พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 666 การยั่วยุของเฝิงเยว่เอ๋อ
ตอนที่ 666 การยั่วยุของเฝิงเยว่เอ๋อ
ชีวิตในจวนช่างน่าเบื่อยิ่งนัก เฝิงเยว่เอ๋อคอยหาความสนุกมาให้เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
อันหลิงเกอมองท่าทีลังเลของอีกฝ่ายและเฝ้ารอให้เฝิงเยว่เอ๋อเอ่ยปากออกมา
“อันหลิงเกอ ท่านอยากรู้เรื่องของฟางหลิงซู่หรือไม่ ? ” เฝิงเยว่เอ๋อแสร้งเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน เมื่อได้ยินนางพูดถึงฟางหลิงซู่เช่นนี้ ดวงตาของอันหลิงเกอก็เปล่งประกาย
“ท่านรู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ผู้ใดลงมือทำร้ายเขา แล้วรู้หรือไม่ว่าผู้ใดทำให้เขามีสภาพเยี่ยงทุกวันนี้ ? ” เฝิงเยว่เอ๋อเห็นอันหลิงเกอเริ่มมีท่าทีหวั่นไหวจึงได้กล่าวต่อ
“เรื่องนี้ข้ามิรู้” อันหลิงเกอรู้ว่าตอนนี้เฝิงเยว่เอ๋อคงมิได้โง่ถึงขั้นใส่ความมู่จวินฮานแน่ อย่างไรตอนนี้นางและมู่จวินฮานก็กลับมารักกันดังเดิมแล้ว หากเฝิงเยว่เอ๋อคิดทำอันใดโง่ ๆ ก็อาจเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
“เรื่องนี้…อย่าไปเอ่ยถึงมันเลย แต่พี่สาวอยากรู้วิธีช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาหรือไม่เจ้าคะ ? ” เฝิงเยว่เอ๋อแสร้งมีลับลมคมในและมิยอมบอกอันหลิงเกอว่าผู้ใดที่ทำร้ายฟางหลิงซู่ อันหลิงเกอก็มิได้ซักไซ้ แต่พอได้ยินว่าเฝิงเยว่เอ๋อรู้วิธีทำให้ฟางหลิงซู่ฟื้นขึ้นมาได้อันหลิงเกอก็รู้สึกตกใจ
“สามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้หรือ ? ” อันหลิงเกอรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งจึงเอ่ยถามโดยลืมไปแล้วว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือเฝิงเยว่เอ๋อ
เฝิงเยว่เอ๋อเห็นท่าทางตื่นเต้นของอันหลิงเกอก็รู้ได้ว่ากำลังหวั่นไหว
“หลายวันมานี้ข้าได้ยินเหล่าที่ปรึกษาของท่านอ๋องคุยกันว่าเลือดของอิ่งจือสามารถช่วยฟางหลิงซู่ให้ฟื้นขึ้นมาได้ พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน หากสังหารเขาแล้วนำเลือดมาช่วยฟางหลิงซู่ ข้าเชื่อว่าเขาคงมิปฏิเสธแน่เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอฟังจบก็ใจกระตุกขึ้นมา นางไม่มีทางทำเช่นนั้นเพราะอิ่งจือเป็นสหายที่ดีคนหนึ่ง
แต่เฝิงเยว่เอ๋อมิได้รู้ว่ามิตรภาพของทั้งสองลึกซึ้งถึงเพียงนี้จึงคิดตื้นเขินออกมา นางคิดเพียงว่าอันหลิงเกอต้องทำตามที่บอกอย่างแน่นอน
เฝิงเยว่เอ๋อคิดว่าหากสามารถกำจัดอิ่งจือได้ก็จะเป็นการสร้างผลงานให้ตน อย่างไรพวกที่ปรึกษาก็อยากกำจัดเขามานานแล้ว หากนางสามารถกำจัดเขาได้ ต่อไปนางก็จะได้รับการสนับสนุนจากพวกที่ปรึกษาแน่นอน
