พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 622 กำจัดปัญหา
ตอนที่ 622 กำจัดปัญหา
“เอาล่ะ เกอเอ๋อ เจ้าทำใจให้สบายเถิด เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวลแล้ว”
มู่จวินฮานอยากบอกนางว่าเรื่องนี้เขาจะรับผิดชอบเอง เพราะมิอยากให้นางต้องมาคอยกังวลอีก
อันหลิงเกอคอยเป็นห่วงเรื่องของเขามาโดยตลอดและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางคอยช่วยแนะนำให้เขาด้วย
ทว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมู่เฟย เขามิอยากให้อันหลิงเกอถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
ความสัมพันธ์ของอันหลิงเกอกับหมู่เฟยมิค่อยดี หากหมู่เฟยรู้ว่าอันหลิงเกอต้องการขัดขวางการแต่งงานของฟางจูก็คงโกรธมากแน่
แต่เขาจักปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมิได้ เขาหวังให้ภายในจวนอยู่กันอย่างสงบสุข
“ฮานเอ๋อ เหตุใดจึงมาหาแม่ได้ ? ”
ช่วงนี้มู่จวินฮานมาหาบ่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มู่เหล่าหวางเฟยก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและอันหลิงเกอดีขึ้น
แม้รู้ว่าบุตรชายหวังดี แต่ภายในใจของมู่เหล่าหวางเฟยก็ยังเต็มไปด้วยความริษยา บุตรชายมักเข้าข้างสตรีผู้นั้นอยู่เสมอ
“ฟางจูจักแต่งงานแล้ว ลูกจึงมาถามหมู่เฟยเรื่องสินเดิมว่าต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ?”
เมื่อได้ยินมู่จวินฮานกล่าวเช่นนี้ มู่เหล่าหวางเฟยก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น
นางรู้ว่ามู่จวินฮานมิชอบฟางจูมากนักเพราะฟางจูมักทำเรื่องมิดีเอาไว้ แต่เพราะเห็นแก่มารดา เขาจึงมาถามเช่นนี้
แสดงให้เห็นว่าภายในใจของเขายังมีที่ของมารดาคนนี้อยู่
แต่ไหนแต่ไรมามู่เหล่าหวางเฟยมักพอใจสิ่งต่าง ๆ ง่ายอยู่แล้ว ขอเพียงยังมีตัวตนอยู่ในสายตาของบุตรเช่นนี้ นางก็พอใจมากแล้ว
“เจ้ามิต้องกังวลหรอก เรื่องนี้แม่จัดการไว้พร้อมแล้ว แม่เห็นฟางจูมาตั้งแต่เด็กจึงย่อมรู้ดี” มู่เหล่าหวางเฟยเอ่ยอย่างมีเมตตา
มู่จวินฮานจึงมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก อย่างไรเรื่องของฟางจูนั้นเขาก็แค่ถามเท่านั้น มิได้ใส่ใจจริงหรอก
หากฟางจูสามารถออกไปจากจวนได้ก็ทำให้เขาคลายกังวลได้บ้าง
เพราะหากมีคนไม่รู้จักเจียมตัวเยี่ยงฟางจูอยู่ข้างกายมู่เหล่าหวางเฟย เขาก็มิอาจวางใจได้เลย
“เหตุใดมิเห็นผิงฟางหนิงเลยขอรับ ? ”
