พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 629 ไม่หยุด
ตอนที่ 629 ไม่หยุด
“ช่างเถิด ด้านนอกลมเริ่มแรงแล้วให้ปี้จูพาเจ้ากลับเข้าไปดีกว่า ข้าจักคิดวิธีตามหาอันหลิงเกอมารักษาเจ้าเอง”
“เจ้าค่ะ”
เฝิงเยว่เอ๋อเริ่มคุ้นชินกับการกระทำของมู่จวินฮานแล้ว เขามักมิอยู่กับนางนานนัก แต่สำหรับนางก็มีความสุขมากแล้ว
เมื่อนางกลับถึงห้องจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ปี้จู เจ้ารู้จักอันหลิงเกอที่เป็นหมอเทวดาใช่หรือไม่ ? ”
ปี้จูตกตะลึงทันที ทั้งยังรู้สึกขมขื่นมิน้อย เพียงแต่เฝิงเยว่เอ๋อตาบอดจึงมองมิเห็นความผิดปกตินี้
“มิใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยแค่นับถือนางเท่านั้น”
เฝิงเยว่เอ๋อมิได้ถามอันใดต่อ คิดแล้วสาวใช้คนหนึ่งก็มิน่ารู้จักคนที่อยู่ในสังคมชั้นสูงเยี่ยงนั้นได้
อีกฟากหนึ่ง เดิมทีฟางหลิงซู่ตั้งใจว่าจะไปส่งอันหลิงเกอด้วยตนเอง แต่เพราะเรื่องบางอย่างทำให้เขามิอาจปลีกตัวได้จึงวานให้ซูฉางเฟิงไปส่งนางแทน
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอันตราย อันหลิงเกอจึงแต่งกายเป็นบุรุษ
คาดมิถึงว่าขณะที่ทั้งสองยังไม่ถึงเขตเมืองหลวงก็มีคนตามมาสังหารเสียแล้ว อันหลิงเกอจึงได้รู้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานกำลังตามหาคนของหอพิษกู่
“พี่ชาย รีบไปก่อนเถิด หากมีโอกาสก็ช่วยบอกฟางหลิงซู่ว่าอย่าเพิ่งไปที่เมืองหลวง” ทว่าซูฉางเฟิงเหมือนมิได้ยินสิ่งที่นางกล่าวเพราะเขากำลังต่อสู้กับพวกที่มาจู่โจมพร้อมกำลังมองหาทางหนี
สุดท้ายพวกนางก็สู้คนที่มีมากกว่าไม่ได้ ลูกธนูมากมายกำลังพุ่งใส่ทั้งสอง…
อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาอีกครั้งและภาพที่เห็นตรงหน้าคือป่ากว้าง นางจึงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนและซูฉางเฟิงตกไปในแม่น้ำ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นเพื่อตามหาซูฉางเฟิง มินานก็พบว่าเขาหมดสติอยู่บนพื้นมิไกลกันนัก
“พี่ชาย ซูฉางเฟิง ซูฉางเฟิง”
“อันเกอหรือ ? ” ซูฉางเฟิงจ้องนางตาไม่กะพริบ
“หืม ? ” อันหลิงเกอก้มมองตามสายตาของเขาแล้วจึงเห็นว่าตอนนี้ผ้าที่รัดหน้าอกของนางหลุดร่วงลงมา ทำให้นางรู้สึกประดักประเดิดมิน้อย
“อันเกอ เจ้า เจ้าเป็นสตรี ! ” ซูฉางเฟิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา
“…” อันหลิงเกอมิรู้ว่าตอนนี้ควรกล่าวอันใดดี ตัวตนของนางโดนเปิดเผยเสียแล้ว
“คือ…บาดแผลของเจ้าหนักมาก ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วพวกเราไปหาที่ทำแผลกันก่อนเถิด”
ซูฉางเฟิงประคองอันหลิงเกอ บาดแผลของทั้งคู่ล้วนหนักเอาการ ทางที่ดีควรหาที่ปลอดภัยก่อนดีกว่า
“เจ้าทานอันใดก่อนเถิด แต่ที่นี่ไม่มีอันใดให้ทานมากนัก” ซูฉางเฟิงส่งผลไม้ให้อันหลิงเกอ ส่วนเขาก็นั่งบดยาอยู่ด้านข้าง
“ซูฉางเฟิง” อันหลิงเกอเอ่ยขึ้นมา “ข้ามิใช่อันเกอ ทว่าข้าคืออันหลิงเกอ”
