พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 658 กรรมตามสนอง
ตอนที่ 658 กรรมตามสนอง
“นางไม่เป็นอันใด” คำตอบของมู่จวินฮานให้ความกระจ่างทั้งหมด เขามิได้เปิดโอกาสให้อาหญิงของเฝิงเยว่เอ๋ออีก หลังจากเขามองหน้าอันหลิงเกอครู่หนึ่งแล้วก็กระชับกระบี่ในมือให้แน่นขึ้น อาหญิงจึงมิกล้าขยับและปล่อยให้กระบี่ค่อย ๆ กดลงที่ลำคออีกครั้ง
“เมื่อครู่ที่เปิ่นหวางถาม เจ้ามีคำตอบให้หรือไม่ ? ”
มู่จวินฮานยังมิยอมปล่อยนางไปโดยง่าย หากวันนี้นางตอบคำถามเขามิได้ก็เกรงว่าคงมีชีวิตมิพ้นวันเป็นแน่ แต่หากคำตอบยังล่วงเกินล่ะก็มู่จวินฮานย่อมต้องจัดการอยู่ดี
“เมื่อครู่ เมื่อครู่ข้าน้อยพูดว่าเยว่เอ๋อเป็นสตรีชั่วช้าเจ้าค่ะ นางล่วงเกินพระชายาเช่นนี้เป็นความผิดของนางเจ้าค่ะ” ตอนนี้ต้องรู้จักเอาตัวรอดเสียก่อนจึงโยนความผิดทั้งหมดให้แก่เฝิงเยว่เอ๋อ
มู่จวินฮานได้ยินคำตอบเช่นนั้นก็มิได้โมโหอันใดอีก เขาเก็บกระบี่ในมือพลางมองคนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และเมื่อทั้งสองรู้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานมิได้โกรธอันใดแล้วจึงรีบโขกศีรษะขอบพระคุณทันที
อันหลิงเกอยืนมองอย่างขบขัน พวกเขาช่างกลับคำไปต่อว่าหลานสาวได้ง่ายดายยิ่งนัก
จวบจนทั้งสองคนจากไปแล้ว อันหลิงเกอจึงมองมู่จวินฮานด้วยท่าทางจริงจัง นางมิรู้ว่าตอนนี้เฝิงเยว่เอ๋อเป็นเช่นไรและเหตุใดวันนี้ต้องก่อเรื่องใหญ่ขึ้นด้วย
อันหลิงเกอสบตากับมู่จวินฮานเพื่อรอให้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา
“นางมิได้เป็นอันใดมาก เพียงแต่เมื่อครู่นางหมดสติไปและท่านหมอทำอันใดมิได้จึงเรียกข้าไปดู ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว” มู่จวินฮานกล่าวออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย อันหลิงเกอคล้ายสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ดูห่างเหินของเขายามเอ่ยถึงเฝิงเยว่เอ๋อ
“เมื่อครู่…” อันหลิงเกออยากถามเขาว่าเหตุใดเมื่อครู่จึงได้เชื่อคำพูดของตน เหตุใดจึงมั่นใจว่านางมิใช่คนที่ทำร้ายเฝิงเยว่เอ๋อ ตอนนี้เขาไม่มีความสงสัยในตัวนางเลยหรือ
“เมื่อครู่เห็นเจ้าโดนรังแกแล้ว ข้าจึงมิได้นึกถึงอันใดทั้งนั้น”
มู่จวินฮานนึกว่านางกลัวเขาโกรธเรื่องที่เมื่อครู่นางตบอาหญิงของเฝิงเยว่เอ๋อ เขาจึงรีบตอบนางไปเช่นนั้น อันหลิงเกอเมื่อได้ยินก็ตกตะลึงเล็กน้อย
“ท่านเชื่อข้าจริงหรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถามอีกครั้ง นางรู้ว่ามู่จวินฮานยังมิเข้าใจความหมายของนาง แต่นางอยากรู้ว่าที่จริงแล้วใจของเขาคิดเช่นไร เหตุใดจึงเชื่อใจนางเช่นนี้
“เชื่อ” แค่คำนี้คำเดียวก็ทำให้อันหลิงเกอรู้แล้วว่าตอนนี้ระหว่างนางกับมู่จวินฮานไม่มีความหวาดระแวงและความไม่เชื่อใจหลงเหลืออีก เรื่องก่อนหน้านี้ทำให้คนทั้งคู่ค่อย ๆ ห่างเหินกัน ทว่าตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
อันหลิงเกอสบตากับมู่จวินฮานก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กัน จากนั้นนางจึงตามมู่จวินฮานไปที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อเพราะอยากเห็นว่าสิ่งใดที่เรียกกรรมตามสนอง อยากเห็นจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องทรมานเพราะแผนการของตัวเองมากเพียงใด !
