พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 665 ดูดซับกำลังภายใน
ตอนที่ 665 ดูดซับกำลังภายใน
เดิมทีพลังชีวิตของอันหลิงเกอก็ทรงกำลังอยู่แล้วเมื่อรวมเข้ากับกำลังภายในที่แข็งแกร่งของมู่จวินฮานจึงทำให้ตอนนี้อิ่งจือดูดซับกำลังภายในได้มิน้อย
ส่วนทั้งคู่ยังมิรู้ตัวว่ากำลังภายในถูกดูดซับออกไป เคล็ดวิชานี้ตราบใดที่อิ่งจือยังมินำกำลังภายในที่ได้รับไปใช้ มู่จวินฮานและอันหลิงเกอก็ไม่มีทางรู้ตัวเด็ดขาด
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความสุข หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของความสุขนี้มีแผนการชั่วร้ายซุกซ่อนอยู่
มู่จวินฮานอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอวันแล้ววันเล่า ส่วนนางเองก็ยิ่งชอบสวนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะที่นี่นางเหมือนได้พบความสุขที่เคยมีร่วมกับมู่จวินฮานในอดีตอีกครั้ง ทำให้ตอนนี้ได้อยู่ในที่สงบสุขแล้วทั้งสองจึงรับรู้ถึงความสงบที่หายไปนาน
มู่จวินฮานยังยุ่งกับงานราชการทุกเมื่อเชื่อวัน ส่วนอันหลิงเกอก็ยังไปหาอิ่งจือที่ถ้ำน้ำแข็งเป็นครั้งคราว ในบางเวลาที่นางรู้สึกเบื่อก็จะไปเยี่ยมฟางหลิงซู่และสนทนากับอิ่งจือ ส่วนชาที่นางชื่นชอบตอนนี้ก็มีติดเรือนไว้เช่นเดียวกันจึงมิค่อยได้มาดื่มชากับอิ่งจือทุกวันอีก
อิ่งจือมิรู้ว่าเหตุใดก็รู้สึกใจหายขึ้นมา เมื่อบัดนี้อันหลิงเกอมิค่อยมาหาและเอาแต่เล่นหมากล้อมพลางชมจันทร์กับมู่จวินฮานที่สวนทุกวัน
ทุกครั้งที่อิ่งจือเห็นทั้งสองคนมีความสุข ภายในใจมักรู้สึกโศกเศร้าและหดหู่ ทว่าทั้งหมดก็เป็นเพราะตัวเองทั้งนั้น ยังจะทำอันใดได้ ?
เมื่อก่อนอันหลิงเกอมาที่นี่ทุกวัน มาทานอาหาร ดื่มชาและพูดคุยกับเขาอย่างสนุกสนาน แต่ตอนนี้นางกับเขามิได้พบกันนานแล้ว นางมิใช่อันหลิงเกอที่ต้องการเขาอยู่เป็นเพื่อนอีกต่อไป
เพราะนางกลับไปอยู่ข้างกายมู่จวินฮานอีกครั้ง ทำให้เขามิเป็นที่ต้องการอีก ด้วยเหตุนี้ใจของอิ่งจือจึงรู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่ขณะที่เขาจะเปลี่ยนใจล้มเลิกแผนการก็นึกถึงคนในตระกูลขึ้นได้
เขาจึงกลับมาตั้งใจแน่วแน่อีกครั้ง ต้องทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลแล้วจักละทิ้งทุกอย่างเพื่ออันหลิงเกอได้เยี่ยงไร
วันนี้อันหลิงเกอมาที่ถ้ำน้ำแข็งก็เห็นอิ่งจือกำลังใจลอยอยู่ นางจึงลอบถอนหายใจออกมา นางรู้ว่าหลายวันนี้มิได้มาเยี่ยมเขาจึกรู้ว่าตนเห็นแก่ตัวมากเหลือเกิน
อันหลิงเกออดรู้สึกผิดมิได้เพราะก่อนที่เขาจักมอบสวนสมุนไพรให้ นางเคยมาที่นี่แทบทุกวัน ระหว่างทั้งสองคนเคยมีความสุขกันมาก เพียงแต่ตอนนี้เมื่อนางได้อยู่กับมู่จวินฮานก็ทำให้ละเลยหลายเรื่องไป
