พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 656 ตบหน้า
ตอนที่ 656 ตบหน้า
“ตำแหน่งฮ่องเต้ของต้าโจวเดิมทีเป็นของข้า ตอนนี้ข้าจักชิงมันกลับมา ! ” อิ่งจือเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว อันหลิงเกอเชื่อว่าเขาต้องทำตามที่กล่าวอย่างแน่นอน มิว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดเขาก็จะทำให้ได้
ในอดีตนั้นเผ่าพิษหนอนกู่ยึดครองทั่วทั้งแผ่นดิน ทว่าตอนนี้…
“หวังว่าความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริง”
ประโยคนี้อันหลิงเกอเอ่ยออกมาจากใจจริง ใช่ว่านางไม่เป็นห่วงมู่จวินฮาน เพียงแต่นางรู้ว่าสำหรับมู่จวินฮานแล้วมิได้สนใจว่าผู้ใดได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ผิดกับอิ่งจือ เพราะนี่คือความปรารถนาเดียวที่เขาต้องทำให้สำเร็จ
อิ่งจือพยักหน้า เขารู้ความคิดของอันหลิงเกอดีและก็เข้าใจมู่จวินฮานด้วยเช่นกัน บุรุษผู้นั้นมิใช่คนของราชวงศ์ ทว่าเป็นของอันหลิงเกอมาโดยตลอด เป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
“เจ้าจักให้อภัยเขาหรือไม่ ? ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดเขามิได้ทำ” ผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่อิ่งจือจะเอ่ยออกมาเพราะอยากรู้ว่าอันหลิงเกอคิดอันใดอยู่
“แต่เขายอมให้มู่เหล่าหวางเฟย…” ใช่ แม้เรื่องทั้งหมดมู่จวินฮานมิได้เป็นคนทำ แต่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวก็เพียงพอที่อันหลิงเกอจักโกรธแค้นเขาไปชั่วชีวิต
“เจ้าก็รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์บังคับ” มิรู้ว่าเหตุใดอิ่งจือที่ยืนอยู่ข้างอันหลิงเกอมาโดยตลอดจึงเกิดความรู้สึกเห็นใจมู่จวินฮานขึ้นมา
“หากเป็นเจ้าจะยอมให้มารดาทำร้ายภรรยาและบุตรหรือไม่ ? ” คำถามของอันหลิงเกอเป็นการชี้ให้เห็นความรู้สึกในมุมของนาง
“ข้า…ข้ามิรู้” อิ่งจือมิได้โกหกแต่มิรู้จริง ๆ เพราะไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้เขาก็มิอาจเลือกได้ เขาไม่อาจทรยศมารดาและก็ไม่อยากทรยศสตรีที่รักด้วยเช่นกัน
ตัวเลือกเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตใครคนหนึ่งด้วยซ้ำ
เพราะจุดยืนของทั้งสองคนเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง นี่เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้และอันหลิงเกอก็รู้ดีว่ามู่จวินฮานก็ไร้ทางเลือก นางเองก็มิอาจให้อภัยได้ แล้วยังทำอันใดได้อีกเล่า ?