“อืม” ซูฉางเฟิงแค่ส่งเสียงตอบรับเบา ๆ จากนั้นก็บดยาต่อ
“ข้ามิโทษเจ้าหรอก ข้าเข้าใจ” ซูฉางเฟิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองนางอย่างอ่อนโยน
“อืม…ขอบใจ” ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกว่าตนอ่อนแอเหลือเกิน และซูฉางเฟิงผู้นี้ดูเป็นคนฉลาดมิน้อย
“เจ้ามาทำเองดีหรือไม่ ? ” ซูฉางเฟิงส่งยาให้อันหลิงเกอ
“ขอบใจ”
ตอนที่นางพันแผลอยู่นั้น ซูฉางเฟิงก็เอาแต่หลับตาแน่น
วันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนกร้องในป่าแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าข้างกายของนางไม่มีผู้ใดอยู่
อันหลิงเกอค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน บาดแผลบนร่างกายยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่มากแต่นางต้องรีบออกไป หากซูฉางเฟิงยังไปไหนมิไกล นางก็ต้องหาเขาให้เจอ
“เจ้าตื่นแล้วหรือ? ข้าประคองเจ้ากลับไปเอง” ซูฉางเฟิงมิรอให้อันหลิงเกอกล่าวอันใดก็รีบเข้ามาประคองนางกลับไปที่เดิม
“แผลบนตัวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ตัวเจ้ามิได้ทำจากเหล็กที่จะได้หายเร็วเพียงนั้น อีกทั้งยังออกไปหาอาหารตั้งแต่เช้าด้วย”
“ข้ามิเป็นไรหรอก พวกเรากลับกันเถิด” ซูฉางเฟิงเห็นท่าทางรู้สึกผิดของอันหลิงเกอจึงมิได้กล่าวอันใดอีก
ซูฉางเฟิงวางสัตว์ป่าในมือที่ล่ามาได้แล้วก็เดินไปด้านนอกอีกครั้ง
“ซูฉางเฟิง เจ้าจะไปที่ใด?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหลิงเกอก็เห็นซูฉางเฟิงถือใบไม้ที่พับเป็นกรวยซึ่งมีน้ำอยู่ในนั้นพลางเดินกลับมา “ดื่มสักหน่อยเถิด”
ซูฉางเฟิงมองอันหลิงเกอที่พิงอยู่กับต้นไม้ มิรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ขณะที่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ซูฉางเฟิง ขอบใจเจ้ามาก”
“อันหลิงเกอ ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่ ? ” ซูฉางเฟิงมองนาง ภายในแววตาที่อ่อนโยนมีประกายบางอย่างซ่อนอยู่
“ได้”
ซูฉางเฟิงรู้สึกสงสัยอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็นึกได้ว่าเหตุใดชื่อนี้จึงคุ้นหูยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ฟางหลิงซู่มิเคยพูดเรื่องนี้ให้เขาฟังเพราะฟางหลิงซู่ผู้นั้นหากว่ามิอยากพูด ผู้ใดก็บังคับไม่ได้
หลังทำแผลเสร็จแล้ว อันหลิงเกอก็ประคองซูฉางเฟิงให้นั่งพิงกับหินก้อนใหญ่ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มวางแผนว่าพรุ่งนี้จักออกไปจากหุบเขาอย่างไร
วันต่อมา ทั้งสองก็ออกจากหุบเขาจนมาเจอเข้ากับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
“กู่เหนียง พวกเจ้ามาหาผู้ใดหรือ ? ” หญิงชราผู้หนึ่งที่กำลังเดินอยู่หน้าหมู่บ้านเอ่ยถามอย่างมีเมตตา
“ท่านยาย ที่นี่มีหมอหรือไม่เจ้าคะ ? ”
“เดินเข้าไปในหมู่บ้านก็จะพบเอง” หญิงชราบอกทางให้เสร็จแล้วก็เดินจากไป
