พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 661 ผิดหวังในตัวมู่จวินฮาน
ตอนที่ 661 ผิดหวังในตัวมู่จวินฮาน
เมื่อกลับถึงถ้ำน้ำแข็งแล้ว อิ่งจือก็ค่อย ๆ วางร่างของฟางหลิงซู่ลงในโลงน้ำแข็ง จากนั้นก็เตรียมตัวเดินออกจากถ้ำ
“อย่า”
“ไม่เป็นไร” อิ่งจือยิ้มให้อันหลิงเกอก่อนนำมือของนางที่จับแขนของตนออก เขาต้องช่วยฟางหลิงซู่ให้ได้ อย่างไรพวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาทำเพื่ออันหลิงเกอ
ในใจของอันหลิงเกอรู้ดีว่าหากมิใช่เพราะนางแล้วเขาคงไม่เสียสละเพียงนี้ หากอิ่งจือช่วยฟางหลิงซู่แล้วก็เกรงว่าร่างกายของเขาจักอ่อนแอภายในระยะเวลาอันสั้น ถ้าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขาในระหว่างนี้ก็มิอาจสู้ได้แน่นอน
ตอนนี้มู่จวินฮานกับเฝิงเยว่เอ๋อก็ตามมาด้วย เขามองไปยังอิ่งจือ ทางด้านเฝิงเยว่เอ๋อรู้สึกขัดใจอย่างมาก เพราะเดิมทีนางอยากกำจัดฟางหลิงซู่เพื่อให้อันหลิงเกอโกรธแค้นมู่จวินฮานแต่มิสามารถลงมือได้
ส่วนมู่จวินฮานมองอันหลิงเกออย่างรู้สึกผิดมากซึ่งเป็นสิ่งที่เฝิงเยว่เอ๋อคาดมิถึงมาก่อน สายตาของมู่จวินฮานมีเพียงอันหลิงเกอผู้เดียว
แต่อันหลิงเกอมิได้สนใจมู่จวินฮานเลย ตอนนี้สายตาของนางกำลังจ้องไปที่อิ่งจือเท่านั้น
หากต้องการปลุกหนอนพิษกู่ในร่างกายของฟางหลิงซู่ขึ้นมาจักต้องหลั่งเลือดของหนอนพิษกู่ในกายของอิ่งจือเพื่อช่วยดึงดูด
ทั้งมิรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด…
หลังทุกอย่างจบลง อันหลิงเกอก็ยังอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็งเป็นเพื่อนอิ่งจือ
นางรู้ว่าสิ่งที่เกิดในวันนี้ทำให้ทุกคนต่างทุกข์ใจ อีกทั้งเมื่อเห็นท่าทางของมู่จวินฮานแล้ว นางก็มิได้รู้สึกดีใจเลย
มู่จวินฮานเดินตามเข้ามาในถ้ำน้ำแข็งด้วย ส่วนอิ่งจือนอนพักผ่อน ด้านอันหลิงเกอหันไปจัดเสื้อผ้าของฟางหลิงซู่ให้เรียบร้อยและเดินจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบมู่จวินฮานมิได้เอ่ยปากอันใด เขาเพียงมองนางอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น
ในใจของเขารู้ดีว่าได้ทำให้นางผิดหวังอีกแล้ว เสี้ยวหนึ่งของความคิด เขาก็หวังว่าจะได้เป็นฟางหลิงซู่ที่อยู่ในโลงน้ำแข็งหรือเป็นอิ่งจือที่มีนางค่อยเป็นห่วงและอยู่เคียงข้าง คงจะดีกว่าการเป็นอ๋องมู่ที่มีแค่ตำแหน่งใหญ่โต
มู่จวินฮานลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นอันหลิงเกอกลับมาที่เรือนแล้ว เขาก็มิได้ตามนางเข้าไปแต่อย่างใด แค่พาตนเองจากไปเงียบ ๆ เท่านั้น วันนี้เขาอาจเป็นคนที่อันหลิงเกอมิอยากเห็นหน้ามากที่สุดก็ได้
มู่จวินฮานหารู้ไม่ว่าตอนนี้อันหลิงเกอคิดถึงเขามากกว่าผู้ใด
เรื่องในวันนี้เป็นการจัดฉากของเฝิงเยว่เอ๋ออย่างมิต้องสงสัย น่าเสียดายที่ไม่เป็นไปตามที่นางปรารถนา
อันหลิงเกอก็รู้ว่ามู่จวินฮานแค่ถูกหลอกใช้จึงได้ทำเช่นนั้น
มู่จวินฮานจากไปแล้วก็มิได้กลับไปที่เรือนของตนและมิได้ไปหาเฝิงเยว่เอ๋อด้วย เขากลับไปที่ถ้ำน้ำแข็งของอิ่งจืออีกครั้ง เพราะอยากรู้ว่าอิ่งจือคิดอย่างไรกับอันหลิงเกอกันแน่