“เมื่อครู่เจ้ายังมิได้บอกข้าถึงสาเหตุที่เจ้าดูโทรมเพียงนี้เลย” อันหลิงเกอมิได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนไปถามเรื่องของอีกฝ่ายแทน
แท้จริงแล้วที่เฝิงเยว่เอ๋อมีสภาพเช่นนี้ก็แค่ต้องการให้อันหลิงเกอเห็นใจ เดิมทีคิดว่าหากพูดเรื่องฟางหลิงซู่ขึ้นมาแล้วอันหลิงเกอคงมิสนใจนางอีก แต่คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอยังต้องการคำตอบอยู่ดี
“ช่วงนี้ท่านอ๋องมิได้มาหาข้าหลายวันแล้วเจ้าค่ะ” แม้เป็นจริงดั่งที่นางกล่าวมา แต่อันหลิงเกอก็ยังมิเข้าใจอยู่ดี ก็แค่มู่จวินฮานไม่ไปหา เฝิงเยว่เอ๋อถึงขั้นปล่อยตัวให้โทรมเพียงนี้เชียวหรือ
แต่อันหลิงเกอรู้อยู่แล้วว่าที่เฝิงเยว่เอ๋อกล่าวเมื่อครู่เป็นแค่การโกหกเท่านั้นจึงมิได้ซักไซ้ต่อ เพียงรินชาแล้วยกขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เฝิงเยว่เอ๋อเห็นอันหลิงเกอดื่มชาก็รู้สึกกระหายขึ้นมาโดยมิรู้ตัว แต่อันหลิงเกอมิคิดที่จะรินชาให้ จนเฝิงเยว่เอ๋อทนความกระหายมิไหวจึงฉวยหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะแล้วรินให้ตนเองเสียเลย
ส่วนอันหลิงเกอที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก ท่าทางที่เคยวางอำนาจของเฝิงเยว่เอ๋อ บัดนี้ต้องเก็บซ่อนไว้จนหมดสิ้น
ทว่าในตอนนั้นเอง ทันทีที่เฝิงเยว่เอ๋อดื่มชาเข้าไปก็สำลักจนพ่นน้ำชาออกมาจนหมด อันหลิงเกอมองท่าทางไร้มารยาทของอีกฝ่ายแล้วก็มิได้ตำหนิ แค่แสร้งทำเป็นห่วงใยเท่านั้น
“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอมิคุ้นชินกับการเรียกพี่สาวน้องสาวระหว่างพวกนาง ทั้งยังมิชอบใช้คำเรียกที่ดูสนิทสนมเช่นนั้นกับเฝิงเยว่เอ๋อด้วย อย่างไรความแค้นใหญ่หลวงก็ยังมิได้สะสางแล้วจักให้อ่อนโยนต่อกัน อันหลิงเกอทำมิได้จริง ๆ
“นี่ นี่มันชาอันใด ! ” เฝิงเยว่เอ๋อคิดเพียงว่าอันหลิงเกอตั้งใจกลั่นแกล้งจึงโมโหและอาละวาดขึ้นมา อันหลิงเกอเห็นท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ในที่สุดนางจิ้งจอกก็โผล่หางออกมาจนได้
“ทำไมหรือ ? ” อันหลิงเกอแสร้งมิเข้าใจ ที่จริงแล้วมีหลายคนมิชอบรสชาติของชาสมุนไพรนี้ มู่จวินฮานก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะเขารู้สึกว่าชานี้รสชาติค่อนข้างขม
แต่อันหลิงเกอชื่นชอบชานี้มาก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเฝิงเยว่เอ๋อแล้ว นางก็เข้าใจได้ ซึ่งท่าทางเมื่อครู่ทำให้อันหลิงเกออดนึกขันมิได้
