พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 618 ปกป้องนาง
ตอนที่ 618 ปกป้องนาง
“สั่งเพิ่มคนดูแลเรือนฝูหลิงให้ดี หากมิใช่ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากข้าก็ห้ามเข้ามาที่นี่เด็ดขาดโดยเฉพาะทัวป๋าถิงฟาง” มู่จวินฮานเดินไปพลางสั่งไปพลาง พ่อบ้านฟังจบก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างหนักแน่น
“ขอรับ ท่านอ๋อง ! ”
พ่อบ้านทราบดีว่ามู่จวินฮานและอันหลิงเกอรักกันเพียงใด ตอนนี้พระชายากำลังตั้งครรภ์ หากทัวป๋าถิงฟางรู้เข้าก็ต้องทำเรื่องโง่ ๆ อีกแน่ ดังนั้นเขาจึงรีบไปทำตามคำสั่งของมู่จวินฮานทันที
อันหลิงเกอที่ตอนแรกหลับใหลไปแล้ว ทว่าเพราะมีเรื่องมิสบายใจจึงทำให้หลับไม่ลึกเท่าไรนัก แม้แต่ตอนที่มู่จวินฮานลุกขึ้นนางก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เมื่อเขาออกไปแล้วภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่นางหลับไปยังฝันว่าโดนมู่เหล่าหวางเฟยทำร้ายจนมิสามารถขยับตัวได้ อีกทั้งยังเห็นบุตรของตนถูกทำร้ายจนตายด้วย
ปี้จูเข้ามาก็เห็นอันหลิงเกอชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งกายก็ตกใจมาก
“พระชายาเป็นอันใดเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านยังหลับอยู่ดี ๆ เหตุใดสีหน้าจึงดูแย่เช่นนี้เจ้าคะ” ปี้จูรีบวางของในมือแล้วรีบเข้ามาดูเจ้านายทันที
เมื่อเห็นปี้จูเข้ามา อันหลิงเกอก็พยายามฝืนใจให้สงบลง
“ไม่มีอันใด ข้าแค่ฝันและหลับมิค่อยสบายจึงตื่นขึ้นมา”
“ทานอันใดหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ หรือให้บ่าวไปเรียนท่านอ๋องดีเจ้าคะ ? ” ปี้จูรีบเข้ามาดูแลนางทันที เมื่อเห็นอันหลิงเกอเป็นเช่นนี้ก็อดสงสารมิได้
ได้ยินปี้จูถามอย่างเป็นห่วง จู่ ๆ อันหลิงเกอก็เหมือนคิดบางอย่างขึ้นได้ ทว่ามิสะดวกที่จะเอ่ยออกมา เมื่อรับผ้าเช็ดหน้าจากมือของปี้จูแล้วจึงเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก คงเพราะช่วงนี้ข้าพักผ่อนไม่เพียงพอ มิต้องไปบอกท่านอ๋องหรอก”
เมื่อได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ ปี้จูก็พยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น
ทว่าอันหลิงเกอยังครุ่นคิดเรื่องที่จะปกป้องตนเองอย่างไรดี นางรู้ว่าการที่พูดแฝงความหมายเช่นนั้นต่อมู่จวินฮาน เขาต้องเพิ่มการป้องกันเรือนฝูหลิงอย่างแน่นอน แต่มู่เหล่าหวางเฟยก็ต้องพยายามหาวิธีทำร้ายนางเป็นแน่
คิดแล้วก็อดรู้สึกใจสั่นขึ้นมามิได้ จากนั้นนางก็พาลนึกถึงบ่าวที่เป็นองครักษ์ของมู่จวินฮานเยี่ยงชิงเฟิงขึ้นมา ชิงเฟิงเหมาะสมที่สุดเพราะเขาซื่อสัตย์ วรยุทธสูงส่งมิธรรมดา หากเขายอมมาปกป้อง นางก็คงสบายใจขึ้นมากทีเดียว
ปี้จูเห็นอันหลิงเกอนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างก็อดสงสัยมิได้ “พระชายามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ? ”