ตั้งแต่ที่ผิงฟางหนิงถูกมู่เหล่าหวางเฟยรับตัวคืนมา เขาก็มิได้เห็นหน้านางอีก เมื่อได้ยินดังนั้นแววตาของมู่เหล่าหวางเฟยก็เปล่งประกายทันทีและหัวเราะออกมา
“นางมิค่อยสบายจึงพักผ่อนอยู่ในห้อง”
มู่จวินฮานหาได้สนใจไม่ เขาก็แค่ถามและก็มิได้กล่าวถึงนางอีก
ความจริงแล้วเมื่อหลายวันก่อน มู่เหล่าหวางเฟยพบว่าผิงฟางหนิงลอบพบคนนอกจึงได้รู้ว่านางกำลังตั้งครรภ์
ตอนนี้จึงมิอยากให้ผิงฟางหนิงออกมาข้างนอกเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป บุตรทั้งสองคนของอันหลิงเกอเป็นความหวังของนาง หากเกิดเรื่องเพราะคนที่นางแนะนำให้มู่จวินฮานจนเด็กสองคนถูกรับตัวกลับไป นางก็จักมิเหลือสิ่งใดอีก
ภายภาคหน้าสิ่งที่นางจักใช้ควบคุมอันหลิงเกอได้ก็มีเพียงหลานสองคนนี้เท่านั้น
“ใช่แล้ว เรื่องของซื่อจื่อ…” มู่เหล่าหวางเฟยลองหยั่งเชิง
“บุตรของเกอเอ๋อได้รับการแต่งตั้งเป็นซื่อจื่อแล้ว เรื่องนี้ทั้งเมืองต่างก็รู้ดีขอรับ”
เมื่อเห็นว่ามู่จวินฮานตัดสินใจเด็ดขาดแล้วมู่เหล่าหวางเฟยก็มิกล้ากล่าวอันใดอีก
นางทำได้เพียงเก็บความโมโหไว้ในใจและหวังแค่ให้บุตรในครรภ์ของอันหลิงเกอมิต้องคลอดมาได้ยิ่งดี
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” มู่เหล่าหวางเฟยทำทีเห็นด้วยกับมู่จวินฮาน แต่ความจริงในใจหาได้คิดเช่นนั้นไม่
แม้รู้ดีว่าใจคนย่อมมีความลำเอียง แต่มู่เหล่าหวางเฟยก็มิอยากเห็นเขาลำเอียงเข้าข้างอันหลิงเกอถึงเพียงนี้
ตอนนี้นางยังมิสามารถกล่าวสิ่งใดได้ อย่างไรบุตรในครรภ์ของอันหลิงเกอก็ยังมิคลอดและบุตรอีกสองคนก็อยู่ในมือนาง เด็กคนนั้นจักมีบุญได้สืบทอดตระกูลมู่หรือไม่ก็ยังมิแน่นอน
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
“อีกสองวันข้าก็ต้องไปออกรบ…”
อันหลิงเกอได้ยินดังนั้น หนังตาก็กระตุกขึ้นมาทันที นางรู้สึกมิสบายใจเท่าไรนัก
นางอยากตามไปด้วย แต่เมื่อนึกถึงท้องที่ใหญ่ขึ้นก็ได้แต่ปล่อยวาง
ตอนนี้แม้การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ยังทำมิได้ อันหลิงเกอจึงได้แค่ยิ้มออกมาอย่างจนใจ นางมิเคยคิดว่าบุตรคนนี้คือภาระมาก่อน ทว่าจู่ ๆ นางกลับมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
มู่จวินฮานไปครั้งนี้กินเวลานานกว่าสามเดือนแล้ว ตลอดสามเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายและเรื่องน่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นในวันนี้เอง
“ท่านอ๋องหายตัวไปขอรับ ! ”
เพล้ง !