ส่วนอิ่งจือเมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอและมู่จวินฮานยังมิรู้ถึงหลุมพรางที่วางเอาไว้ก็รู้สึกเบาใจ แต่พอนึกถึงสิ่งที่กระทำต่ออีกฝ่ายโดยเฉพาะอันหลิงเกอที่เป็นผู้บริสุทธิ์ก็ทำให้รู้สึกผิดมิน้อย น่าเสียดายที่การได้บัลลังก์คืนมาเขาจำเป็นต้องทรยศต่อความไว้ใจของนาง
อันหลิงเกอมิได้ล่วงรู้ความในใจของอิ่งจือ เมื่อเห็นเขานิ่งไปจึงมิอยากรบกวน นางได้แต่นั่งด้านข้างเช่นนั้นอยู่พักใหญ่ อิ่งจือที่รู้สึกตัวจึงอยากหลบเลี่ยงสายตาของนางเพราะตอนนี้มิรู้ว่าควรเผชิญหน้ากับนางเช่นไร
“อิ่งจือ ช่วงนี้ข้ามิได้มา…” ในที่สุดอันหลิงเกอก็เริ่มพูดก่อน นางคิดว่าที่อิ่งจือนิ่งไปเมื่อครู่เพราะไม่พอใจที่หลายวันมานี้นางหายหน้าไปเท่านั้น
ทั้งก่อนหน้านี้อิ่งจือได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่แก่นาง พอได้รับแล้วนางกลับมิไม่ได้สนใจเขาอีก นั่นถือเป็นการเสียมารยาทยิ่งนัก ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกผิดต่อเขามิน้อย
“มิเป็นไร เมื่อครู่ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่เท่านั้น” อิ่งจือตอบเสียงเรียบ เขาตระหนักได้ว่าควรรักษาระยะห่างจากอันหลิงเกอเอาไว้ ภายหน้าจึงสามารถลงมือได้โดยมิลังเล
ซึ่งอันหลิงเกอก็รู้สึกถึงความห่างเหินของอิ่งจือ สีหน้าของนางจึงดูหดหู่ อิ่งจือที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของนางเช่นนั้นแม้รู้สึกสงสารแต่ก็ต้องกัดฟันทน
อันหลิงเกอเห็นว่าเขามิได้สนใจตนเท่าไรนักจึงลุกขึ้นและเดินออกไป ทิ้งให้อิ่งจืออยู่ในถ้ำน้ำแข็งเพียงลำพัง เขารู้สึกได้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว
อดีตเขาอยู่ที่นี่คนเดียวก็มิเห็นเป็นไร ทว่าตั้งแต่มีอันหลิงเกอมาคอยอยู่เป็นเพื่อน เขาก็มิคุ้นเคยกับการต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว
แต่หากต้องการบรรลุในสิ่งที่ปรารถนา นี่คือสิ่งที่เขาต้องทนให้ได้
อิ่งจือยังมิรู้ว่าแท้จริงแล้วในใจของเขาต้องการสิ่งใดแน่และเขาก็มิรู้ว่าแม้ได้รับมากมายเพียงใด สิ่งที่สูญเสียไปคือคนที่เขารู้สึกดีด้วยมากที่สุด
เมื่ออันหลิงเกอกลับไปได้มินาน มู่จวินฮานก็มาหาอิ่งจือที่ถ้ำน้ำแข็ง เดิมทีเขาอยากมาขอบคุณอิ่งจือเรื่องสวนสมุนไพร แต่เจ้าบ้านกลับไม่รับแขก เพราะตอนนี้อิ่งจือมีเป้าหมายที่ชัดเจน ดังนั้นจึงใจอ่อนมิได้เด็ดขาด
เนื่องจากมู่จวินฮานก็นับว่าเป็นคนดีมากคนหนึ่ง หากมิได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเช่นนี้ เขาคงไม่มีทางทำร้ายอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ยิ่งมิอาจใจอ่อน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของมู่จวินฮานเดินจากไปแล้ว อิ่งจือก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างเงียบสงบ ก่อนหน้านี้อันหลิงเกอมักกลัวว่าจะมารบกวนเขา แต่หารู้ไม่ว่าการมาของนางทำให้โลกของเขาสว่างไสวมากเพียงใด
