พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 687 ถูกชะตา
ตอนที่ 687 ถูกชะตา
“อืม…อาจจะตื่นขึ้นในอีกมิกี่วันข้างหน้าก็ได้เจ้าค่ะ” ความจริงแล้วอันหลิงเกอก็ยังมิแน่ใจนัก แต่นางมีความหวังว่าบุตรจะตื่นขึ้นมาในเร็ววัน นางจึงเลือกพูดแต่สิ่งดี ๆ
“มิต้องกังวลไปหรอก เขาต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน” มู่จวินฮานเชื่อว่าบุตรจะต้องปลอดภัย
“อืม ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสียทีเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกล่าวไปพลางเอนซบไหล่ของมู่จวินฮานไปด้วย ก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ถึงตอนนั้นพวกเราไปรับบุตรทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ”
มิว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่อันหลิงเกอเป็นห่วงมาก เพราะไม่อยากให้บุตรอยู่กับมู่เหล่าหวางเฟยอีกต่อไป
มู่จวินฮานจะมิเข้าใจจิตใจของนางได้เยี่ยงไร เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่นางบอกเพราะไม่รู้ว่าบุตรคนเล็กจะตื่นขึ้นเมื่อไร พวกเขาไม่สามารถคาดเดาเวลาที่แน่นอนได้
อาจสองสามวันหรือสองสามเดือน ตอนนี้พวกเขามิสามารถที่จะบอกได้เพราะบุตรคนเล็กคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือน ร่างกายจึงอ่อนแอมาก
ทว่าทั้งสองก็ยังมีความหวัง อย่างไรเด็กคนนี้ก็เป็นบุตรแท้ ๆ จึงได้แต่หวังว่าจักตื่นขึ้นมาโดยเร็ว
คืนนี้หลังจากที่อันหลิงเกอและมู่จวินฮานทานมื้อเย็นเสร็จแล้วก็มิได้รีบเข้านอนแต่ออกไปนอกจวนด้วยกันเพื่อเดินเล่นในป่า
เนื่องจากอันหลิงเกอมิได้เห็นโลกภายนอกมานานมากแล้ว การได้เห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามและแสงหิ่งห้อยระยิบระยับเช่นนี้ทำให้จิตใจของนางรู้สึกสงบอย่างมิเคยเป็นก่อน บางทีอาจเพราะถูกกักอยู่ในจวนมานานเมื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์นอกจวนบ้างจึงมีความสุขยิ่งนัก
“เกอเอ๋อ สักวันหนึ่งข้าจักพาเจ้าออกไปจากจวนและไปจากความวุ่นวายเหล่านี้ให้ได้”
อันหลิงเกอพยักหน้ารับเพราะนางก็เฝ้ารอวันนั้นเช่นกัน
ตอนที่อันหลิงเกอและมู่จวินฮานกลับมาก็ดึกมากแล้ว
พลันความอิสระข้างนอกเมื่อครู่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว พวกนางยังต้องแบกรับภาระหน้าที่และกลับมายังจวนแห่งนี้อีกครั้ง
แต่ทั้งคู่มิได้สังเกตว่าเมื่อครู่มีคนได้ยินบทสนทนาของพวกตน เพราะตอนที่ออกไปข้างนอกได้มีที่ปรึกษาคนหนึ่งแอบตามไปด้วย เนื่องจากกลัวว่ามู่จวินฮานจักละทิ้งทุกอย่างไป เมื่อถึงตอนนั้นจวนอ๋องมู่ก็ไร้ผู้นำ
นี่ก็คือสิ่งที่มู่เหล่าหวางเฟยกลัวเหลือเกิน
เดิมทีเมื่อเห็นว่าพวกนางมิได้ไปไหนไกลจึงไว้วางใจ แต่ขณะที่กำลังหมุนตัวกลับก็ได้ยินเรื่องที่ทั้งสองวางแผนจะไปจากแห่งนี้จวนจึงได้หยุดฟังต่อ
