พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 708 หมดอาลัยตายอยาก
ตอนที่ 708 หมดอาลัยตายอยาก
วันนี้มู่จวินฮานถูกทัวป๋าหลิวลี่ทำให้โมโหมากจริง ๆ เวลานี้เขากอดอันหลิงเกอไว้ในอ้อมแขนและก้าวยาวไปนอกประตูวัง ส่วนทัวป๋าหลิวลี่ทำได้เพียงเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม
เมื่อเดินมาถึงประตูวังแล้ว ทั้งสองคนก็พบว่าฟางหลิงซู่รออยู่ เวลานี้เขากำลังพิงอยู่ข้างรถม้าเพื่อรออันหลิงเกอพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ไปกันเถิด” ฟางหลิงซู่เปิดม่านรถม้าออกให้อันหลิงเกอ ส่วนนางก็ไร้ความลังเลแม้แต่น้อย นางเดินออกจากอ้อมแขนของมู่จวินฮานและตรงขึ้นรถม้าทันที
ส่วนฟางหลิงซู่ก็ทำราวกับมองมิเห็นมู่จวินฮานและเดินตามอันหลิงเกอเข้าไปในรถม้า คนบังคับรถม้าเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วก็บังคับม้ามุ่งหน้าไปยังหอพิษกู่ทันที แม้รถม้าเคลื่อนไกลออกไปแล้ว ทว่ามู่จวินฮานยังได้ยินเสียงหัวเราะจากบนรถม้าดังก้องอยู่ในหูของตน
ทำให้มู่จวินฮานเพิ่งตระหนักได้ว่าเป็นคนขับไล่อันหลิงเกอไปจากจวน เช่นนี้นางคงไม่มีทางกลับมาอีก ความอุ่นเมื่อครู่ยังหลงเหลืออยู่ในอ้อมแขนที่ใช้โอบกอดนาง ช่างแจ่มชัดในความรู้สึก และขณะที่แผ่นหลังของนางแนบอยู่กับอก เขาก็รู้สึกได้เพียงความอบอุ่นเท่านั้น
ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอจากไปแล้ว เพียงลมพัดมาแผ่วเบา มู่จวินฮานก็อดรู้สึกถึงความหนาวเหน็บมิได้ และเวลานี้ทัวป๋าหลิวลี่ก็เดินตามมาทัน พอเห็นว่าไร้เงาของอันหลิงเกอแล้ว รอยยิ้มในดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมา
“ท่านอ๋อง พวกเรากลับจวนเถิดเจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่มีท่าทางยั่วยวนและเดินนำเข้าไปในรถม้าก่อน ส่วนมู่จวินฮานรู้สึกอยากพบอันหลังเกอขึ้นมาอีกแล้ว นางทำให้เขาคิดถึงได้มากเพียงนี้เชียวหรือ
เมื่อนึกถึงแผ่นหลังของอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานก็รู้สึกสะเทือนใจจึงมิเก็บเรื่องของนางมาคิดมากอีก จากนั้นก็รีบขึ้นในรถม้าและสั่งให้กลับจวนทันที
ระหว่างทางมู่จวินฮานมิได้สนใจทัวป๋าหลิวลี่เลย แค่นางท้องโตอยู่ เขาจึงมิสั่งลงโทษก็เท่านั้น ส่วนทัวป๋าหลิวลี่ก็รู้ว่าทำผิดจึงได้แต่ลอบมองสีหน้าของมู่จวินฮานอยู่เงียบ ๆ
“ท่านอ๋อง…เรื่องวันนี้ข้าเห็นว่าท่านมิได้เอ่ยปากจึงช่วยออกหน้าแทน ท่านคิดสิเจ้าคะ พระชายาทำเช่นนี้…”
ทัวป๋าหลิวลี่กล่าวยังมิทันจบก็ถูกสายตาของมู่จวินฮานจ้องเขม็งเพื่อให้นางหยุดพูด นางเองก็รู้ว่าตอนนี้เอ่ยไปก็คงมิเหมาะจึงหุบปากและนั่งอยู่ในรถม้าอย่างสงบ
