พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 688 ลูกตื่นแล้ว
ตอนที่ 688 ลูกตื่นแล้ว
มู่จวินฮานเห็นพวกนางมีความสุขดีเช่นนี้ก็พลอยมีความสุขไปด้วย อย่างไรตอนนี้มีหลิงเอ๋อเพิ่มเข้ามา ภายในจวนจึงคึกคักและความรู้สึกของหลิงเอ๋อที่มีต่อมู่จวินฮานกับอันหลิงเกอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปคือเห็นพวกเขาเป็นที่พึ่งพิง
“เกอเอ๋อ นี่คือ…” มู่จวินฮานน้อยครั้งที่จะได้ทานอาหารฝีมืออันหลิงเกอ เมื่อเห็นข้าวในกระบอกไม้ไผ่จึงดีใจมาก อันหลิงเกอพยักหน้าให้แล้วมองไปยังหลิงเอ๋อเพื่อบอกให้มู่จวินฮานรับรู้ว่านี่เป็นอาหารที่พวกนางช่วยกันทำ
มู่จวินฮานก็ชอบอาหารรสชาติอ่อนเช่นนี้ ทั้งสามอยู่ทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย หลิงเอ๋อก็ยังร่ำร้องที่จะทำอีกและเห็นอันหลิงเกอมีชีวิตชีวาเช่นนี้มู่จวินฮานก็ดูโล่งใจเช่นกัน
หลังจากหลิงเอ๋อทานข้าวเสร็จก็กลับไปที่เรือนของตน
ตอนนี้ในใจของนางมิได้มีอารมณ์อ่อนไหวอีกแล้ว ที่เหลืออยู่มีเพียงความสุขและความสนุกเท่านั้น นางค่อย ๆ ค้นพบว่าความรู้สึกที่มีต่อมู่จวินฮานเป็นความรู้สึกเดียวกับที่มีต่ออันหลิงเกอคือความรู้สึกของการมีที่พึ่งพิงเท่านั้น
หลายวันมานี้อันหลิงเกอได้อยู่กับหลิงเอ๋อก็รู้ว่าตอนนี้หลิงเอ๋อคิดได้แล้ว นางจึงมีความสุขและสบายใจยามอยู่กับอีกฝ่ายมากขึ้น ทั้งสองคนบ้างก็เดินหมาก บ้างก็ไปจัดดอกไม้ บางทีก็ทำอาหารด้วยกันจึงสนุกและมีชีวิตชีวามิน้อย
อันหลิงเกอรู้สึกว่าวันเวลาที่อยู่ในจวนตอนนี้มิได้โดดเดี่ยวและน่าเบื่ออีกแล้ว พอมีหลิงเอ๋อเป็นเพื่อนจึงทำให้ทุกอย่างสนุกขึ้นมาก
เหล่าที่ปรึกษารู้ว่าหลิงเอ๋อได้รับความเชื่อใจจากมู่จวินฮานและอันหลิงเกอแล้ว แม้รู้ว่าหลิงเอ๋อมีจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ยังมิละทิ้งแผนการ ในสายตาของพวกเขาเห็นหลิงเอ๋อเป็นเพียงเด็กสาวไร้เดียงสา สามารถหลอกใช้ได้ง่ายอยู่แล้ว แค่พวกเขาพูดมิกี่ประโยคนางก็ติดกับ
วันแล้ววันเล่าเมื่ออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ หลิงเอ๋อก็ยิ่งสนิทสนมกับอันหลิงเกอมากขึ้น ส่วนความรู้สึกที่มีต่อมู่จวินฮานก็ค่อย ๆ จืดจางลงไป
เดิมทีนางก็ไม่มั่นใจต่อความรู้สึกที่มีต่อมู่จวินฮานอยู่แล้วจึงสามารถปล่อยวางได้โดยง่าย
มีเพียงบางครั้งที่เห็นทั้งสองคนมีความสุขด้วยกัน ในใจนางก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่นางก็รับรู้ได้ถึงความโอบอ้อมอารีและการยอมรับที่อันหลิงเกอมีต่อนาง
ดังนั้นนางจึงไม่มีความคิดชั่วร้ายเช่นนั้นอีกแล้ว เหลือเพียงความอิจฉาด้วยใจที่บริสุทธิ์เท่านั้น การไปมาหาสู่กันเช่นนี้ทำให้นางมีอันหลิงเกอเป็นที่พึ่งพิงและนางชอบความรู้สึกที่ได้สนทนากับอันหลิงเกอมาก