อันหลิงเกอมิเคยรู้มาก่อนว่าเพียงข่าวเดียวจักทำให้คนฟังถึงขั้นหูอื้อตาลายเพียงนี้
ดูเหมือนว่าภาพด้านหน้าของนางจู่ ๆ ก็มืดมน นางทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง
นางรู้สึกตัวได้ก็เพราะฝ่ามือของมู่เหล่าหวางเฟยที่ตบลงมา
‘เพียะ’
ตบข้าด้วยเหตุใด…
อันหลิงเกอตกตะลึงไปอีกครั้งและมองไปยังคนของมู่จวินฮานรวมทั้งมู่เหล่าหวางเฟยที่อยู่ตรงหน้า
ปี้จูคอยประคองนางอยู่ด้านข้างเพราะครรภ์ใหญ่ขึ้นมาก และฝ่ามือเมื่อครู่ก็ทำให้บุตรในครรภ์สะเทือนไปด้วยจนรู้สึกเจ็บขึ้นมามิน้อย แต่นางยังพยายามยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มีเพียงสายตาที่ยังมองตรงไปที่มู่เหล่าหวางเฟย
“เหตุใดหรือ ? เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องแล้วท่านก็ทำกับข้าเช่นนี้ มู่เหล่าหวางเฟยเผยความรู้สึกในใจเร็วเกินไปหรือไม่ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิงเกอ ทุกคนที่อยู่โดยรอบก็พากันคุกเข่าลง ไม่มีผู้ใดกล้ามองไปที่นางทั้งสอง แม้แต่ปี้จูก็คอยดึงเจ้านายเอาไว้เช่นกัน
เมื่อครู่นางหูอื้อตาลายจึงมิได้ยินเหตุผลที่มู่เหล่าหวางเฟยตบหน้า แต่เมื่อมู่เหล่าหวางเฟยเอ่ยออกมาอีกครั้ง อันหลิงเกอก็มิอาจรับได้
“เจ้าก็เหมือนมารดาที่สมคบกับหอพิษกู่มาทำร้ายท่านอ๋อง ! ”
หมายความว่าอย่างไร
“ท่านไม่มีสิทธิ์มาเอ่ยถึงท่านแม่ของข้า ! ”
อันหลิงเกอแบกรับความกดดันไว้มากมาย เวลาเช่นนี้มู่เหล่าหวางเฟยยังกล้าเอ่ยถึงมารดาของนางอีกหรือ !
“ไม่มีสิทธิ์หรือ ? เฮอะ ตอนนี้หอพิษกู่ของเจ้าได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและช่วยศัตรูลอบโจมตีกองทัพจนทำให้จวินฮานหายตัวไป พวกเจ้าเป็นลัทธิชั่วร้าย ! ”
ลอบโจมตีอันใด ลัทธิ…
อันหลิงเกอมิเข้าใจว่ามู่เหล่าหวางเฟยกำลังกล่าวถึงเรื่องใดกันแน่
นางและมารดาแค่มีความรู้ด้านการแพทย์เล็กน้อยจักกลายเป็นลัทธิอันใดได้อย่างไร อีกฝ่ายกำลังพูดถึงสิ่งใดอยู่กันแน่ !
อันหลิงเกออดยกมือปิดหูมิได้ จากนั้นนางก็ย่อตัวลงเพราะไม่รู้และไม่อยากรับรู้สิ่งใดอีก
นางมิเคยทำร้ายผู้ใดมาก่อน ท่านแม่ก็มิเคย หากคนของหอพิษกู่ทำร้ายมู่จวินฮานจริง นางก็จักทำให้พวกเขาต้องชดใช้!
“เอาตัวพระชายาออกไปและนำตัวท่านอ๋องกลับมา ! ”
“ใช่แล้ว เอาตัวนางไปให้ฟางหลิงซู่ก็จบ”
ขุนนางที่อยู่ตรงนั้นทำเหมือนอันหลิงเกอเป็นตัวน่ารังเกียจ สายตาที่มองนางก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหตุใด…นางก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา นางแค่อยากเป็นภรรยาของมู่จวินฮานเท่านั้น
นางทนการกลั่นแกล้งของมู่เหล่าหวางเฟยได้ แต่พวกเขา…
“ได้ ข้าจักไปแลกตัวเขากลับมา”
นางเต็มใจทำ หากมู่จวินฮานอยู่ในมือของคนพวกนั้น มิว่าพวกมันเป็นใครนางก็จะไป
มู่เหล่าหวางเฟยมิได้เอ่ยอันใดออกมา เหมือนคาดมิถึงว่าจะกำจัดอันหลิงเกอได้ง่ายดายเพียงนี้
ชายแดนลำบากเพียงนั้น หากอันหลิงเกอไปแล้ว เด็กในครรภ์ก็ต้องมิรอดแน่นอน
ถึงตอนนั้น คนของหอพิษกู่ย่อมไม่มีทางปล่อยตัวอันหลิงเกอกลับมาแน่นอน มิว่าอันหลิงเกอจักอยู่ที่ใดก็ถือว่าสามารถกำจัดไปจากจวนอ๋องได้แล้ว