ทางด้านมู่จวินฮานและอันหลิงเกอเมื่อกลับถึงก็ล้างหน้าล้างตาเพื่อเข้านอนทันที กลางดึกอันหลิงเกอหลับหลับตื่นตื่นอยู่หลายรอบเพราะมีลางสังหรณ์เหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจึงนอนมิหลับ
มู่จวินฮานก็รู้สึกได้ถึงความกังวลของนางจึงดึงนางเข้ามากอดและห่มผ้าให้อีกครั้ง
อันหลิงเกอที่ถูกมู่จวินฮานกอดเอาไว้ พอรับรู้ถึงการกระทำของเขาแล้วในใจก็รู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก แม้ตอนนอนเขาก็ยังเป็นห่วงนางเช่นนี้ จักมิให้รักเขาได้เยี่ยงไร
อันหลิงเกอพลิกตัวอีกครั้ง เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงหลับไป ทว่าในความฝันนางก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ความหวาดกลัวทั้งหลายประดังเข้ามา มิว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลบพ้น
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมาอันหลิงเกอยังคงหลับใหลอยู่ ส่วนมู่จวินฮานตื่นนอนแล้ว เมื่อเห็นอันหลิงเกอพลิกตัวไปมาอย่างไม่เป็นสุข เขาจึงดึงนางเข้ามากอดอีกครั้งแล้วค่อย ๆ ลูบที่แผ่นหลังของนาง
อันหลิงเกอคล้ายรับรู้ได้ถึงการปลอบโยนของมู่จวินฮาน เมื่อหาตำแหน่งที่สบายในอ้อมกอดของเขาได้แล้วจึงหลับไปอีกรอบ ส่วนมู่จวินฮานเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทแล้วจึงออกไปประชุม
ส่วนอันหลิงเกอคาดมิถึงว่าตนจักนอนหลับยาวจนถึงยามอู่ พอลืมตาขึ้นหลิงเอ๋อก็มาอยู่ข้างเตียงแล้ว ดวงตากลมโตสองข้างกะพริบขึ้นลงขณะจ้องมองนาง ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกขบขันกับท่าทางของหลิงเอ๋อยิ่งนัก นางจึงพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง
จากนั้นก็พบว่าอาหารกลางวันถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว นางเหลือบมองไปที่ผ้ากันเปื้อนของหลิงเอ๋อและอดประทับใจมิได้ หลิงเอ๋อทำของเหล่านี้เพื่อตนหรือ
“วันนี้ท่านอ๋องออกไปข้างนอกจึงเหลือเพียงท่านกับข้า หมิงซินและปี้จูที่เฝ้าอยู่ทั้งคืนก็เหนื่อยล้าเต็มที ข้าจึงลงมือทำอาหารเอง พี่สาวลองทานว่าพอได้หรือไม่ อืม…ถือเป็นการตอบแทนข้าวในกระบอกไม้ไผ่ของท่านวันนั้นเจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อพูดตะกุกตะกักคล้ายต้องการประจบอันหลิงเกอแต่ก็มิกล้าที่จะพูดตามตรง นางอึกอักอยู่นานกว่าจะพูดจบ อันหลิงเกอจึงลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งตรงโต๊ะอาหารก่อนจะทานข้าวพร้อมหลิงเอ๋อ
“เหตุใดวันนี้ท่านอ๋องมิกลับมา ? ” อันหลิงเกอนึกขึ้นได้กะทันหัน เมื่อครู่หลิงเอ๋อบอกว่าวันนี้มู่จวินฮานมิกลับมาเพราะปกติมู่จวินฮานจักมาทานข้าวกับนางทุกวัน เหตุใดวันนี้จึงมิอยู่ ?
