พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 626 บุตรไม่อยู่แล้ว
ตอนที่ 626 บุตรไม่อยู่แล้ว
หลายวันมานี้นางพยายามระวังตัวเป็นอย่างมาก ทว่าตอนที่ลุกขึ้นไปเก็บข้าวของนั้นจู่ ๆ ร่างกายของนางก็รู้สึกอ่อนเพลียจนเกือบหมดสติ
ไม่…
ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างหายไปจากร่างกาย ความรู้สึกไม่สบายตัวก่อนหน้านี้ก็หายไปสิ้น แต่มีเหงื่อผุดขึ้นมาจนเต็มหน้าผากและตอนนั้นเองที่นางได้รู้ว่ามิสามารถรักษาบุตรเอาไว้ได้แล้ว
“ไม่ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…”
ผู้คนที่อยู่ด้านนอกกำลังง่วนกับการช่วยกันเก็บของ บางส่วนก็กำลังเตรียมรถม้าจึงไม่มีผู้ใดสนใจความเคลื่อนไหวภายในห้อง
“ไม่ บุตรของข้า…” อันหลิงเกอรู้สึกหมดหนทางและเสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ
จนในที่สุดนางก็หมดสติไป สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความเจ็บปวดเมื่อครู่เท่านั้น
“อันหลิงเกอ ! ”
ฟางหลิงซู่ที่กำลังลังเลว่าจักส่งอันหลิงเกอกลับไปหรือไม่ก็ยืนรออยู่หน้าประตูมาพักใหญ่ ทว่ายังมิเห็นอันหลิงเกอออกมาเสียที เขาจึงตัดสินใจเข้ามาดู
พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นอันหลิงเกอนอนอยู่ที่พื้นและเลือดสีแดงที่ไหลนองอยู่ก็ทำให้ฟางหลิงซู่สับสนจนทำอันใดมิถูก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นตระหนกกับความรู้สึกที่กลัวว่าจักสูญเสียคนผู้หนึ่งไป
ที่ผ่านมาอันหลิงเกอมิเคยเจอความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นต่อหน้าต่อตาจนเขาเองก็ทำอันใดมิถูก
“เด็กเด็ก ! ” ฟางหลิงซู่มิรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ทั้งที่หลายวันมานี้อาการของนางก็ดีขึ้นมากแล้ว เหตุใดถึงได้…เพียงแค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกกลัวมากกว่าเดิมหลายเท่า
เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจ กลัวว่าต้องเสียนางไป
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฟางหลิงซู่เกิดความกลัวมากมายเช่นนี้
การที่อันหลิงเกอปรากฏตัวขึ้นในชีวิต เขาก็รู้สึกราวกับว่าประตูบานหนึ่งถูกเปิดออกทำให้เขาได้พบกับชีวิตที่ต่างออกไป หากตอนนี้นางได้ใช้ชีวิตต่อและจากไปอย่างมีความสุข เขาก็คงยอมรับมันได้
แต่หากต้องตายจากกัน ฟางหลิงซู่คงรับมิไหว !
“รีบมาดูนางเร็วเข้า”
ชีพจรของอันหลิงเกอเต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้นอยู่แล้ว มือทั้งสองข้างของฟางหลิงซู่สั่นเทาแต่ยังกอดนางไว้แน่น หาได้สนใจเลือดที่เปรอะเปื้อนชุดของเขาไม่
“คุณชาย ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้รู้ดีว่าฟางหลิงซู่เป็นคนรักความสะอาด แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยเลือด
“ตรวจชีพจรให้นางก่อน ! ” ฟางหลิงซู่ไร้จิตใจนึกถึงเรื่องอื่น ต่อให้ในสายตาของเขาเลือดเป็นสิ่งสกปรก แต่มิได้สำคัญกว่าชีวิตของนาง
“คุณชาย ตอนนี้กู่เหนียงมิเป็นอันใดมาก แต่เพราะพิษเข้าไปลึกมากจึงทำให้รักษาเด็กเอาไว้มิได้ขอรับ”
ถูกพิษหรือ ?
อันหลิงเกอลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินคำว่าถูกพิษเข้าพอดี เพราะนางถูกพิษจึงทำให้ต้องเสียบุตรไปหรือ ?
นางมองไปทางฟางหลิงซู่โดยมิได้ตั้งใจ เพียงพริบตาเดียวก็หันไปมองทางอื่นแทน
ไม่ ไม่ใช่เขา !
ร่างกายของนางรู้สึกมิสบายมานานแล้ว ช่วงนี้ก็รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
แต่เมื่อไตร่ตรองให้ดี นางก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ทำให้นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
มู่เหล่าหวางเฟย !
ก่อนหน้านี้ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์ได้คงเป็นเพราะมู่เหล่าหวางเฟยเช่นกัน เนื่องจากพิษในตอนนั้นยังคงอยู่จึงทำให้ตอนนี้นางต้องเสียบุตรไปด้วย
มู่เหล่าหวางเฟย เจ้ามีใจอำมหิตยิ่งนัก !
ทั้งที่นางพยายามมิไปหาเรื่องแล้ว ยอมอดทนอดกลั้นอยู่ตลอดเวลา เหตุใดต้องทำร้ายนางเช่นนี้ !
“ตอนนี้กู่เหนียงแค่ต้องพักผ่อนให้มาก ดูแลร่างกายให้ดี มินานสุขภาพก็จะแข็งแรงขึ้นขอรับ”
เมื่อกล่าวจบ ท่านหมอก็ขอตัวกลับไป
ฟางหลิงซู่ก็รู้ว่าครั้งก่อนที่อันหลิงเกอตั้งครรภ์มีความผิดปกติหลายอย่าง แต่พวกเขาก็มิรู้สาเหตุเช่นกัน คาดมิถึงว่าที่แท้เป็นเพราะนางถูกพิษจึงส่งผลต่อร่างกาย
ตอนนี้เด็กไม่อยู่แล้ว แม้รู้สาเหตุก็สายเกินแก้
ฟางหลิงซู่รู้ว่าอันหลิงเกอกำลังสงสัยตนอยู่เพราะสายตาเคลือบแคลงของนางเมื่อครู่ เขาเองก็รับรู้ได้เช่นกัน
“มิใช่ข้า” เขากล่าวออกมาเรียบ ๆ ราวกับมั่นใจว่าอันหลิงเกอเข้าใจความหมายดี
นางฉลาดถึงเพียงนี้ย่อมไม่มีทางเข้าใจเขาผิด
“ข้ารู้” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเบาหวิว หากมิตั้งใจฟังคงมิได้ยินแน่ ทว่าเพราะฟางหลิงซู่นั่งอยู่ข้างกายจึงได้ยินอย่างชัดเจน
“อันหลิงเกอ เจ้าเป็นอันใดไป ! ”
ตอนนั้นเอง หนานกงหลิงเยว่ก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อครู่ตอนที่ในหอเกิดความวุ่นวาย นางก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องกับอันหลิงเกอแน่
จากนั้นนางก็เห็นเลือดที่พื้นและแม้แต่บนเสื้อผ้าของพี่ชายก็ด้วย เมื่อเห็นกับตาเช่นนี้ก็ทำให้ภายในใจของหนานกงหลิงเยว่เกิดความวูบโหวงขึ้นมาอย่างห้ามมิได้
“มีนักฆ่าเข้ามาหรือ จับตัวได้หรือไม่ ! ” นางแสร้งถามออกไปแม้ดูออกว่าบุตรของอันหลิงเกอมิอยู่แล้ว
“ข้าถูกพิษ” อันหลิงเกอส่ายหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
หนานกงหลิงเยว่รู้ดีว่าตอนนี้มิควรกล่าวอันใดมาก เมื่อเห็นท่าทางของอันหลิงเกอแล้วก็รู้สึกสงสารยิ่งนัก
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?