ทันทีที่เข้ามาในเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อ กลิ่นยาก็ลอยมาปะทะจมูก เมื่อเดินไปที่เตียงของเฝิงเยว่เอ๋อจึงเห็นว่าตอนนี้นางยังหลับอย่างสบาย และเห็นได้ชัดว่านางพ้นขีดอันตรายแล้ว
อันหลิงเกอเห็นใบหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อเขียวคล้ำราวกับขาดอากาศหายใจอยู่นาน เมื่อเลิกผ้าห่มของเฝิงเยว่เอ๋อลงก็พบว่าที่ลำคอปรากฏรอยแผลหนึ่งที่ค่อนข้างลึก
ส่วนแขนที่โผล่ออกมานั้นมีรอยช้ำปรากฏให้เห็นด้วย อันหลิงเกอเดาว่าตอนที่อีกฝ่ายรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจนั้นคงดิ้นรนจนหลุดร่วงจากผ้าที่ใช้รัดคอลงมาที่พื้นจึงทำให้เกิดรอยช้ำขึ้น
ทว่าร่องรอยสะดุดตาที่สุดก็คงเป็นตรงลำคอเพราะถูกผ้ารัดเอาไว้แน่น แม้ตอนนี้มิเป็นอันใดแล้ว รอยช้ำเขียวคล้ำก็ยังคงอยู่และทำให้คนที่มองอดตกใจมิได้
ในขณะที่เฝิงเยว่เอ๋อขยับตัวนั้น อันหลิงเกอก็พบว่าที่ลำคอของอีกฝ่ายผิดรูปเล็กน้อย เห็นดังนั้นอันหลิงเกอจึงหันไปมองมู่จวินฮานอย่างสงสัย
“ตอนที่นางดิ้นรนลงมานั้นทำให้กระดูกคอไล่ไปจนถึงกระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เกรงว่าต้องนอนอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ไปอีกพักใหญ่” ยามที่มู่จวินฮานเอ่ยออกมา น้ำเสียงช่างราบเรียบและมิได้มีความสงสารเจือปนแต่อย่างใด
อันหลิงเกอจึงหันไปมองเฝิงเยว่เอ๋ออีกครั้ง คนเยี่ยงนี้ถูกกรรมตามสนองก็ถือว่าสมควรแล้ว น่าเสียดายที่ท่านอาและอาหญิงของนางเหมือนจะยังมิรู้ความจริงว่าหลานสาวจงใจทำร้ายตัวเองและคิดเพียงว่าหลานสาวถูกทำร้ายต่างหาก
หลังผ่านวันนี้ไปก็เกรงว่าครอบครัวของนางจะมิกล้าออกหน้าแทนอีกแล้ว เพราะเรื่องในครั้งนี้เกือบทำให้พวกเขาเอาชีวิตมิรอด ถึงขั้นยอมทิ้งหลานสาวเพื่อเอาตัวรอดด้วยซ้ำ
เห็นสตรีนางหนึ่งต้องมานอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงเช่นนี้ อันหลิงเกอก็อดเวทนามิได้
เฝิงเยว่เอ๋อมีนิสัยมุทะลุเกินไปทั้งยังมิรู้จักประมาณตน นี่จึงเป็นสาเหตุที่นางพ่ายแพ้ แต่อันหลิงเกอรู้ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้หากนางหายดีแล้วต้องก่อเรื่องมิยอมเลิกราอีกแน่
ทั้งคู่มิได้อยู่ที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อนานนัก พอมาดูนางได้พักหนึ่ง มู่จวินฮานก็พาอันหลิงเกอออกไป
ทว่าสถานที่ที่เขาพานางไปมิใช่ถ้ำน้ำแข็งและมิใช่เรือนฝูหลิงที่นางอาศัยอยู่เช่นทุกวัน แต่เป็นอีกสถานที่หนึ่ง