เพราะอันหลิงเกอเปรียบเสมือนพี่สาวใจดีและฉลาดเฉลียว มักจะมีของที่นางมิเคยเห็นมามอบให้อยู่บ่อยครั้ง นางจึงชอบอันหลิงเกอมากจริง ๆ
ในคืนนั้นอันหลิงเกอทำดอกไม้ไฟขึ้นมาและร่วมมือกับมู่จวินฮานจุดดอกไม้ไฟให้หลิงเอ๋อดู หลิงเอ๋อพึงพอใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน อันหลิงเกอจึงสอนวิธีทำดอกไม้ไฟให้อย่างละเอียด หลิงเอ๋อจึงดีใจอย่างมากที่ได้เรียนรู้
นางรู้สึกว่าเวลาอยู่กับอันหลิงเกอมักมีสิ่งแปลกใหม่ให้เรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ในสายตาของหลิงเอ๋อเห็นอันหลิงเกอทั้งฉลาดและรอบรู้ นางจึงนึกชื่นชมอันหลิงเกอด้วยใจจริง
ส่วนมู่จวินฮานมักเฝ้ามองพวกนางเล่นสนุกกันอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าอันหลิงเกอและหลิงเอ๋อมีวาสนาต่อกัน พวกนางแม้มีใบหน้าที่คล้ายกันทว่ามีนิสัยต่างกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับมีความสุขถึงเพียงนี้
เห็นอันหลิงเกอมีความสุขและเห็นหลิงเอ๋อปล่อยวางได้ มู่จวินฮานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เขาชอบอันหลิงเกอที่เป็นเช่นนี้และชอบความรู้สึกมีชีวิตชีวาในตอนนี้ยิ่งนัก
มีอยู่ครั้งหนึ่งอันหลิงเกอพาหลิงเอ๋อออกไปนอกจวนเพื่อพานางไปดูสิ่งที่มิเคยเห็น พานางไปเก็บผลไม้และไล่จับหิ่งห้อย
หลิงเอ๋อจึงอดรู้สึกอิจฉาอันหลิงเกอมิได้ อิจฉาที่นางมีอิสระ อิจฉาที่นางมีมู่จวินฮาน อิจฉาที่นางมีบุตรเป็นของตนเองและอิจฉาในหลายสิ่งหลายอย่าง
หลิงเอ๋อรู้สึกว่าต่อหน้านางแล้วอันหลิงเกอเป็นคนมีอำนาจน่าเคารพนับถือ แต่ก็สามารถลดตัวเพื่อไปทำน้ำแกงให้มู่จวินฮานได้ แม้นางจะมิเข้าใจความรักแต่ก็รู้สึกได้ว่านี่คงเป็นความรักยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
ทุกครั้งอันหลิงเกอจักมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปให้หลิงเอ๋อ จนตอนนี้นางนับถืออันหลิงเกอเป็นพี่สาวของตนจริง ๆ ไปแล้ว
อันหลิงเกออ่อนโยนและใส่ใจหลิงเอ๋อมาก อยากดูแลเด็กคนนี้ด้วยใจจริงและเต็มใจที่จะดูแลด้วย
ส่วนหลิงเอ๋อก็เต็มใจที่จะอยู่ข้างกายอันหลิงเกอ นางค่อย ๆ หยุดโหยหาความรักจากมู่จวินฮาน แต่ปรารถนาที่จะมีพี่สาวเยี่ยงอันหลิงเกอและมีครอบครัวเช่นนี้แทน
ด้วยความรู้สึกเช่นนั้นทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ
ทว่านับจากวันนี้ไปทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลง วันนี้อันหลิงเกอมาที่ถ้ำน้ำแข็งเหมือนเคย เดิมทีนางคิดว่าฟางหลิงซู่น่าจะตื่นขึ้นมาก่อน