ให้นางลืมความแค้นก็เท่ากับนางทรยศต่อมารดา มู่จวินฮานเองก็มิอาจทำสิ่งนี้ได้แล้วนางจะทำได้หรือไร ? ไม่มีผู้ใดอยากทำในสิ่งที่ผิด แต่ทุกเรื่องราวล้วนมีตัวเลือกที่ต้องมีการสูญเสียก่อนถึงจะได้มาครอง
ดูเหมือนตอนนี้อิ่งจือมิได้เสียใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหมุนตัวเดินลึกเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง มีเพียงแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวและเศร้าโศกเท่านั้นที่อันหลิงเกอมองเห็นได้
อันหลิงเกอมองแล้วก็รู้ได้ว่านับแต่นี้ไปจะไม่มีอิ่งจือที่เต็มไปด้วยความเสียใจอีกแล้ว
นางรู้ว่าต่อไปอิ่งจือต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ปรารถนา มิใช่จมดิ่งอยู่กับความเสียใจเช่นนี้
หลังอิ่งจือเดินจากไปแล้ว อันหลิงเกอยังนั่งอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่
ก่อนจากไปนางได้หันมองฟางหลิงซู่อีกครั้ง แค่เห็นร่างของเขาแล้ว นางก็นึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับเขา นางมีสิทธิ์อันใดไปหัวเราะเยาะความอาวรณ์และความลังเลของอิ่งจือ ทั้งที่นางเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เป็นคนที่ยังจมดิ่งอยู่กับอดีตและความเจ็บปวดจนมิสามารถปล่อยวางได้
อันหลิงเกอเพิ่งกลับมาถึงเรือนฝูหลิง เฝิงเยว่เอ๋อก็เข้ามาหาทันที อันหลิงเกอมองหน้านางแล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะ ดูเหมือนเฝิงเยว่เอ๋อยังมิสามารถข่มอารมณ์ได้เช่นเคย
ทว่าครั้งนี้เฝิงเยว่เอ๋อต่างออกไปเพราะมิได้มายั่วยุเลย นางแค่มาชวนอันหลิงเกอพูดคุยสัพเพเหระมิกี่ประโยคเท่านั้น แม้อันหลิงเกอรู้สึกแปลกใจต่อการกระทำของอีกฝ่ายแต่ก็มิได้คิดอันใดมาก
คาดมิถึงว่าในยามอู่กลับมีคนกลุ่มใหญ่บุกมาที่เรือนของนางโดยการนำของสามีภรรยาคู่หนึ่ง
อันหลิงเกอยังมิทันรู้เรื่องอันใด สตรีนางนั้นก็พุ่งใส่นางเสียแล้ว จากนั้นอีกฝ่ายก็ตบใบหน้าของอันหลิงเกออย่างแรง
พลันใบหน้าของอันหลิงเกอปรากฏรอยนิ้วมือขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนี้มือหนักเพียงใด จากนั้นก็ร้องไห้ไปพลางตำหนิอันหลิงเกอไปด้วย ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกว่าสตรีผู้นี้น่าขันยิ่งนัก คนเช่นนี้ก็เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาได้หรือ ?
เมื่อเห็นอันหลิงเกอยิ้มออกมาแล้ว สตรีคนนั้นก็ยิ่งโมโหมากขึ้น ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นตบอันหลิงเกออีกครั้งก็ถูกบุรุษที่อยู่ด้านข้างห้ามไว้เสียก่อน ชายหญิงคู่นี้เหมือนเป็นสามีภรรยากัน ดูแล้วช่างเหมาะสมกันเสียยิ่งกระไร
แต่ใบหน้าของบุรุษดูเป็นคนยุติธรรมมากกว่าและอันหลิงเกอเพิ่งสังเกตว่าคนทั้งคู่ล้วนมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเฝิงเยว่เอ๋อ
“เยว่เอ๋อทำเวรทำกรรมอันใดไว้จึงต้องมาเจอคนร้ายกาจเยี่ยงเจ้า”
สตรีผู้นี้เอ่ยวาจาร้ายกาจมิเบา ตั้งแต่พบหน้าก็เอาแต่ตำหนิอันหลิงเกอมิหยุด อันหลิงเกอที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นจึงยังมิกล้าพูดออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
บิดามารดาของเฝิงเยว่เอ๋อตายแล้วมิใช่หรือ ?
แล้วสองคนนี้โผล่มาจากที่ใด ?