“หืม ? อ้อ” อันหลิงเกอโดนขัดจังหวะความคิดด้วยคำถามของปี้จู ความสัมพันธ์อันดีระหว่างปี้จูและชิงเฟิงก็อยู่ในสายตาของนางมาโดยตลอดเช่นกัน
“เจ้ามิได้พบชิงเฟิงมานานเท่าไรแล้ว ? ” จู่ ๆ อันหลิงเกอก็ถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม
อันหลิงเกอยิ้มเช่นนี้จึงทำให้ปี้จูงงไปหมด อีกทั้งใบหน้าก็แดงเรื่อทันที “พระชายา เหตุใดจึงถามเช่นนี้เล่า บ่าวอายนะเจ้าคะ”
อันหลิงเกอจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ปี้จู ข้าอยากให้ชิงเฟิงมาคอยปกป้องอย่างลับ ๆ ”
ปี้จูได้ฟังก็ซาบซึ้งใจมากเพราะอันหลิงเกอต้องเชื่อใจนาง ทั้งยังเป็นห่วงความสัมพันธ์ของนางและชิงเฟิงจึงได้คิดและเอ่ยออกมาเช่นนี้
“พระชายาพูดอันใดกันเจ้าคะ ท่านมีพระคุณต่อบ่าว สำหรับบ่าวแล้ว ท่านกับชิงเฟิงล้วนสำคัญ แน่นอนว่าเขาย่อมคอยปกป้องมิให้ท่านได้รับอันตรายอยู่แล้วเจ้าค่ะ ! ” ปี้จูคุกเข่าลงก่อนเอ่ยความในใจออกมา พอกล่าวจบก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย
อันหลิงเกอประคองนางให้ลุกขึ้น “เจ้าคิดเช่นนี้ข้าดีใจ แม้ระหว่างเราอยู่ในฐานะนายกับบ่าว แต่เจ้าเป็นเสมือนครอบครัวของข้าเช่นกัน” อันหลิงเกอกล่าวออกมาอย่างจริงใจไร้การเสแสร้ง
เมื่อชิงเฟิงทราบเรื่องนี้ก็เข้าใจดี
ปี้จูยังคงดูแลอันหลิงเกอเหมือนเดิม เพียงแต่หลังจากทราบว่าอันหลิงเกอตั้งครรภ์ก็คอยระมัดระวังขึ้นมาก มิกล้าให้เกิดเรื่องผิดพลาดใด ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของอันหลิงเกอทั้งสิ้น
“ข้าเห็นเจ้าเหมือนมีเรื่องอยากพูดกับข้า เจ้ามิต้องกังวลและถามมาเถิด” อันหลิงเกอมองการกระทำของปี้จูออกจึงถามออกมาอย่างเป็นห่วง
“คือ…พระชายา เหตุใดท่านจึงมิบอกท่านอ๋องเจ้าคะ ? ”
“เรื่องมากมายในจวนเขาล้วนเป็นคนจัดการทั้งหมด ข้าจึงมิอยากเพิ่มปัญหาให้เขา” อันหลิงเกอถอนหายใจออกมา นางจะบอกได้อย่างไรว่าให้ระวังมารดาของเขาเอง
แม้อันหลิงเกอกำชับชิงเฟิงว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่สุดท้ายชิงเฟิงก็ยังบอกเรื่องนี้ให้มู่จวินฮานทราบอยู่ดี เมื่อฟังจบแล้วมู่จวินฮานก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา “เฮ้อ”
นอกจากชิงเฟิงแล้วยังมีองครักษ์ที่ไว้ใจได้อีกหลายนายคอยคุ้มกันอันหลิงเกอตอนกลางคืน มองภายนอกอาจเห็นว่ามีเพียงชิงเฟิงคนเดียว แต่แท้ที่จริงการคุ้มกันแน่นหนามาก
ตอนนี้อันหลิงเกอมิเพียงมีองครักษ์เงาที่มาจากจวนโหวตั้งแต่แรก แต่ยังมีองครักษ์ที่มู่จวินฮานจัดมาคอยคุ้มกันเรือนฝูหลิงอย่างแน่นหนาด้วย
“เจ้าตั้งครรภ์มาตั้งนานแล้ว เหตุใดมิเห็นเจ้าอ้วนขึ้นเลย ? ” มู่จวินฮานพูดหยอกล้อนางขึ้นมา
“ถ้าอ้วนขึ้นแล้วท่านอ๋องยังรักข้าอยู่หรือไม่เจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอตอบเขาพร้อมรอยยิ้ม แต่แววตายังแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า มู่จวินฮานเห็นแล้วก็โอบกอดนางไว้แนบกาย อันหลิงเกอเมื่อถูกกอดโดยมิทันตั้งตัวก็ตกใจมิน้อย