อันหลิงเกอกลับถึงเรือนได้มินานก็ได้ยินสาวใช้รายงานว่าเฝิงเยว่เอ๋อมาหา ตั้งแต่นางย้ายมาอยู่ที่สวนสมุนไพรก็ไม่มีผู้ใดมาเยี่ยม เฝิงเยว่เอ๋อจึงถือเป็นแขกคนแรกและอันหลิงเกอก็ยกยิ้มก่อนจะบอกให้สาวใช้ไปเชิญนางเข้ามา
การพบเฝิงเยว่เอ๋อครั้งนี้ทำให้อันหลิงเกอตกตะลึงมากเพราะอีกฝ่ายดูโทรมราวกับเป็นคนละคน เมื่อก่อนเฝิงเยว่เอ๋อมักดูงดงามเสมอ มิเคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้มาก่อน
“พี่สาว” ทันทีที่เอ่ยปากเฝิงเยว่เอ๋อก็ลดฐานะของตนลงทันที นางยอมเรียกอันหลิงเกอว่าพี่สาวเช่นนี้จึงทำให้มุมปากของอันหลิงเกออดยกยิ้มขึ้นมามิได้ เกรงว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน
“มิต้องหรอก เจ้าเรียกชื่อข้าก็พอ ทว่าเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดจึงดูมิสู้ดีเช่นนี้ ? ” อันหลิงเกอรู้ดีว่าเฝิงเยว่เอ๋อคงอยากให้ถามถึงความเป็นไปในช่วงนี้ เพื่อจะได้แสดงละครต่อ อันหลิงเกอจึงเล่นไปตามแผนที่อีกฝ่ายวางเอาไว้เพื่อดูว่าเฝิงเยว่เอ๋อคิดสิ่งใดอยู่
เฝิงเยว่เอ๋อเห็นท่าทีห่างเหินของอันหลิงเกอก็ชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีนางคิดว่าการยอมลดตัวลงมาจักทำให้อันหลิงเกอรู้สึกทะนงตนและเผยนิสัยอวดดีออกมา แต่คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเช่นนี้เสียได้
“อันหลิงเกอ”
อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าอีกฝ่ายตั้งใจตีสนิทกับตนเพียงนี้ ถึงขั้นเลียนแบบท่าทางของมู่จวินฮานเวลาเรียกชื่อนางด้วย
อันหลิงเกอยังมิทันได้ตอบโต้อันใด เฝิงเยว่เอ๋อก็ฟุบลงกับโต๊ะแล้วเริ่มร้องห่มร้องไห้ มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดกว่าจะเงยหน้าขึ้นพร้อมใช้แขนเสื้อซับน้ำตาเองเบา ๆ
เมื่อเห็นคราบน้ำตาบนโต๊ะและดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่าย อันหลิงเกอก็อดอุทานออกมามิได้ การแสดงช่างมิธรรมดา สามารถบีบน้ำตาได้ยาวนานและสมจริงเช่นนี้ ช่างน่านับถือยิ่งนัก
ตอนนี้ใบหน้าของอันหลิงเกอยังมีรอยยิ้มประดับเอาไว้และสีหน้ายังแฝงการชื่นชมอีกด้วย ทำให้เฝิงเยว่เอ๋อมองมิออกว่านางกำลังคิดอันใดอยู่แน่จึงหยุดร้องไห้และมิได้กล่าวอันใดอีก
“เมื่อครู่เจ้ายังพูดมิจบ” หากมิใช่เพราะอันหลิงเกอเอ่ยเตือนขึ้นมาก็เกรงว่าการแสดงของเฝิงเยว่เอ๋อคงสิ้นสุดแค่ตรงนี้เสียแล้ว อันหลิงเกอถอนหายใจและในเมื่อจะเป็นคนดีแล้วก็ต้องเป็นให้ถึงที่สุดจึงช่วยอีกฝ่ายเล่นละครต่อจนจบ