ระหว่างทางมู่จวินฮานก้าวเดินไปด้วยฝีเท้ามั่นคงจนถึงถ้ำน้ำแข็ง อิ่งจือรับรู้ถึงการมาของเขาได้นานแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอยิ่งนักจึงมิสามารถลุกขึ้นมาได้
ส่วนมู่จวินฮานมิได้ใส่ใจพิธีรีตองอันใดจึงนั่งลงข้างกายของอีกฝ่าย จากนั้นมู่จวินฮานก็มองไปยังอิ่งจือและมิได้มีใครพูดออกมาก่อน
เพราะอิ่งจือรู้จุดประสงค์ที่มู่จวินฮานมาที่นี่ดี แต่มู่จวินฮานเดาความคิดของอิ่งจือมิออก อิ่งจือเห็นดังนั้นจึงยิ้มและเอ่ยทำลายความเงียบเสียก่อน
“ท่านรู้เรื่องของข้าและเผ่าพิษหนอนกู่มากน้อยเพียงใด ? ” อิ่งจือถามแต่มู่จวินฮานส่ายหน้าเพราะมิรู้เรื่องของอิ่งจือเลยแม้แต่น้อย
“ในอดีตเผ่าพิษหนอนกู่คือผู้ปกครองทั่วหล้า” อิ่งจือเอ่ยถึงตรงนี้ก็หัวเราะเยาะออกมาอย่างขมขื่นซึ่งมู่จวินฮานก็รับรู้ความเสียใจได้จากสีหน้าของอีกฝ่าย
“การเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่มีสิ่งใดมิถูกต้องหรือ ? ”
มู่จวินฮานเอ่ยถามขึ้นมาเพราะเขามักได้ยินบรรดาที่ปรึกษาเตือนให้ระวังอิ่งจือไว้ แต่วันนี้สิ่งที่อิ่งจือกล่าวออกมาเหมือนว่ามิได้สนใจบัลลังก์เลย
“อาจจะมีก็ได้ เพียงแต่ผ่านมานานหลายปีจึงมีเรื่องราวเข้ามามากมายเหลือเกิน” อิ่งจือเงยหน้ามองน้ำแข็งบนเพดานถ้ำแล้วนึกถึงคนในตระกูล
“สิ่งที่ท่านได้รับในวันนี้ก็ควรมีความสุขกับมัน” อิ่งจือพูดออกมาอย่างจริงใจเพราะอิจฉามู่จวินฮานยิ่งนัก อิจฉาที่มีอันหลิงเกออยู่ข้างกายและอิจฉาที่มีทุกสิ่งอย่าง
น่าอิจฉาที่สุดก็คือตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองสามีภรรยาต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี มิเคยมีอันใดที่ต้องเสียใจแม้แต่น้อย ส่วนเขา…
เดิมทีมู่จวินฮานมาที่นี่เพื่อต้องการถามอิ่งจือถึงสิ่งที่คิดกับอันหลิงเกอ แต่เมื่อโดนอิ่งจือพูดเรื่องของตัวเองออกมาเช่นนี้ เขาจึงมิทันได้เอ่ยถามและตอนนี้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้
“เจ้าคิดอย่างไรกับเกอเอ๋อกันแน่ ? ” มู่จวินฮานถามอย่างตรงไปตรงมา อิ่งจือได้ยินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนหัวเราะออกมา
“หากบอกว่าข้าและนางเป็นเพียงสหายที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน ท่านอ๋องมู่จักเชื่อหรือไม่ ? ” อิ่งจือมิได้ตอบตามตรง แต่ย้อนถามมู่จวินฮานเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเชื่อใจอันหลิงเกอมากเพียงใด
“เพราะเจ้ามีสิ่งปรารถนาอื่นที่สำคัญกว่านางอยู่” ประโยคนี้ของมู่จวินฮานคล้ายกำลังเตือนอิ่งจือว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสวนทางกับอันหลิงเกอ
“อืม” อิ่งจือมิได้หลบเลี่ยง เขาสบตากับมู่จวินฮานตรง ๆ หลังตอบรับแล้วก็มิได้พูดสิ่งใดออกมาอีก
ทำให้มู่จวินฮานจับทางมิถูกและไม่สามารถข่มอารมณ์ได้