“นี่ นี่…เจ้าแกล้งข้าหรือ ! ” ตอนนี้สีหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อมิสู้ดีเอาเสียเลย เดิมทีวันนี้นางก็ไม่ได้แต่งหน้าและเกล้าผมมาแบบลวก ๆ ทั้งยังสวมชุดเรียบง่ายเท่านั้นจึงทำให้สภาพของนางมิน่ามองอย่างยิ่ง หากบอกว่าก่อนหน้านี้นางดูโทรมแล้วล่ะก็ตอนนี้ราวกับเป็นหญิงเสียสติก็มิปาน
“ข้าแกล้งเจ้าอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อครู่อันหลิงเกอมิได้รินชาให้ก็เพราะรู้ดีว่าเฝิงเยว่เอ๋อต้องมิชอบรสชาติเช่นนี้ อันหลิงเกอหาใช่คนคิดเล็กคิดน้อยไม่ เหตุใดจะถือเรื่องตำแหน่งสูงต่ำจนถึงขั้นไม่ยอมรินชาให้ดื่มกันเล่า
“เจ้า เจ้ากล้านำชาที่พวกชั้นต่ำดื่มมาให้ข้าหรือ ! ” เฝิงเยว่เอ๋อโมโหขึ้นมาทันที นางเกลียดกลิ่นหอมเย็นเช่นนี้ที่สุด มันทำให้สำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมา
“พวกชั้นต่ำดื่มกันหรือ ? เจ้าหมายความว่าข้าเป็นพวกชั้นต่ำหรือไร ? ” มู่จวินฮานที่เดินเข้ามาก็ได้ยินคำพูดและน้ำเสียงเหยียดหยามของเฝิงเยว่เอ๋อเข้าพอดี
“ท่านอ๋อง…” เฝิงเยว่เอ๋อเห็นมู่จวินฮานเดินเข้ามาก็รีบคำนับ แต่พอนึกถึงหน้าตาของตนจึงรีบจัดแจงลูบหน้าลูบตาแต่กลายเป็นว่าทำให้ขายหน้ายิ่งกว่าเดิม
“ช่างเถิด เจ้าออกไปได้” มู่จวินฮานก็มิอยากให้อันหลิงเกอไม่พอใจจึงโบกมือไล่เฝิงเยว่เอ๋อ เรื่องในครั้งนี้มิเพียงเฝิงเยว่เอ๋อไม่บรรลุเป้าหมายแล้วยังทำให้ตัวเองขายหน้าด้วย
นางจึงได้แต่กระทืบเท้าก่อนเดินออกไป ทว่าเพราะสะบัดตัวแรงจึงทำให้ปิ่นที่อยู่บนศีรษะหลุดร่วงจนสภาพผมยิ่งดูน่าเวทนาขึ้นไปอีก สภาพของนางตอนนี้มองมิออกเลยว่าคือเฝิงเยว่เอ๋อที่น่าหลงใหลผู้นั้น
ส่วนมู่จวินฮานหาได้สนใจนางไม่ เขาหยิบผ้าแห้งบนโต๊ะขึ้นมาช่วยอันหลิงเกอเช็ดคราบน้ำชาที่เฝิงเยว่เอ๋อพ่นไว้เมื่อครู่ ก่อนจะมองอันหลิงเกอด้วยแววตาที่อ่อนโยนแล้วดึงให้นางนั่งลงด้วยกัน
“ชานั้นคงเย็นเกินไป นางจึงเสียมารยาทเช่นนี้” มู่จวินฮานพูดอธิบายต่ออันหลิงเกอ เขาคิดว่านางอาจเข้าใจผิดเฝิงเยว่เอ๋อจึงได้ช่วยอธิบายแทน
เมื่อได้ยินมู่จวินฮานช่วยอธิบายเช่นนี้ ในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกขบขันมิน้อย ดูท่าแล้วตนคงแกล้งเฝิงเยว่เอ๋อทางอ้อมมากจริง ๆ แต่หากเทียบกับแผนการโหดเหี้ยมของอีกฝ่ายแล้ว สิ่งที่นางทำถือเป็นการลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น
“นางมิได้เสียมารยาทต่อหน้าข้าแค่ครั้งสองครั้งหรอกเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอยามเอ่ยออกมาราบเรียบแต่มู่จวินฮานคิดเพียงว่านางอาจจะโมโหอยู่
ความจริงแล้วอันหลิงเกอแค่นึกถึงพฤติกรรมของเฝิงเยว่เอ๋อก่อนหน้านี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าไร้ทางเยียวยาแล้วจริง ๆ เฝิงเยว่เอ๋อเปรียบดั่งสัตว์ป่าที่สอนได้ยากยิ่งนัก