“มิทราบว่าท่านทั้งสองคือใคร ? ”
อันหลิงเกอเดินไปตามทางที่หญิงชราบอกก็ได้พบกับสตรีนางหนึ่งที่ยังอายุน้อย หน้าตาสะสวย รูปร่างผอมบางแต่มิรู้จักเก็บอารมณ์บนใบหน้า
“พวกเรามาหาท่านหมอ รบกวนกู่เหนียงช่วยแจ้งให้เราหน่อยได้หรือไม่” อันหลิงเกอเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยเสียงสดใส ความเรียบง่ายของที่นี่ทำให้นางนึกชื่นชมอยู่มิน้อย
“เข้ามา” มีเสียงแข็งกร้าวของบุรุษดังออกมาจากในเรือน อันหลิงเกอรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
แต่ยังมิทันคิดให้ละเอียด ซูฉางเฟิงก็พานางเดินเข้าไปด้านในเสียแล้ว
พอเข้าไปก็เห็นว่ามีม่านไม้ไผ่กั้นอยู่และหลังม่านไม้ไผ่ก็มีบุรุษรูปร่างผอมบางผู้หนึ่งนั่งอยู่ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เปิดม่านแล้วเดินออกมา ทว่าตอนนั้นทั้งอันหลิงเกอและท่านหมอต่างก็ตกใจขึ้นมาพร้อมกัน
“ซูโจวหรือ ? ” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังตกตะลึงอยู่นั้นก็เป็นฟากซูฉางเฟิงที่ได้สติก่อนใคร คนผู้นี้คือซูโจวที่หายตัวไปนานแล้วใช่หรือไม่
“อันหลิงเกอ ! ” ซูโจวมองนางอย่างงุนงง เหตุใดอันหลิงเกอจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?
“ซูโจว เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ? ” การได้พบซูโจวทำให้นางรู้สึกตกใจมิน้อย
“ข้าช่วยรักษาแผลให้พวกท่านก่อนแล้วกัน” ท่าทางของซูโจวดูสับสนเล็กน้อย ดวงตาแฝงไว้ด้วยความไม่เข้าใจ
หลังทำแผลเสร็จแล้วซูโจวก็ให้ทั้งสองคนนั่งลงฝั่งหนึ่ง ส่วนเขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมใบหน้าโศกเศร้า
“ซูโจว ที่ผ่านมาเกิดอันใดขึ้น เหตุใดเจ้าจึงมาไกลเพียงนี้ได้ แล้วเหตุใดเจ้ามิกลับไปเมืองหลวง ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถามทุกอย่างที่อยากรู้ออกมา การได้พบซูโจวอีกครั้งทำให้นางเกิดความสงสัยมากมาย ทั้งที่อยู่มิไกลจากเมืองหลวงแต่เขาก็ไม่ยอมกลับไป มีความลำบากใจอันใดหรือ ?
“ข้า ตอนนี้ข้ามิอยากกลับไป”
เขามิอยากกลับไปอยู่ข้างกายของมู่จวินฮานหรือ ?
“ตั้งแต่ท่านจากไปก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ตอนนี้มู่จวินฮานจำข้ามิได้อีกแล้ว ข้าไม่สามารถเข้าจวนไปรักษาเขาได้จึงมีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้น”
ซูโจวมิคิดมาก่อนว่าตอนนี้สถานการณ์ที่เมืองหลวงจักซับซ้อนมาก เขาควรทำเช่นไรดี ?
“ใช่สิ ท่านยังมิได้บอกข้าเลยว่าเหตุใดพวกท่านถึงบาดเจ็บแล้วมาปรากฏตัวที่นี่ ? ” จู่ ๆ ซูโจวก็นึกถึงสถานการณ์ที่มิเข้าใจนี้ขึ้นมาได้
“พวกเราออกมาจากหอพิษกู่ แต่คาดมิถึงว่าจะถูกซุ่มโจมตีและถูกยิงด้วยธนูจนตกน้ำแล้วลอยมาถึงที่นี่” ซูฉางเฟิงอธิบายแทนอันหลิงเกอ
“ท่านนี้คือ ? ” ซูโจวหันมาสนใจบุรุษที่นั่งข้างกายอันหลิงเกออีกครั้ง เนื่องจากเป็นบุรุษเหมือนกัน เขาจึงรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองมิธรรมดา