พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 662 ทำดีต่อนาง
ตอนที่ 662 ทำดีต่อนาง
ในสายตาของอิ่งจือเห็นอันหลิงเกอเปรียบดั่งดวงตะวันที่สาดแสง นางมักให้ความอบอุ่นแก่เขาอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกเหมือนคนในครอบครัวและคอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดมา
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว อิ่งจือก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขามิเคยมีดวงตะวันของตนมาก่อนและมิเคยได้รับความอบอุ่นเช่นนี้เลย ทว่าตอนนี้มิเหลืออันใดอีกแล้ว
จากนั้นเขาก็ปิดฝาโลงน้ำแข็งของฟางหลิงซู่ลง บุรุษผู้นี้ก็เคยรักอันหลิงเกอมากจนแทบเสียสติกระมัง
จู่ ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องราวระหว่างฟางหลิงซู่และอันหลิงเกอขึ้นมา เขาอยากรู้ว่าเหตุใดผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเยี่ยงฟางหลิงซู่ถึงได้เลือกยอมตายเพื่อนาง
เพราะเขารับรู้เพียงฐานะของฟางหลิงซู่ แต่มิรู้ว่าในเมื่ออีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่งเพียงนี้ เหตุใดจึงตายได้อย่างง่ายดาย
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็มิได้คำตอบ อิ่งจือจึงหลับตาลงและมิคิดเรื่องเหล่านี้อีก แต่เขารู้ว่าหากมีโอกาสจะต้องถามเรื่องทั้งหมดจากปากของอันหลิงเกอให้ได้ เพราะหลายปีมานี้เขาพลาดเรื่องราวต่าง ๆ ไปมิน้อย
ยามนี้อันหลิงเกอหลับไปแล้ว ตอนที่มู่จวินฮานมาหานางยังมิรู้สึกตัว แต่ขณะที่มู่จวินฮานนั่งลงข้างเตียงนั้น อันหลิงเกอก็ลืมตาขึ้นมา
วันนี้นางหลับมิสนิท อาจเพราะปกติมีมู่จวินฮานคอยนอนกอดอยู่ด้านข้างหรืออาจเพราะเรื่องในวันนี้ทำให้นางเป็นกังวล
อย่างไรตอนที่มู่จวินฮานนั่งบนเตียงเมื่อครู่ อันหลิงเกอก็รู้สึกตัวได้เร็วและตื่นขึ้นมาพอดี มู่จวินฮานมองสบดวงตาดำขลับคู่นั้นแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นเตรียมลุกเดินออกไป
เพราะเขาคิดว่าตอนนี้อันหลิงเกอยังมิอยากพบหน้าจึงจะลุกไปด้านนอกและไม่อยากรบกวนการนอนของนางด้วย เขาแค่อยากเห็นหน้านางยามหลับใหลเท่านั้น แต่มินึกว่านางจะรู้สึกตัวตื่นพอดี
“อย่าไปเจ้าค่ะ” ในขณะที่มู่จวินฮานลุกขึ้นนั้น อันหลิงเกอก็ดึงมือเขาไว้ มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่านางกลับดึงมือของเขาไว้มิยอมปล่อย
ส่วนมู่จวินฮานก็รับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่เย็นเฉียบของนาง รับรู้ได้ถึงชีพจรของนาง เขาจึงหันไปมองนางอย่างมิเข้าใจ มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงรั้งไว้เช่นนี้เพราะเขาคิดมาตลอดว่านางมิอยากเห็นหน้าเสียอีก
“จวินฮาน อยู่ที่นี่กับข้าเถิดเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกัดริมฝีปากแน่น สุดท้ายก็เอ่ยออกมาเพราะกลัวว่าคนหัวช้าเยี่ยงมู่จวินฮานไม่มีทางรับรู้ความหมายของนางแน่
มู่จวินฮานได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นท่ามกลางความมืด อันหลิงเกอต้องการให้เขาอยู่ด้วยก็แสดงว่ายังต้องการเขาอยู่ เพียงเท่านี้ก็ทำให้มีความสุขมากแล้ว
ดังนั้นมู่จวินฮานจึงค่อย ๆ ล้มตัวนอนตะแคงข้างแล้วดึงอันหลิงเกอมาไว้ในอ้อมกอด มิรู้เหตุใดเวลานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาเช่นนี้แล้ว อันหลิงเกอสามารถหลับได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังหลับสบายมากด้วย
วันรุ่งขึ้น ตอนที่มู่จวินฮานตื่นขึ้นมา อันหลิงเกอก็แต่งตัวเสร็จแล้ว ทำให้รู้ว่านางคงจะเข้าประชุมพร้อมกันเหมือนทุกครั้ง
เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มู่จวินฮานรู้สึกสุขใจที่มีนางอยู่เคียงข้าง จากนั้นทั้งสองคนก็ลงมือทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนจะออกไปที่โถงประชุม
วันนี้อิ่งจือมิได้เข้าประชุมเพราะต้องฟื้นฟูพลังอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็ง
หากต้องการให้พลังฟื้นคืนได้เร็วก็ต้องพักผ่อนให้มาก การสูญเสียพลังในครั้งนี้สำหรับเขาถือว่ามากจริง ๆ มิเพียงสูญเสียพลังวิญญาณเท่านั้นแต่ยังเป็นการนำภัยมาสู่ตนเองด้วย
อันหลิงเกอมิเห็นอิ่งจือก็อดเป็นห่วงมิได้จึงอาศัยจังหวะที่มู่จวินฮานสนทนากับผู้อาวุโสเพื่อออกไปหาอิ่งจือที่ถ้ำน้ำแข็งเพียงลำพัง
อิ่งจือกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงน้ำแข็ง พวกเผ่าพิษหนอนกู่ล้วนอาศัยอยู่ในสถานที่หนาวเหน็บเพราะความเย็นจะทำให้ฟื้นฟูพลังได้เร็วขึ้นและยังดูดซับพลังได้ดีขึ้นด้วย
อันหลิงเกอมาถึงก็เห็นอิ่งจือนั่งสมาธิอยู่จึงเดินมานั่งที่เก้าอี้หินอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่ออิ่งจือรับรู้ถึงการมาของอันหลิงเกอจึงลุกไปนั่งที่โต๊ะหินกับนาง และเขาก็นึกเรื่องที่สงสัยขึ้นมาจึงเอ่ยปากถามนาง
“เจ้ากับฟางหลิงซู่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ? ” อิ่งจือแสร้งถามราวกับตนเป็นผู้อาวุโส เขามิอยากให้อันหลิงเกอรู้สึกว่าการโดนถามเช่นนี้เพราะสงสัยในตัวนาง แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม
“ข้ากับเขา…” อันหลิงเกอรู้ดีว่าอิ่งจือต้องการถามสิ่งใด แต่ภายในเวลาสั้น ๆ นางก็มิรู้ว่าจะตอบเช่นไร มิรู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อน
“เขารักเจ้า” อิ่งจือกล่าวออกมาอย่างมั่นใจพร้อมจ้องอันหลิงเกอเพื่อรอคำตอบ
“ใช่…เขารักข้า แต่น่าเสียดายที่ข้าทำให้เขาต้องผิดหวัง”
เมื่ออิ่งจือเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก็ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาได้ฉายชัดขึ้นอีกครั้ง
นางจึงค่อย ๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดระหว่างตนกับฟางหลิงซู่ให้อิ่งจือฟัง
รวมถึงเรื่องที่ฟางหลิงซู่เคยช่วยเหลือเช่นไรและจากไปอย่างไร…
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ทว่าได้พูดกับอิ่งจือแล้วนางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา การได้พูดออกมาทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงหรือ ?
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้อิ่งจืออดรู้สึกหวั่นไหวมิได้ เขาฟังอันหลิงเกอเอ่ยไปพลางมองฟางหลิงซู่ที่อยู่ในโลงน้ำแข็งไปด้วย รับรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้มีความรักลึกซึ้งมากเพียงใด
“ในเมื่อเขารู้ตัวดี เหตุใดจึงถูกมู่จวินฮานเอาชนะได้ง่ายดายเพียงนี้ ? ”
“เฝิงเยว่เอ๋อยกข้ามาขู่ ฟางหลิงซู่จึง…ติดกับดัก” อันหลิงเกอมิได้กล่าวต่อ แต่อิ่งจือก็สามารถเข้าใจได้
มิน่าเล่า อันหลิงเกอจึงแค้นเฝิงเยว่เอ๋อมากเพียงนี้ ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นฝีมือของคนที่ดูไร้พิษสงเยี่ยงเฝิงเยว่เอ๋อนี่เอง สตรีผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ถึงขั้นกล้าลงมือใต้จมูกของมู่จวินฮานได้
อิ่งจือมิได้ถามอันใดอีก อันหลิงเกอก็มิได้เล่าต่อ จากนั้นทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบเนิ่นนาน
เป็นอิ่งจือที่ถอนหายใจออกมา นับแต่โบราณมาวีรบุรุษมักพ่ายแพ้ต่อความงามของสตรี คำกล่าวนี่มิได้เกินจริงเลย
แต่เขาคาดมิถึงว่าความรักที่ฟางหลิงซู่มีต่ออันหลิงเกอจักลึกซึ้งเพียงนี้ ถึงขั้นยอมเสียสละชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าโดยมิเสียดาย สตรีผู้นี้มีเสน่ห์มากมายเหลือเกิน
“ความจริงเจ้ามิต้องตำหนิตัวเองหรอก” อิ่งจือเอ่ยทำลายความเงียบ สำหรับอันหลิงเกอแล้วคำพูดเพียงเท่านี้ก็เพียงพอ
“เขาอุทิศตนเพื่อคนที่รัก ส่วนเจ้าก็ควรค่าให้เขายอมเสียสละเช่นกัน” อิ่งจือเอ่ยไปพลางตบที่ไหล่ของอันหลิงเกอเบา ๆ ไปด้วยราวกับสหายที่กำลังปลอบโยนกันอย่างจริงใจ
อันหลิงเกอเงยหน้ามองอิ่งจือ ดวงตาของนางคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมไหลรินได้ทุกเมื่อ
อันหลิงเกอเห็นอิ่งจือจ้องตนอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ก็อดตกตะลึงมิได้
อิ่งจือมิรู้เลยว่าได้มองอันหลิงเกอด้วยแววตาลึกซึ้งเพียงใด นางก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“ข้าคิดมากไปเอง” อิ่งจือเห็นท่าทีตกตะลึงของอันหลิงเกอจึงได้สติอีกครั้งก่อนจะยิ้มเยาะออกมา
ตอนนี้อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรกล่าวถึงสิ่งที่คาดเดาออกมาหรือไม่ อย่างไรมันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น หากพูดออกมาแล้วกลายเป็นให้ความหวังต่ออิ่งจือ ภายภาคหน้าอาจทำให้เขาผิดหวังได้
“มิเป็นไร เมื่อครู่ข้าพูดกับเจ้าถึงไหนแล้ว” อันหลิงเกอจึงเปลี่ยนเรื่องคุย แต่นางรู้สึกอึดอัดจนต้องเอ่ยถึงเรื่องของฟางหลิงซู่อีกครั้งเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