เขาพานางไปยังบ่อน้ำร้อนที่ก่อนหน้านี้สร้างให้นางและมีน้ำพุร้อนกำลังไหลเอื่อยอยู่อีกด้วย
หลังจากแช่น้ำร้อนเสร็จแล้วอันหลิงเกอก็กลับเรือนเพียงลำพัง ที่เรือนยังหลงเหลือคราบน้ำตาของสองสามีภรรยาน่ารังเกียจอยู่ อันหลิงเกอจึงเรียกสาวใช้มาทำความสะอาด แม้มิได้เปรอะเปื้อนอันใดก็ตาม เพียงแค่นางคิดว่าพวกเขาเคยมาคุกเข่าอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกอยากอาเจียนเสียให้ได้
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็พักผ่อนและในครั้งนี้นางสามารถหลับใหลอย่างสบายโดยมิฝันถึงอันใดแม้แต่น้อย
พอตื่นขึ้นมาจึงได้หยิบตำราของเผ่าพิษหนอนกู่มาฝึกฝน ทว่าจู่ ๆ ก็นึกถึงอิ่งจือขึ้นมา
อันหลิงเกอจึงวางตำราลงและนำไปซ่อนไว้ที่เดิม ก่อนจะออกไปยังถ้ำน้ำแข็งเพื่อพบอิ่งจือเพียงลำพัง
ความจริงแล้วนางอดรู้สึกแปลกใจมิได้ เหตุใดอิ่งจือจึงสามารถอยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่เย็นเยือกได้ทั้งวัน หรือเพราะเขาต้องพักฟื้นในที่หนาวจัดเท่านั้นจึงจะสามารถฟื้นฟูพลังได้เร็ว
เนื่องจากเผ่าปิงชวนและเผ่าพิษหนอนกู่มีความเกี่ยวข้องกัน พวกเขาต่างก็ชอบสถานที่หนาวเย็นเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่ออันหลิงเกอเข้ามาในถ้ำน้ำแข็งก็พบว่าครั้งนี้อิ่งจือมิได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีสตรีที่นางมิเคยเห็นหน้ามาก่อนนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย
อันหลิงเกอมิรู้ว่าตอนนี้ควรกลับไปหรืออยู่ต่อดีจึงทำได้เพียงยืนนิ่ง ๆ ตรงที่เดิม จนเมื่ออิ่งจือเห็นว่าอันหลิงเกอมาหาจึงกระซิบที่ข้างหูของสตรีนางนั้นเบา ๆ ก่อนที่นางจะถอยออกไป
อันหลิงเกอแม้ยังตกใจอยู่แต่ก็เดินเข้าไปหาเขา ท่าทางอึกอักของนางทำให้อิ่งจือรู้สึกขบขันมิน้อย
“เมื่อครู่คือ…” อันหลิงเกอรู้สึกประดักประเดิดจนพูดมิออก อิ่งจือจึงอดหัวเราะท่าทางเช่นนี้ของนางมิได้ ส่วนอันหลิงเกอก็ได้แต่มองเขาอย่างมิเข้าใจและรอคอยคำตอบ
ตอนนั้นอิ่งจือจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้อันหลิงเกอและจ้องนางด้วยสายตาจริงจัง ส่วนอันหลิงเกอตกใจต่อการกระทำของอิ่งจือจนทำตัวมิถูก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
“เจ้าใส่ใจว่านางเป็นอันใดกับข้ามากเพียงนี้เชียวหรือ ? ” อิ่งจือมองอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้เขารู้สึกว่าการได้หยอกล้อนางเป็นความสุขไปเสียแล้ว