พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 613 ตามหาซูเอ๋อ
ตอนที่ 613 ตามหาซูเอ๋อ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารอบกายดูแปลกตายิ่งนัก ทางที่นางเดินเข้ามาก็หายไปไหนแล้ว ? ซูเอ๋อรู้สึกตกใจมิน้อย นางพยายามเดินกลับไปทางเดิมแต่บรรยากาศรอบด้านก็ดูเหมือนกันไปหมด
นี่นาง…หลงทางแล้วหรือ
ภายในเรือนฝูหลิง อันหลิงเกอได้ยินว่าซูเอ๋อมาหา แต่เมื่อมิเห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่ายจึงอดเป็นห่วงมิได้
“พระชายามู่ขอรับ หากท่านรู้ว่าฮูหยินของพวกเราอยู่ที่ใด ได้โปรดบอกพวกเราด้วยเถิด ตอนนี้ที่จวนกำลังวุ่นวายกันไปหมดแล้วขอรับ ! ”คนที่กล่าวคือบ่าวที่จวนแม่ทัพลวี่ส่งมา
ตอนนั้นอันหลิงเกอจึงรู้ว่าซูเอ๋อหายตัวไป
เดิมทีนางคิดว่าซูเอ๋อล้อเล่น คงแกล้งหลบไปซ่อนตัวที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่ แต่คาดมิถึงว่าหลังจากนั้นมินานจวนแม่ทัพจักส่งคนมาแจ้งข่าวว่าอีกฝ่ายหายตัวไปจริง
อันหลิงเกอได้ยินจึงตกใจเป็นอย่างมาก สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หลังจากคนของจวนแม่ทัพคารวะแล้ว อันหลิงเกอก็รีบให้พวกเขาลุกขึ้น
พวกเขาเอ่ยถามว่า “พระชายาทราบหรือไม่ว่าฮูหยินของพวกเราชอบไปที่ใดขอรับ ? ”
“คือ…” อันหลิงเกอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้สมองของนางขาวโพลนจึงมิรู้ว่าควรตอบอย่างไรดี
อันหลิงเกอรู้ว่าซูเอ๋อหายตัวไปในใจก็ร้อนรนมาก นางร้อนรนจนคิดอันใดมิออก มิรู้ว่าซูเอ๋อชอบไปที่ใดบ้าง เด็กคนนี้ชอบทำให้คนเป็นห่วงอยู่เรื่อย นางคิดขึ้นมาอย่างระอา
แม้ซูเอ๋อเป็นแม่คนแล้ว แต่ก็หาใช่สตรีที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยไม่
“พวกเจ้ามิต้องกังวลเกินไป นางคงไปไหนได้มิไกล แม้นางห่วงเล่นแต่ก็รู้จักขอบเขต พวกเจ้ารออีกสักพักเถิด บางทีนางอาจกลับมาเองก็ได้” ตอนนี้ทำได้เพียงปลอบพวกเขาเท่านั้น
ทว่าคนของจวนแม่ทัพมิได้ฟังที่นางกล่าวและยังเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ใช่ว่าพวกเรามิอยากรอขอรับ แต่ฮูหยินหายตัวไปหลายชั่วยามแล้ว หากว่า…หากว่านางถูกโจรลักพาตัวไปจักทำอย่างไรขอรับ ! ” พวกเขายิ่งกล่าวก็ยิ่งตื่นตระหนก ถึงขั้นคาดเดาสิ่งที่มิดีกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สิ้นหวังเพียงใด
อันหลิงเกอก็มิอาจนั่งรอต่อไปได้เช่นกัน ที่พวกเขาพูดมาก็ถูก หากเกิดอันใดขึ้นกับซูเอ๋อจริง การพบตัวเร็วเท่าไรย่อมดีกว่า
นางจึงตามทุกคนออกนอกจวนเพื่อตามหาซูเอ๋อทันที
ทัวป๋าถิงฟางได้รู้ข่าวและเห็นอันหลิงเกอตามหาคนไปทั่ว ภายในใจกลับมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้เห็นศัตรูกระวนกระวายเช่นนี้
เมื่อได้ข่าวว่าอันหลิงเกอออกไปตามหาคนด้วย นางจึงเตรียมตัวไปฟ้องมู่จวินฮานทันที
ด้านอันหลิงเกอมิได้รู้ถึงความคิดของทัวป๋าถิงฟาง ตอนนี้จิตใจของนางจดจ่ออยู่กับการตามหาซูเอ๋ออย่างเดียว นางไปทุกแห่งที่คิดว่าซูเอ๋อชอบไป
ปี้จูที่อยู่ข้างกายทนมิไหวจึงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พักก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ การหาโดยไร้จุดหมายเช่นนี้มิช่วยอันใดหรอกเจ้าค่ะ”
เวลานั้นคนของจวนแม่ทัพก็เดินเข้ามาสมทบอีกรอบ พวกเขาได้ยินที่ปี้จูกล่าวก็รู้ตัวว่าเมื่อครู่ได้ล่วงเกินพระชายาจนต้องมาเหนื่อยด้วยเช่นนี้
พวกเขาจึงเอ่ยอย่างละอายใจ “พระชายากลับไปก่อนเถิดขอรับ ครั้งนี้ฮูหยินของพวกเราเป็นคนหาเรื่องเองแต่ต้องมาลำบากท่านเช่นนี้ ช่าง…”
“ข้า…” อันหลิงเกอรีบโบกมือทันที “พวกเจ้าอย่ากล่าวเช่นนี้อีก ข้าขอลองคิดอีกที” จากนั้นนางก็มิได้สนใจพวกเขาอีกและใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
ซูเอ๋อ เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?
ทุกคนมองไปที่อันหลิงเกอเป็นตาเดียว แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
และอันหลิงเกอก็มิทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง “ใช่ ! ข้าคิดออกแล้ว ครั้งก่อนนางเคยบอกว่าอยากไปจับกระต่ายป่าที่ป่าด้านตะวันออก ! ”
ก่อนหน้านี้มินานนางเคยคุยกับซูเอ๋อว่าที่ป่าด้านตะวันออกมีกระต่ายป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมาซูเอ๋อก็เคยบอกด้วยว่าอยากไปจับกระต่ายป่าที่นั่น
ทั้งป่าด้านตะวันออกยังสามารถออกจากประตูหลังของจวนอ๋องมู่ได้ด้วย เมื่อซูเอ๋อมาหานางที่จวนแล้วก็หายตัวไปอาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้
“พวกเจ้าเคยไปหาที่นั่นหรือยัง ? ” อันหลิงเกอถามด้วยสีหน้าร้อนรน
แล้วก็เป็นดังคาด ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกัน พวกเขามิเคยแม้แต่ได้ยินชื่อของป่าด้านตะวันออกเสียด้วยซ้ำ
อันหลิงเกอจึงยิ้มด้วยความดีใจ “ดูท่านางคงมิเคยบอกพวกเจ้า มิเป็นไร ข้าจักพาพวกเจ้าไปเอง”
คนของจวนแม่ทัพลวี่ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก มิว่าหาเจอหรือไม่ แต่การกระทำของอันหลิงเกอในตอนนี้ย่อมสลักลงในหัวใจของพวกเขาอย่างมิมีวันลืม
เพียงมินานพวกเขาก็หาสถานที่ที่ซูเอ๋อหายไปพบ อันหลิงเกอเห็นปิ่นดอกไม้ตกอยู่บนพื้นจึงเอ่ยถามคนของจวนแม่ทัพและก็เห็นสาวใช้ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามมิอยู่ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ นี่เป็นปิ่นของฮูหยิน เมื่อเช้าบ่าวเป็นคนปักให้เองกับมือเจ้าค่ะ ! ”