แต่นางกลับได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กทารกแทน หัวใจของอันหลิงเกอสั่นไหว บุตรของนาง มู่เยว่ของนางตื่นขึ้นมาแล้ว
อันหลิงเกอมีความสุขยิ่งนัก นางรีบพุ่งไปที่หน้าโลงน้ำแข็งทันทีแล้วอุ้มทารกที่กำลังเบิกตากว้างมองนางอยู่ในเวลานี้ขึ้นมา
พลันน้ำตาของนางก็หยดบนใบหน้าของลูกน้อย ราวกับบุตรจดจำนางได้จึงหยุดร้องไห้และยกมือมาชนที่แก้มของนางแทน การกระทำนี้ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก พริบตาเดียวน้ำตาก็ทะลักออกมาราวกับสายน้ำ
มินานมู่จวินฮานก็ตามมาถึง เมื่อเห็นอันหลิงเกออุ้มลูกพลางร้องไห้เช่นนั้น หัวใจของเขาก็เหมือนถูกมือที่มองมิเห็นบีบรัดไว้ หลังจากรอคอยมาเนิ่นนาน ในที่สุดบุตรชายก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
นับตั้งแต่ที่บุตรของทั้งสองตื่นขึ้นมา อันหลิงเกอและมู่จวินฮานก็เอาแต่ขลุกอยู่กับบุตรตลอดทั้งวัน มิค่อยได้สนใจหลิงเอ๋ออีก การถูกปฏิบัติเช่นนี้ทำให้หลิงเอ๋อเริ่มรู้สึกไม่พอใจแต่ก็มิได้แสดงออก
นางรู้ถึงความสำคัญของเด็กคนนั้นที่มีต่ออันหลิงเกอดี นางเคยได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยถึงบุตรและรู้ว่าเขาคือความหวังทั้งหมดของผู้เป็นมารดา นางคิดเพียงว่าตอนนี้อันหลิงเกอกำลังมีความสุขที่บุตรได้ตื่นขึ้นมาจึงเผลอละเลยนางไป
กาลเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน บุตรของพวกเขาเติบโตขึ้นมาก แต่อันหลิงเกอก็ยังคอยเฝ้าดูแลมิห่าง มู่จวินฮานเองก็เช่นกัน พวกเขามิได้สนใจหลิงเอ๋ออีก
หลิงเอ๋อมาหาพวกเขาหลายครั้งเพื่อเยี่ยมเด็กน้อย แต่อันหลิงเกอก็มักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาจนมิได้สนใจนาง
เดิมทีหลิงเอ๋อก็มีนิสัยเหมือนเด็กอยู่แล้วจึงรู้สึกน้อยใจขึ้นมา เพราะคิดว่าอันหลิงเกอมิสนใจตน
แม้บอกว่าอันหลิงเกอยังทำอาหารและเด็ดดอกไม้เป็นเพื่อนหลิงเอ๋อ ทั้งสองยังคงปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม แต่ช่วงเวลาดี ๆ ก็มิได้นานนักเพราะอันหลิงเกอไม่สามารถอยู่กับหลิงเอ๋อได้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่อันหลิงเกอต้องคอยอยู่ดูแลบุตร
ทำให้หลิงเอ๋อรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ภายในใจจึงขมขื่นอย่างมาก และในตอนนั้นเองเหล่าที่ปรึกษาก็ได้รับข่าวจากมู่เหล่าหวางเฟย รู้ว่าถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือจึงรีบร่างจดหมายและส่งไปให้หลิงเอ๋อทันที
เวลานี้หลิงเอ๋อได้รับจดหมายจากที่ปรึกษา ในใจที่รู้สึกแย่อยู่แล้วเมื่อเห็นข้อความในจดหมายก็ปามันและของที่อยู่ด้วยกันทิ้งลงพื้นทันที