ส่วนอารมณ์ของมู่จวินฮานกำลังหงุดหงิดมาก เมื่อครู่เขาได้ยินทัวป๋าหลิวลี่เอ่ยถึงเรื่องที่อันหลิงเกอไม่บริสุทธิ์อีกครั้ง หัวใจของเขาก็ยิ่งว้าวุ่นมากขึ้น
ทัวป๋าหลิวลี่ที่โดนมู่จวินฮานตบหน้าไปเมื่อครู่ ตอนนี้บนใบหน้ายังมีรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ นางรู้สึกน้อยใจยิ่งนักแต่ดันมิโทษมู่จวินฮาน เพราะอย่างไรเขาก็เปรียบเสมือนท้องฟ้าและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของนาง
แต่การมิโทษมู่จวินฮานก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่โกรธ เวลานี้ทัวป๋าหลิวลี่จึงโยนความโกรธแค้นทั้งหมดไปให้อันหลิงเกอ คิดเพียงว่าเป็นเพราะอันหลิงเกอจึงทำนางได้รับความอับอายเช่นนี้
เมื่อนึกถึงท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อนางในวันนี้แล้วก็รู้ดีว่านางได้ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งเสียแล้ว นับแต่นี้ไปพระองค์ไม่มีทางละเว้นนางอีก แต่จะรีบกำจัดนางเสียด้วยซ้ำ
ทัวป๋าหลิวลี่มิได้โง่ วันนี้แค่อาศัยว่าตนเป็นคนโปรดจึงหยิ่งยโสและมุทะลุทำเรื่องไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงลงไป วันนี้หากมู่จวินฮานออกตัวแทนอันหลิงเกอ คนที่ต้องถูกลงโทษต้องเป็นนางอย่างแน่นอน
ทว่าทัวป๋าหลิวลี่มิกล้ากล่าวโทษมู่จวินฮานและยิ่งมิอาจถามออกไปได้เพราะการที่เขาทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลบางอย่าง แต่นับจากวันนี้ไปการจะยืมพระหัตถ์ฮ่องเต้กำจัดอันหลิงเกอก็เกรงว่าเป็นไปมิได้อีกแล้ว
อย่างไรอันหลิงเกอก็เป็นบุตรีท่านโหว และฮ่องเต้ก็ไม่มีทางช่วยนางกำจัดอันหลิงเกอ ยิ่งไม่มีทางทำในสิ่งที่ทำร้ายอีกฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนั้นหากต้องการกำจัดอันหลิงเกอก็คงต้องลงมือด้วยตนเอง
บัดนี้ตำแหน่งของนางโดนลดทอนและเมื่อกลับถึงจวนเหล่าสาวใช้ก็จะทราบเรื่องนี้ทั้งหมด
พวกนั้นรู้ว่าท่านอ๋องมิใช่หมดรักพระชายาเอก ก็แค่โกรธที่พระชายามีนิสัยดื้อรั้นเกินไป และการที่มู่จวินฮานปกป้องอันหลิงเกอในครั้งนี้ก็จะทำให้ทุกคนคิดว่าที่อันหลิงเกอจากไปเพราะมู่จวินฮานโมโหเท่านั้น มิใช่เพราะมู่จวินฮานหมดรัก
เมื่อสูญเสียตำแหน่งเช่อเฟยไปแล้ว ทัวป๋าหลิวลี่ที่เป็นสตรีจากแคว้นชิงเยว่ก็ยากที่จะอยู่ในจวนอ๋องมู่ได้อย่างราบรื่น ทุกวันนี้นางรับรู้ได้ถึงการดูแคลนและการที่อนุภรรยาทำตัวยโสโอหังเช่นนี้ย่อมเสียมารยาทอย่างยิ่ง