“เช่นนั้นที่เจ้าช่วยนางไว้เพื่ออันใด ? ” มู่จวินฮานมิลืมว่าอิ่งจือได้ช่วยอันหลิงเกอเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนที่นางต่อกรกับเฝิงเยว่เอ๋อก็เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วย
ทว่าครั้งนี้เรื่องใหญ่กว่าทุกครา เพียงเพื่อช่วยอันหลิงเกอปกป้องร่างของฟางหลิงซู่ เขาถึงกับยอมเสียสละมากมายเพียงนี้
แม้มู่จวินฮานรู้ว่าพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เมื่อคิดว่าการที่ยอมเสียสละมากมายเพียงนี้เพื่อปกป้องร่างเพียงร่างเดียว มู่จวินฮานก็อดนึกถึงอันหลิงเกอขึ้นมามิได้
“ข้าช่วยนาง ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยตัวเองด้วย” อิ่งจือมิได้ตอบตามตรง แต่การที่เขาช่วยอันหลิงเกอก็เท่ากับช่วยให้ตำแหน่งของตนมั่นคงไปด้วย
เช่นนี้คนของเผ่าพิษหนอนกู่ที่เหลือก็จะยิ่งเชื่อมั่นและนับถือเขา ต้องมีประโยชน์ในภายภาคหน้าแน่นอน แต่อิ่งจือก็มิได้กล่าวออกมาตามตรง
“ช่างเถิด หากเจ้ากล้าคิดมิซื่อต่อนางแม้เพียงนิด…” มู่จวินฮานมิได้เอ่ยต่อ เขาก็มิรู้ว่าควรจะข่มขู่บุรุษตรงหน้าอย่างไรดี เพราะการข่มขู่มิได้ผลต่อคนผู้นี้
“แล้วอย่างไร ? ” อิ่งจือรู้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานกำลังโมโหอยู่ แต่อยากแกล้งมู่จวินฮานอีกสักหน่อยจึงได้เอ่ยยั่วยุ แต่นึกมิถึงว่ามู่จวินฮานจักส่ายหน้าให้อย่างระอาเท่านั้น
จังหวะที่มู่จวินฮานหันหลังออกไปนั้น อิ่งจือเหมือนเข้าใจความคิดของมู่จวินฮานจึงได้เรียกเอาไว้
ทำให้มู่จวินฮานยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอให้อิ่งจือเอ่ยขึ้นมา
“ใจของนางมีเพียงท่านคนเดียวมาโดยตลอด” คำพูดของอิ่งจือมิรู้ว่าต้องการให้มู่จวินฮานฟังหรือเพื่อย้ำเตือนตัวเองกันแน่ เนื่องจากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาช่างโศกเศร้ายิ่งนัก
มู่จวินฮานชะงักเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกไป มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น รอยยิ้มที่สบายใจเหมือนความรู้สึกที่โล่งใจในตอนนี้
คำพูดที่ได้ยินจากปากของศัตรูหัวใจเมื่อครู่ สำหรับมู่จวินฮานแล้วรู้สึกดียิ่งนัก ทำให้ระหว่างทางกลับจวนก็เอาแต่นึกถึงใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มของอันหลิงเกอ
หลังมู่จวินฮานจากไปแล้ว อิ่งจือยังมองไปยังทิศทางที่มู่จวินฮานออกไปอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เขารู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่อยู่ในใจของอันหลิงเกออย่างแท้จริงและอยู่มาโดยตลอด
เขาจึงมองฟางหลิงซู่ครู่หนึ่งก็เห็นท่าทางของอีกฝ่ายเหมือนคนนอนหลับใหล มิเหมือนคนที่ตายแล้วสักนิด โลงน้ำแข็งนี้ปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดีราวกับว่าอีกฝ่ายแค่นอนหลับอยู่เท่านั้น แม้แต่ใบหน้าก็ไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง
ยามมองฟางหลิงซู่ก็ทำให้อิ่งจือตระหนักได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของตนช่างเหมือนกับอีกฝ่ายเหลือเกิน เพราะพวกเขามีความรู้สึกดีให้แก่อันหลิงเกอมิต่างกัน