“ดูเหมือนท่านอ๋องจะออกไปข้างนอกกับเหล่าที่ปรึกษาเจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อค่อนข้างสนิทสนมกับเหล่าสาวใช้จึงรู้ข่าวอย่างรวดเร็วและแจ้งแก่อันหลิงเกอ
อันหลิงเกอได้ฟังก็พยักหน้าและมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก แค่นั่งทานข้าวกับหลิงเอ๋อเงียบ ๆ เห็นอีกฝ่ายทานอย่างเอร็ดอร่อย อันหลิงเกอจึงพลอยทานข้าวได้มากไปด้วย
“พี่สาว อร่อยหรือไม่เจ้าคะ ? ” ทุกครั้งที่อันหลิงเกอตักอาหาร หลิงเอ๋อจะมองตามอันหลิงเกออย่างมีความหวังและกำลังรอคำตอบจากอันหลิงเกอ
แน่นอนทุกครั้งอันหลิงเกอก็จะตอบว่าอร่อย ทำให้หลิงเอ๋อมีความสุขมาก
เนื่องจากหลิงเอ๋อไม่มีครอบครัวจึงไม่เคยรับรู้ถึงการถูกยอมรับจากผู้อื่นมาก่อน เมื่อได้อยู่กับอันหลิงเกอแล้วทุกอย่างก็มีความสุขไปหมด
หลังทานข้าวเสร็จแล้วอันหลิงเกอที่เพิ่งตื่นได้มินานจึงไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างใด นางจึงพาหลิงเอ๋อมาที่ป่าไผ่เพราะสัญญาว่าจะสอนหลิงเอ๋อทำข้าวในกระบอกไม้ไผ่
ทำให้หลิงเอ๋อรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ในสายตาอันหลิงเกอเห็นว่านางน่ารักเป็นอย่างมาก
มินานก็ได้กระบอกไม้ไผ่มา แต่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วทั้งสองจึงรีบตรงไปที่ห้องครัว จากนั้นอันหลิงเกอก็สอนหลิงเอ๋อที่เดิมทีทำได้เพียงอาหารง่าย ๆ เท่านั้น มิได้รู้เรื่องอาหารเลิศรสเลย
เพราะนางยังเด็ก แม้เกิดในครอบครัวธรรมดาแต่ก็มิเคยทำงานหนักมาก่อน
อันหลิงเกอจึงค่อย ๆ สอนตั้งแต่การล้างข้าว ส่วนหลิงเอ๋อก็ตั้งใจเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น
หลังพยายามอยู่นาน ข้าวในกระบอกไม้ไผ่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พวกนางจึงกลับไปที่ห้องของอันหลิงเกอ ด้านมู่จวินฮานก็กลับมาแล้วกำลังรออันหลิงเกออยู่ หลิงเอ๋อเห็นดังนั้นจึงเตรียมออกไปแต่อันหลิงเกอรั้งนางเอาไว้
“อาหารเพิ่งทำเสร็จ เจ้าจักไปไหนหรือ ? ” คำพูดของอันหลิงเกอทำให้หลิงเอ๋อซาบซึ้งใจยิ่งนัก คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะให้นางนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาด้วย นางจึงนั่งลงอย่างดีใจ
“พี่สาว ต่อไปข้าขอมาทานข้าวกับท่านและท่านอ๋องอีกได้หรือไม่เจ้าคะ ? ” ใบหน้าของหลิงเอ๋อเต็มไปด้วยความหวังขณะจ้องไปยังอันหลิงเกอ
“ย่อมได้อยู่แล้ว” อันหลิงเกอมิอยากให้หลิงเอ๋อมองเป็นคนนอกเพราะตอนนี้นางถือว่าหลิงเอ๋อเป็นน้องสาวแล้วจริง ๆ
เพราะหลิงเอ๋ออายุน้อยกว่านางมาก ดังนั้นจึงมีนิสัยเช่นเด็กสาวทั่วไป ช่วงเวลาที่ได้ดูแลอีกฝ่ายเช่นนี้ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกเหมือนมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
เดิมทีนางไม่มีพี่น้องที่สนิทกันมากนัก เมื่อตอนนี้ได้พบหลิงเอ๋อจึงรู้สึกถูกชะตาด้วยมิน้อย