แม้นางทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งในจวนแล้ว แต่นางก็ยังคลุ้มคลั่งอยู่ระยะหนึ่งเพราะมิอาจยอมรับความจริงได้ โชคดีที่มู่จวินฮานเห็นแก่ที่นางกำลังตั้งครรภ์จึงให้อาศัยอยู่ที่เรือนเดิมและยังให้คนมากมายคอยดูแล ทำให้ทัวป๋าหลิวลี่สบายใจขึ้นบ้าง
นับแต่กลับมาวันนั้น มู่จวินฮานก็มิได้มาที่เรือนของทัวป๋าหลิวลี่อีกเลย เขารู้สึกว่าการพบหน้าทัวป๋าหลิวลี่ทำให้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ อีกทั้งเขาก็มักจะคิดถึงอันหลิงเกอตลอดเวลา เงาของนางมักปรากฏขึ้นในสมองของเขา เยี่ยงไรก็ไม่อาจสลัดออกไปได้
ทางด้านอันหลิงเกอตั้งแต่กลับมาที่หอพิษกู่กับฟางหลิงซู่ครั้งนั้นก็มิได้คิดถึงเรื่องของมู่จวินฮานมากนัก นางรู้ว่าที่เขาช่วยพูดแทนในท้องพระโรงก็เพราะคำขู่ของฟางหลิงซู่เท่านั้น
คนเช่นมู่จวินฮานมิเพียงใส่ใจชื่อเสียงของตนแล้ว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญกว่าก็คือตำแหน่ง
การกระทำของทัวป๋าหลิวลี่ทำให้เขาอับอายอย่างมาก จักให้เขายอมรับได้เยี่ยงไรดังนั้นเขาย่อมเข้าข้างอันหลิงเกออยู่แล้ว
แต่เมื่อนึกถึงตอนที่มู่จวินฮานปกป้องโดยการช่วยบังตัวนางไว้ด้านหลัง การกระทำของเขาในตอนนั้นทำให้อันหลิงเกอรู้สึกสงบและปลอดภัยยิ่งนักจนอดใจอ่อนมิได้
ทว่าพอได้สติแล้วอันหลิงเกอก็รู้ว่ามู่จวินฮานไม่มีทางปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ไปได้ตลอด เพราะสุดท้ายเขามิได้รักนางอีกต่อไป
เห็นอันหลิงเกอกำลังครุ่นคิดเช่นนี้ ฟางหลิงซู่ก็รู้ดีว่าต้องเกี่ยวกับมู่จวินฮานเป็นแน่เพราะอารมณ์ทั้งหมดของนางล้วนมิสามารถแยกออกจากมู่จวินฮานได้ ภายในใจของนางราวกับว่ามีเพียงมู่จวินฮานคนเดียวตลอดไป
ทำให้ฟางหลิงซู่รู้สึกทรมานขึ้นมาอย่างห้ามมิได้ แม้เขาไม่อยากให้คนทั้งคู่กลับไปคืนดีกัน แม้จะช่วยนางเอาไว้ทว่าภายในใจของนางจดจำได้เพียงมู่จวินฮาน
เขาเห็นอันหลิงเกอตกอยู่ในภวังค์มาพักใหญ่จึงได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมเดินออกไป แต่ในตอนนั้นเองอันหลิงเกอก็เอ่ยเรียกเอาไว้
“ฟางหลิงซู่” น้ำเสียงของนางเย็นชายิ่งนัก ทำให้ฟางหลิงซู่อดใจสั่นสะท้านขึ้นมามิได้ “หากมีคนบอกว่าข้าไม่บริสุทธิ์ เจ้าจะคิดเช่นไร ? ”
ทันทีที่อันหลิงเกอเอ่ยประโยคนี้ออกมา ฟางหลิงซู่ก็ตื่นตระหนกจนเหงื่อซึมทันที
เนื่องจากเขามิรู้ว่าในท้องพระโรงเกิดเรื่องอันใดขึ้นแน่ ตอนนี้ดูจากท่าทางของนางและคำถามแล้วเขาก็อดกังวลมิได้
“ข้าแค่ถามไปเรื่อย เกรงว่าคำถามเช่นนี้ยากที่จะตอบใช่หรือไม่ ? ” เมื่อเห็นว่าฟางหลิงซู่นิ่งเงียบอยู่นาน อันหลิงเกอจึงทอดถอนใจพร้อมเอ่ยอย่างขมขื่น