พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 702 ไม่มีเขาในหัวใจ
ตอนที่ 702 ไม่มีเขาในหัวใจ
เมื่อได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงรู้สึกสบายใจขึ้น นางจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะห่มผ้าให้ตนเองอีกครั้ง นางรู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายอ่อนแอจนมิสามารถลุกไปไหนได้ ต้องรีบรักษาตัวให้หายเพื่อที่จะได้กลับไปโดยเร็ว
อันหลิงเกอยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย แม้ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าเพราะเหตุใดแต่ก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะลุกไปปิดหน้าต่างเพื่อมิให้นางโดนลม หลังจากนั้นก็เดินออกไปพร้อมปิดประตูให้ด้วย
เนื่องจากอันหลิงเกอเสียเลือดมาก ตอนนี้จึงต้องการพักผ่อนให้มาก ฟางหลิงซู่มิได้อยู่รบกวนนางอีกและหลังจากที่ฟางหลิงซู่ออกไปแล้วอันหลิงเกอก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
น้ำตาของนางไหลรินออกมาทางหางตา นางจะมิเสียใจได้เยี่ยงไรเมื่อบุรุษที่รักไม่อยากให้นางกำเนิดบุตรของเขา เหตุใดมู่จวินฮานจึงรังเกียจบุตรคนนี้มาก หรือเพราะเขาหมดรักนางแล้ว ?
จากนั้นนางก็สะบัดศีรษะไปมาเพื่อมิให้คิดฟุ้งซ่านอีก นางต้องพักผ่อนให้มากเพื่อจะได้กลับไปอยู่ข้างกายเขาโดยเร็ว นางจะถามเขาด้วยตนเองเพราะมิเชื่อว่ามู่จวินฮานจะทำเช่นนี้กับนาง มิเชื่อว่าเขาทิ้งนางได้ลงคอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นอันหลิงเกอก็หลับตาลง แต่ความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นมักถาโถมเข้าใส่มิหยุดหย่อนจนแทบหายใจมิออก ได้แต่นอนขดตัวแน่นพลางปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่เช่นนั้น
ฟางหลิงซู่กลับมาที่ห้องของตน แต่พอนึกถึงสภาพของอันหลิงเกอเมื่อครู่แล้วก็โมโหจนกำหมัดแน่น
ท่าทีของอันหลิงเกอทำให้เขารู้สึกเป็นผู้พ่ายแพ้ เขารักนางมาตลอด รักมิได้น้อยไปกว่ามู่จวินฮานเลย
ทว่าในสายตาของอันหลิงเกอมีเพียงมู่จวินฮานคนเดียว นางดื้อรั้นและมั่นคงเหมือนเขาไม่มีผิดจนทำให้เขาหมดคำที่จะพูดแล้วจริง ๆ
อย่างไรก็ตามการหมดคำพูดนี้ทำให้ฟางหลิงซู่ยิ่งรู้สึกเสียใจและจุกอก เขาปรารถนาว่าสักวันหนึ่งอันหลิงเกอจะมีความรู้สึกอื่นนอกจากความเป็นสหายให้เขาบ้าง มิใช่แค่ความรู้สึกผิดและซาบซึ้งใจเยี่ยงทุกวันนี้
ตอนนี้พอนึกถึงสิ่งที่มู่จวินฮานทำกับอันหลิงเกอแล้ว ในใจของฟางหลิงซู่ก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก เขารักนางมากถึงเพียงนี้ มิอยากให้นางมีเรื่องเจ็บปวดแม้แต่น้อย ทว่ามู่จวินฮานทำกับนางเช่นนี้ได้ลงคอ
แม้ในเวลานี้อันหลิงเกอหลับไปแล้วแต่น้ำตาของนางยังมิแห้งดี ทั้งยังมิรู้ตัวตอนที่ฟางหลิงซู่เข้ามาอีกด้วย นางเหนื่อยล้าเกินไป มิว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจก็ล้วนถูกทำร้ายจนยากที่จะรับไหว
เห็นท่าทางนอนหลับสนิทของอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่ก็เจ็บปวดยิ่งนัก ดวงตาแฝงไว้ด้วยความทรมาน เขามิรู้ว่าการที่ทำเช่นนี้เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ ตอนนั้นเขาเพียงต้องการที่จะได้นางมาอยู่ข้างกายเพื่อให้มู่จวินฮานได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบ้าง
อันหลิงเกอเหมือนหลับไม่สบาย คิ้วของนางขมวดแน่น ฟางหลิงซู่พยายามลูบไล้หน้าผากของนางแต่นางยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น หางตายังคงมีน้ำตาไหลซึมออกมาทำให้ฟางหลิงซู่มิอาจทนได้อีก
“จวินฮาน” ภายในความฝันของอันหลิงเกอมีมู่จวินฮานอยู่ ฟางหลิงซู่ชะงักการเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่งก่อนจะชักมือออก ภายในใจของนางมีมู่จวินฮานเพียงคนเดียว