องครักษ์ของจวนอ๋องได้ยินดังนั้นก็รีบสั่งการทันที “เข้าไปค้นในป่าให้ทั่ว ! ”
แต่อันหลิงเกอเดินนำไปด้านหน้าจนปี้จูต้องรีบวิ่งตามพร้อมเรียกเอาไว้ “พระชายาเดินช้า ๆ เจ้าค่ะ ! ” ตอนนี้หัวใจของอันหลิงเกออยู่ที่ซูเอ๋อเพราะเกรงว่าจักเกิดอันใดขึ้น
ทุกคนเดินไปพลางตะโกนไปด้วย “ฮูหยิน ! ท่านอยู่ใดขอรับ ? ”
“ซูเอ๋อ ! ซูเอ๋อ ! ” อันหลิงเกอก็เดินพลางตะโกนไปด้วย ป่าที่เงียบสงบจึงเต็มไปด้วยเสียงร้องเรียกของพวกเขา
ซูเอ๋อในตอนนี้กำลังนั่งขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นางก้มหน้าลงซุกกับเข่าของตน ท่าทางราวกับกระต่ายน้อยที่น่าสงสาร
“ซูเอ๋อ…” เสียงสะท้อนลอยมาจากที่ไกลปลุกให้ซูเอ๋อที่จมอยู่กับความหวาดกลัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางเบิกตากว้าง ใบหน้างามหันมองไปรอบ ๆ พร้อมกล่าวกับตัวเอง “เมื่อครู่นั้น…มีคนเรียกข้ามิใช่หรือ ? ”
คาดมิถึงว่าเสียงจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ “ฮูหยินขอรับ ! ”
“ซูเอ๋อ ! ”
ซูเอ๋อลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “พวกเขามาตามหาข้าจริงด้วย!” นางมองไปทางที่มาของเสียง มินานก็พบเข้ากับพวกของอันหลิงเกอ
ความดีใจที่เผยออกมาราวกับมิได้พบกันมานานทำให้ซูเอ๋อซาบซึ้งใจยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหน้าอันหลิงเกอ นี่อีกฝ่ายออกตามหานางเองเลยหรือ !
นางกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปกอดอันหลิงเกอ แต่ถูกอันหลิงเกอห้ามเอาไว้เสียก่อนพร้อมเอ่ยตำหนิออกมา “เป็นแม่คนแล้วยังมัวห่วงเล่นได้อย่างไร ! ”
ซูเอ๋อก็เหมือนรู้ตัว เมื่อถูกอันหลิงเกอตำหนิแล้วภายในใจก็รู้สึกละอายอยู่มิน้อยจึงทำได้เพียงก้มหน้าลงด้วยท่าทางน่าสงสาร
โชคดีที่สุดท้ายมิได้เกิดเรื่องใดขึ้น ส่วนอันหลิงเกอเมื่อกลับถึงจวนก็เห็นทัวป๋าถิงฟางกำลังอยู่กับมู่จวินฮาน
อันหลิงเกอมองก็รู้ว่าทัวป๋าถิงฟางต้องพูดให้ร้ายลับหลังนางเป็นแน่
องค์หญิงที่เติบโตมาเยี่ยงสามัญชนย่อมต้องเก่งกล้ากว่าพี่หญิงอยู่แล้ว
ทว่ามู่จวินฮานหาได้ใส่ใจคำพูดของทัวป๋าถิงฟางไม่ เมื่อรู้ว่าอันหลิงเกอช่วยตามหาซูเอ๋อจนพบ เขากลับเอ่ยชมอันหลิงเกอต่อหน้าทัวป๋าถิงฟางเสียอย่างนั้น
“พระชายาของข้าช่างกล้าหาญเสียจริง”
เมื่ออันหลิงเกอได้ยินคำชมของมู่จวินหาน นางก็อดขัดเขินขึ้นมามิได้
“ท่านอ๋องชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”