“เอาล่ะ หลิงเยว่ เจ้าออกไปก่อน ตอนนี้ให้นางได้พักผ่อนเถิด” ฟางหลิงซู่กล่าวจบก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมออกไปจากห้อง
“ฟางหลิงซู่ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อน”
น้ำเสียงของอันหลิงเกอคล้ายกำลังร้องขอ ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าตอนนี้นางเสียใจมากจนมิอาจอยู่คนเดียวได้
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่จึงยอมนั่งลงอีกครั้ง
“เจ้านอนลงเถิด ข้าจะอยู่ตรงนี้มิไปไหน” ฟางหลิงซู่จับมือของนางเอาไว้คล้ายกำลังปลอบโยนนางอยู่
มือของอันหลิงเกอเย็นเฉียบแต่กลางฝ่ามือมีเหงื่อซึมออกมา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางอ่อนแอเพียงใด
“ฟางหลิงซู่ บุตรของข้ามิอยู่แล้ว ข้ารู้ว่าเป็นเพราะมู่เหล่าหวางเฟย ข้ารู้ดีว่าเหตุใดนางแค้นข้ามากมายเพียงนี้ ! ”
อันหลิงเกอหัวเราะเยาะให้ตนเอง แม้นางไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ยังอดนึกถึงเรื่องนี้มิได้ น่าปวดใจยิ่งนัก
“นางคิดว่าท่านแม่แย่งคนรักของนางไปจนทำให้ท่านแม่ต้องตาย และคิดว่าข้าแย่งมู่จวินฮานจึงอยากสังหารข้า แต่นางก็ยังเอาชีวิตข้ามิสำเร็จอยู่หลายครั้งจึงหาวิธีทำให้ข้าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้”
อันหลิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับร่างกายกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสขณะเอ่ยออกมา
“แต่ข้าก็ยังตั้งครรภ์” น้ำตาของอันหลิงเกอร่วงลงมาทันทีที่กล่าวประโยคนี้จบ
“น่าเสียดายที่สุดท้ายเด็กคนนี้ก็มิอาจลืมตาดูโลกได้เพราะนาง”
น้ำตาของอันหลิงเกอไหลรินมิหยุด หัวใจของฟางหลิงซู่ก็รู้สึกทรมานไปด้วย เขาเห็นอันหลิงเกอเจ็บปวดเพียงนี้ก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย ทว่าบุรุษที่ทำให้นางเจ็บปวดมิอยู่ที่นี่ เขารู้ดีว่าตนเป็นเพียงตัวแทนชั่วคราวเท่านั้น
“หยุดร้องได้แล้ว มิเป็นไร ข้าจักช่วยเจ้าเอง”
“ไม่ ! ”
ดวงตาของอันหลิงเกอแดงก่ำ ความแค้นของนางมิต้องให้ผู้ใดมาช่วย
นางจักค่อยๆ แก้แค้นมู่เหล่าหวางเฟยด้วยตัวเอง !
ต่อให้มู่จวินฮานจดจำนางมิได้ บางทีการที่เขาจำนางมิได้ก็ดีเหมือนกัน
เช่นนี้นางจะได้แก้แค้นมู่เหล่าหวางเฟยโดยมิต้องสนใจอันใดอีก ภายในใจจะไม่รู้สึกผิดด้วย
“เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าจะอยู่ข้างกายโดยมิไปไหน” เมื่อเห็นนางสงบลงแล้วฟางหลิงซู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เช่นนี้ก็ดี
หากนางมัวแต่โศกเศร้าก็คงมิใช่อันหลิงเกอที่เขารู้จัก นางเป็นคนที่เมื่อพบปัญหาก็มักหาทางแก้ไข มิใช่เอาแต่วิ่งหนี
เพราะนางเป็นเช่นนี้จึงดึงดูดคนเยี่ยงฟางหลิงซู่ไว้ได้
“อืม” อันหลิงเกอตอบรับเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง
สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรนางก็มิอาจข่มตาหลับได้ พอนึกถึงเรื่องนางกับมู่จวินฮานรวมถึงบุตรแล้ว ความโชคร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะสตรีนางนั้นเพียงคนเดียว