“จวินฮาน…อย่า” อันหลิงเกอจับมือของฟางหลิงซู่ไว้แน่น ฝ่ามือของนางร้อนผ่าวพร้อมเหงื่อที่ซึมออกมามากมาย แต่ตอนนี้ฟางหลิงซู่ต้องการที่จะสะบัดมือออก เขามิอยากให้นางทำเหมือนว่าเขาคือมู่จวินฮาน
เขาดึงมือออกอย่างแรง และในตอนนั้นเองน้ำตาของอันหลิงเกอก็ไหลมากขึ้น ภายในความฝันของนางเห็นมู่จวินฮานสะบัดมือออกแล้วไปจากนาง
เมื่อเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นก็รู้ว่าหากมิคล้อยตาม นางคงหลับไม่สบายเป็นแน่ ตอนนี้นางต้องการพักผ่อน และเมื่อคิดได้ดังนั้นฟางหลิงซู่จึงถอนหายใจออกมา
เขาวางมือลงในอ้อมกอดของนาง อันหลิงเกอก็กอดไว้แน่นราวกับหวงแหนและอาลัยอาวรณ์อย่างมาก นางกอดมือของเขาเอาไว้อย่างไรก็มิยอมปล่อย
ขณะเดียวกันใบหน้าของอันหลิงเกอก็ยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่น้ำตาของนางยังมิทันได้เหือดแห้งไปเสียด้วยซ้ำ นางรักมู่จวินฮานถึงเพียงนี้ ฟางหลิงซู่รู้ดีและรู้มาโดยตลอด
มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เขารอจนอันหลิงเกอหลับสนิทแล้วจึงค่อย ๆ ดึงมือออก เวลานี้มือของเขารู้สึกชาไปหมดเพราะถูกอันหลิงเกอกอดไว้แน่นและมือก็ยังมีความอุ่นจากกายนางติดอยู่ด้วย
เขาได้แต่ยิ้มเยาะใส่ตนเอง ความรู้สึกนี้ช่างน่าสมเพชเสียจริง นางกอดเขาแต่คิดถึงมู่จวินฮาน ภายในใจของนางหาได้มีเขาอยู่และตลอดเวลาที่ผ่านมานางมีเพียงมู่จวินฮานคนเดียว
วันต่อมา ตอนที่อันหลิงเกอตื่นขึ้นมานั้น ฟางหลิงซู่ก็ได้เตรียมอาหารรออยู่ในห้องแล้ว
อันหลิงเกออยากจะถามเขานักว่าเหตุใดทุกครั้งฟางหลิงซู่จึงได้รู้ว่านางจะตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่ก็คิดว่าคำถามนี้ช่างไร้สาระยิ่งนักจึงได้กลืนมันลงคอไปเสีย
แท้ที่จริงแล้วฟางหลิงซู่รอนางอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ทุกชั่วยามก็จะให้คนนำอาหารไปอุ่น เช่นนี้เมื่อนางตื่นขึ้นมาไม่ว่าเมื่อใดก็จะมีอาหารที่เตรียมพร้อมไว้อยู่เสมอ
ความใส่ใจของฟางหลิงซู่นั้นใครต่างก็เห็น อันหลิงเกอก็ใช่ว่ามองไม่เห็น เพียงแต่ภายในใจของนางมีมู่จวินฮานอยู่แล้วจึงมิอาจยอมรับผู้อื่นได้อีก
“หยุดตกตะลึงได้แล้ว รีบมาทานเถิด” ฟางหลิงซู่ส่งตะเกียบให้นางพร้อมรอยยิ้ม ความจริงแล้วก็ถูก หากเขาช่วยสมานแผลในใจนางได้ บางทีนางก็อาจยอมเปิดใจให้เขามากขึ้น
ฟางหลิงซู่คิดเช่นนั้นขณะเดียวกันก็หวังว่าอันหลิงเกอจะเป็นสตรีที่ความสุขมากกว่านี้ มิใช่หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะความเจ็บปวดและเสียใจเช่นตอนนี้
จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ละเลียดชิมอาหารทีละจาน พอนึกให้ดีแล้วนางก็มิได้ทานข้าวมาหลายวัน ตอนนี้จึงเจริญอาหารอย่างมาก แม้ภายในใจจะไร้ความสุขแต่ดูไม่กระทบต่อความอยากอาหารของนางเลย
เมื่อฟางหลิงซู่เห็นนางทานได้อย่างเอร็ดอร่อยก็เบาใจมิน้อย เขาหวังจะทำให้นางมีความสุข มิว่าเรื่องใดก็สามารถทำให้ได้ทั้งสิ้น
เดิมทีอันหลิงเกอก็มิใช่คนกินจุอยู่แล้ว การพักผ่อนมานานหลายวันยิ่งทำให้นางทานได้น้อยลงไปอีก ตอนนี้ทานได้มิกี่คำก็รู้สึกอิ่มแล้ว
ฟางหลิงซู่ยังจ้องมองนางอย่างมิวางตา นางช่างงดงามยิ่งนัก แม้ตอนนี้จะดูซูบเซียวและโทรมไปบ้าง แต่มิสามารถบดบังความงามที่ตราตรึงใจได้เลย
ความงามของอันหลิงเกอคือความกล้าหาญที่ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด เป็นอุปนิสัยโดยธรรมชาติ เทียบกับความงามของสตรีอื่นที่เกิดจากการประทินโฉมแล้วอันหลิงเกอสามารถดึงดูดจิตวิญญาณได้มากกว่า
เมื่อมองอันหลิงเกอที่อยู่ตรงหน้าแล้วฟางหลิงซู่ก็ตระหนักว่าตนได้ถลำลึกจนมิอาจถอนตัวได้อีก นางช่างงดงามอ่อนโยน และหากนางยกใจให้ใครแล้วก็จะมอบความรักให้คนผู้นั้นโดยมิเผื่อใจสำหรับความเจ็บปวดเลย
นึกถึงตรงนี้แล้ว ฟางหลิงซู่ก็อดถอนหายใจออกมามิได้ คนที่นางทุ่มเทหัวใจทั้งดวงให้ไม่มีทางเป็นเขาเลย
แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างนาง แม้ทำได้เพียงปกป้องนาง ตัวเขาก็มีความสุขมากแล้ว