องออกไปก็มิสนใจหลานเลย มิเห็นหลานอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเจ้าค่ะ” นางทำเสียงออดอ้อนเพราะอยากให้เหล่าหวางเฟยช่วยเกลี้ยกล่อมมู่จวินฮาน
ทันใดนั้นรอยยิ้มของเหล่าหวางเฟยก็หายไปและยังกล่าวขึ้นว่า “ที่ท่านอ๋องรีบกลับไปเพราะมีเรื่องให้จัดการ เสี่ยวหนิงอย่าได้ถือสาไปเลย”
ทว่าผิงฟางหนิงจะยอมง่าย ๆ ได้เช่นไร นางยังมิยอมแพ้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิพอใจ “ท่านป้า เมื่อมิกี่วันก่อนท่านอ๋องยังร่วมมือกับพระชายามารังแกหลานด้วยนะเจ้าคะ”
หลังนางกล่าวเช่นนั้น เหล่าหวางเฟยก็เลิกคิ้วขึ้นทันทีและไร้วี่แววว่าจักกล่าวอันใดออกมาอีก
“ท่านป้า ท่านอ๋องโปรดปรานแต่พระชายา ลุ่มหลงในนารี เหล่าหวางเฟยจักมิสนใจท่านอ๋องบ้างหรือเจ้าคะ ? ” ผิงฟางหนิงเขย่าแขนเหล่าหวางเฟยพร้อมมองด้วยสายตาแห่งความหวัง
เป็นธรรมดาที่เหล่าหวางเฟยรู้เรื่องเมื่อหลายวันก่อนและเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องดี หากกล่าวว่าลุ่มหลงในนารีก็มิได้ เพราะมู่จวินฮานและอันหลิงเกอรักใคร่ ทะนุถนอมและให้เกียรติกันต่างหาก
เพียงแต่เหล่าหวางเฟยก็มิชอบอันหลิงเกอเหมือนกัน นางถึงได้รังเกียจและบ่นออกมา
“เจ้ากลับไปเถิด”
“ท่านป้า หลานยังอยากอยู่เป็นเพื่อนท่านเจ้าค่ะ ! ” ผิงฟางหนิงเข้าไปแนบชิดกายเหล่าหวางเฟยเบา ๆ แต่อีกฝ่ายมิพอใจมาก ไหนเลยจักมีคำพูดดี ๆ ตอบกลับ
น้ำเสียงเยือกเย็นเด็ดขาดมิเหลือพื้นที่ให้พลิกสถานการณ์ได้แม้แต่น้อย “ออกไป ! ”
ผิงฟางหนิงอ่านออกว่าเหล่าหวางเฟยมิพอใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มิคิดจากไป นางจึงเผยสีหน้าน้อยใจออกมาแต่ในใจกระวนกระวายยิ่งกว่าอะไร หัวใจก็เต้นมิเป็นจังหวะ
มิได้ นางจะออกไปมิได้ ถ้าออกไปเพราะเรื่องนี้เหล่าหวางเฟยก็อาจมิสนใจนางอีกและนางไม่อยากใช้ชีวิตที่โดนกดขี่จนไร้วันสิ้นสุดนั้นแล้ว
ผิงฟางหนิงเห็นว่าเหล่าหวางเฟยโมโหแล้วจริง ๆ ในใจจึงปั่นป่วนเพราะกลัวเหล่าหวางเฟยไม่เอ็นดูด้วยเรื่องนี้ นางจึงทำจิตใจที่ปั่นป่วนให้กลับมาสงบอีกครา ส่วนภายนอกก็คลี่ยิ้มเอาใจ
“ท่านป้า หลานผิดไปแล้ว หลานมิกล้ากล่าววาจาเหลวไหลอีกแล้วเจ้าค่ะ” จากนั้นนางก็รับถาดมาจากสาวใช้อีกด้านหนึ่งและถ้วยชาใบร้อนก็ถูกประคองสู่เบื้องหน้าเหล่าหวางเฟย
เหล่าหวางเฟยกลับเบือนหน้าหนีราวกับมิเห็นค่าของมัน
ผิงฟางหนิงเริ่มถือถ้วยชาจนเหนื่อยและมิเห็นเหล่าหวางเฟยยื่นมือมารับไว้เสียที นางจึงได้แต่นำถ้วยชาไปวางด้านข้างและเดินไปด้านหน้าซึ่งเป็นการปรากฎตัวตรงหน้าเหล่าหวางเฟยพอดี จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ท่านป้า ท่านยกโทษให้เสี่ยวหนิงเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้าบอกให้เจ้าออกไป ! ” เหล่าหวางเฟยมิพอใจกับความดื้อดึงของผิงฟางหนิง นางมิอยากให้มีคนมาต่อว่าบุตรชายต่อหน้าเช่นนี้
ผิงฟางหนิงเห็นวิธีนี้ไม่ได้ผลจึงยิ่งกระวนกระวายกว่าเดิม แต่มิว่าอย่างไรนางก็สูญเสียความโปรดปรานไปจากเหล่าหวางเฟยมิได้
ดังนั้นนางจึงก้มหน้าลงแล้วแสร้งทำจิตตก เปลี่ยนเป็นใบหน้าเศร้าสร้อย ดวงตาแปดเปื้อนไปด้วยน้ำตา หน้าตาช่างน่าสงสาร
หลังจากเห็นภาพนี้แล้วเหล่าหวางเฟยก็อดรู้สึกสงสารมิได้
ผิงฟางหนิงเห็นสีหน้าของเหล่าหวางเฟยเปลี่ยนไปจึงรีบตีเหล็กตอนที่ยังร้อน นางใช้เสียงออดอ้อนทันที “ท่านป้ายกโทษให้หลานแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ? หลานสัญญาว่าต่อไปจักมิพูดจาเหลวไหลอีกเจ้าค่ะ”
ท้ายที่สุดเหล่าหวางเฟยก็เลือกยกโทษให้แล้วเอ่ยเตือนเบา ๆ “เมื่อเจ้าสำนึกผิดแล้ว ป้าก็จักมิว่าอันใดเจ้าอีก ทว่านับตั้งแต่นี้ไปเจ้าจงเก็บปากเก็บคำ อย่าได้กล่าวอันใดที่มิควรออกมาอีก”
ในใจของเหล่าหวางเฟยคือมู่จวินฮานหรือบุตรชายคนนี้สำคัญที่สุด นางยอมมิได้ที่จะให้คนอื่นมาเล่นลิ้นต่อหน้า
กว่าจะยกโทษให้มิใช่เรื่องง่ายจึงเป็นธรรมดาที่ผิงฟางหนิงรีบรับปากทันที ต่อจากนั้นนางก็รีบเช็ดน้ำตาและเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ขอบพระคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ เสี่ยวหนิงจักปฏิบัติตามคำสอนเจ้าค่ะ”
“อืม”