“เจ้าวางใจเถิด ชิงเฟิงบอกข้าหมดแล้ว เจ้ามิเป็นอันใดแน่ และลูกของเราก็จะมิเป็นอันใดเช่นกัน”
มู่จวินฮานเอ่ยที่ข้างหูของอันหลิงเกอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยิ่งโดนเขากอดไว้เช่นนี้ก็พลอยทำให้ความกังวลของนางตลอดหลายวันมานี้หายเป็นปลิดทิ้ง
คาดมิถึงว่าชิงเฟิงจะบอกเรื่องนี้กับมู่จวินฮาน เพียงแต่อันหลิงเกอมิรู้ว่ามู่จวินฮานจะรู้สึกว่านางหวาดระแวงเกินไปหรือไม่ ทว่าเขาเพียงตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถทำให้นางรู้สึกปลอดภัยจนไม่สบายใจอยู่คนเดียวมานานเพียงนี้
ภายในจวนอ๋องมิปลอดภัยจริง ๆ แต่ตอนนี้มู่จวินฮานยังมิได้รวมมู่เหล่าหวางเฟยเอาไว้กับคนเหล่านั้นด้วย
“ขอบพระคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น จากนั้นทั้งคู่ก็ยังโอบกอดกันอยู่ถึงครึ่งค่อนวัน
จนเมื่อมู่จวินฮานจะจากไปก็ยังมิลืมย้ำเตือนให้นางคอยระวังสุขภาพ อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นจึงทำเพียงยิ้มรับออกมาอย่างมีความสุขพลางมองเขาเดินจากไป
ฟากของทัวป๋าถิงฟางนั้น สถานการณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ข่าวลือเกี่ยวกับมู่จวินฮานในที่สุดก็เข้าหูทัวป๋าถิงฟางและเมื่อรู้ว่าอันหลิงเกอตั้งครรภ์ นางก็โมโหอย่างมาก เดิมนางก็มีนิสัยมุทะลุอยู่แล้ว ยามนี้จึงยากควบคุมอารมณ์ได้อีก
“นางสารเลวอันหลิงเกอ มิต้องทำอันใดก็ตั้งครรภ์ได้ ! ” ทัวป๋าถิงฟางกล่าวออกมาอย่างเดือดดาลพร้อมเอ่ยสารพัดคำหยาบคายมิหยุด
ทัวป๋าถิงฟางเกิดความริษยาจนคลุ้มคลั่งเสียสติไปแล้ว ระหว่างทางเดินปากจึงพ่นคำหยาบออกมาโดยมิสนใจผู้ใดทั้งสิ้น
อันหลิงเกอที่อยู่ภายในเรือนฝูหลิงได้ยินสาวใช้เข้ามารายงาน สีหน้าของนางยังคงเรียบนิ่ง นางอยากรู้ว่าคนที่เย่อหยิ่งเช่นทัวป๋าถิงฟางจักทนได้นานเพียงใด
ขนาดยังมิตั้งครรภ์ก็คลุ้มคลั่งเพียงนี้แล้ว !
ตอนนี้ทัวป๋าถิงฟางโดนองครักษ์ขวางไว้ที่ประตู ทว่านางก็มิได้ยอมแพ้ ทั้งยังถือมีดเอาไว้ข้างลำตัว องครักษ์ก็มิกล้าทำอันใดทัวป๋าถิงฟางจึงทำเพียงพยายามขวางนางไว้เท่านั้น
“สุนัขรับใช้เยี่ยงพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร กล้าไร้มารยาทต่อข้าเช่นนี้ ข้าจักบอกท่านอ๋องให้ตัดศีรษะพวกเจ้าทิ้ง” ทัวป๋าถิงฟางแม้ถูกผลักลงไปกับพื้นก็ยังกล่าวออกมาเสียงแข็งโดยมิสนใจอันใดทั้งสิ้น
“เช่อเฟยอย่าโมโหไปเลยขอรับ ท่านอ๋องเป็นคนสั่งให้พวกข้าน้อยมาคอยคุ้มกันพระชายาที่นี่เอง หากต้องล่วงเกินเช่อเฟยแล้ว พวกข้าน้อยก็ขออภัยด้วยขอรับ” องครักษ์นายหนึ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่มิบ่งบอกอารมณ์ใด ไร้ความนอบน้อมต่อทัวป๋าถิงฟางที่ยังกองอยู่บนพื้น และพวกเขามิได้กลัวทัวป๋าถิงฟางเลย