“พอแล้ว” บุรุษผู้นั้นเอ่ยห้ามขึ้นมา อย่างไรที่นี่ก็มีผู้คนมากมาย หากพวกตนก่อเรื่องขึ้นก็เกรงว่าจักทำให้เฝิงเยว่เอ๋ออับอายขายหน้าและหากทำให้มู่จวินฮานโมโหขึ้นมาก็คงมิดีแน่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อันหลิงเกอก็ทราบฐานะของพวกเขาทันที สตรีผู้นี้คงเป็นอาหญิงของเฝิงเยว่เอ๋อเพราะก่อนหน้านี้เคยได้ยินสาวใช้กล่าวว่ามู่เหล่าหวางเฟยได้เชิญนางเข้ามาในจวนเพื่อเป็นการตอบแทนที่เฝิงเยว่เอ๋อช่วยชีวิตมู่จวินฮานเอาไว้ ส่วนบุรุษผู้นี้ก็คงเป็นท่านอาของเฝิงเยว่เอ๋อเช่นกัน
ดูจากท่าทีของคนรอบกายแล้ว อันหลิงเกอก็พอเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น นางจึงได้แต่ยิ้มเยาะในใจ เฝิงเยว่เอ๋อผู้นี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อกำจัดนางจริง ๆ
เดิมทีเช้าวันนี้หลังจากที่เฝิงเยว่เอ๋อกลับไปแล้วก็ไปที่เรือนตามปกติ
ตอนแรกก็มิได้มีอันใดเกิดขึ้น แต่อยู่ดี ๆ มิรู้เหตุใดเฝิงเยว่เอ๋อก็มีความคิดที่จะผูกคอตายขึ้นมา พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นทุกคนจึงทราบกันหมด
เพราะตอนที่เฝิงเยว่เอ๋อมาที่เรือนของอันหลิงเกอก็พาสาวใช้มาด้วยมากมายเช่นทุกครั้ง อันหลิงเกอจึงมิได้สนใจอันใด แต่พอมาคิดแล้วเฝิงเยว่เอ๋อคงตั้งใจให้ทุกคนมาที่นี่เพื่อเป็นพยานให้แน่นอน
ครั้งนี้เฝิงเยว่เอ๋อก็ยังใช้วิธีเดียวกับเมื่อตอนเยว่หยาคือใส่ร้ายว่าความผิดครั้งนี้เป็นของอันหลิงเกอ แต่ที่ต่างออกไปคือผู้ที่มากล่าวโทษมิใช่เฝิงเยว่เอ๋อ เกรงว่านางคงอาการหนักจนมิสามารถมากล่าวโทษเองได้กระมัง
อันหลิงเกอเพิ่งสังเกตว่าคนที่มาในวันนี้ไม่มีมู่จวินฮานอยู่ด้วย
หากเป็นเมื่อก่อน เฝิงเยว่เอ๋อต้องเรียกมู่จวินฮานมาช่วยตนด้วยแล้ว เหตุใดวันนี้มู่จวินฮานจึงมิอยู่ที่นี่ด้วย ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด ?
“หากเจ้าเกลียดเยว่เอ๋อเพียงนี้ แล้วจะยอมให้นางเป็นเช่อเฟยทำไม ? ” สตรีนางนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่แสบแก้วหูจนรู้สึกบาดหูอันหลิงเกอยิ่งนัก
อันหลิงเกอขมวดคิ้วพลางพิจารณาใบหน้าของสตรีที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้อารมณ์ของอีกฝ่ายยังมิสงบจึงดูเหมือนหมาบ้าก็มิปาน
จากนั้นอันหลิงเกอก็มองไปโดยรอบและพบว่าเหล่าที่ปรึกษาแทบจะมากันครบ มองแล้วเรื่องในครั้งนี้มู่เหล่าหวางเฟยคงจัดการเป็นอย่างดีจึงได้มีคนมากมายเช่นนี้มาออกหน้าให้เฝิงเยว่เอ๋อ
“รู้ได้อย่างไร ? ” อันหลิงเกอเงยหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มยามมองไปยังสตรีคนที่ตบหน้าตนเมื่อครู่ บังอาจตบนางเช่นนี้ก็ต้องเอาคืนอย่างสาสมและต้องทำให้อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด