พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 709 กลัวนางรู้ความจริง
ตอนที่ 709 กลัวนางรู้ความจริง
“มิใช่เช่นนั้นหรอกเพราะไม่ว่าผู้อื่นพูดถึงเจ้าอย่างไร ข้าก็จะคอยปกป้องเจ้า ผู้ที่กล่าวหาเจ้าเช่นนั้น ข้าจะมิเสียเวลาพูดด้วยเพราะมันสมควรตาย”
ฟางหลิงซู่เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วจนอันหลิงเกอตกตะลึง
นี่คือความแตกต่างระหว่างฟางหลิงซู่และมู่จวินฮานอย่างนั้นหรือ ?
เวลานี้เมื่อได้ยินฟางหลิงซู่เอ่ยออกมา อันหลิงเกอก็รู้สึกอบอุ่นใจ เขามักดีต่อนางเสมอและนับแต่รู้จักกันมาเขาก็ทำดีอย่างไร้เงื่อนไข
ฟางหลิงซู่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของอันหลิงเกอมิได้เปลี่ยนไปก็รู้ว่านางยังไม่ทราบเรื่องของเขาจึงได้เบาใจและพูดประโยคเหล่านี้ออกมา ทว่าคำพูดพวกนี้สำหรับฟางหลิงซู่แล้วออกมาจากใจจริงทุกคำ มิว่าผู้อื่นจะกล่าวหานางเช่นไร เขาก็จะคอยปกป้องนางอย่างนี้เรื่อยไป
จากนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยล้าเหลือเกิน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกเหนื่อยใจ นางจึงสนทนากับฟางหลิงซู่มิกี่คำก็ขอตัวกลับห้องเพื่อล้างหน้าล้างตาและหลับไปทันที
ฟางหลิงซู่หลังแยกย้ายกับอันหลิงเกอแล้วก็มิสามารถข่มตาให้หลับลงได้ เรื่องวันนี้ทำให้เขารู้ว่าสักวันหนึ่งอันหลิงเกอต้องรู้ความจริงอย่างแน่นอน หากนางรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขาแล้วยังจะอภัยให้ได้หรือไม่ ?
ตอนนี้เขาไม่สามารถให้คำตอบได้ ทันใดนั้นก็มีความคิดที่น่ากลัวผุดเข้ามาในสมอง หากมู่จวินฮานตายไปแล้ว อันหลิงเกอก็จะไม่มีวันรู้ความจริงตลอดกาล ไม่มีทางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่มีมู่จวินฮานอีก อันหลิงเกอก็จะสามารถเปิดใจรับเขาเข้าไปได้ ถึงตอนนั้นเขาก็จะเป็นที่พึ่งเดียวของนาง
ความคิดที่น่ากลัวนี้ทำให้ฟางหลิงซู่มิสามารถสลัดออกไปได้ จากนั้นความเกลียดชังก็ปะทุขึ้นในใจ
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันล่าสัตว์ของต้าโจวแล้ว สถานที่ล่าสัตว์อยู่ในเขตรอยต่อของชายแดนต้าโจวพอดี สำหรับฟางหลิงซู่แล้วสามารถลงมือได้อย่างง่ายดาย
ภูมิประเทศตรงนั้นสลับซับซ้อนจึงทำให้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก แม้มู่จวินฮานเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่มีผู้ใดสงสัยตน ฟางหลิงซู่นอนมิหลับทั้งคืนเพราะเอาแต่วางแผนโหดร้ายนั้นเพียงลำพัง
สามวันผ่านไป พรุ่งนี้ก็จะถึงวันล่าสัตว์แล้ว อันหลิงเกอมิได้ออกนอกเมืองหลวงนานมาก ครั้งนี้จึงอ้อนวอนอย่างหนักเพื่อหวังให้ฟางหลิงซู่พานางไปด้วย
แต่ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าหากอยู่ต่อหน้าผู้คน อันหลิงเกอก็ยังเป็นคนของมู่จวินฮาน ตอนนั้นเกรงว่าตนคงมิอาจที่จะปกป้องนางได้ ทว่าเมื่ออันหลิงเกออ้อนวอนขอร้องเพียงนี้ เขาจึงมิอาจปฏิเสธและรู้สึกลำบากใจมิน้อย
“เกอเอ๋อ ภูเขาที่จะไปล่าสัตว์นั้นอันตรายมาก เจ้าอยู่ข้างกายมู่จวินฮานนั้น ข้ามิวางใจเลย” ฟางหลิงซู่มิได้เอ่ยถึงแผนการของตน แค่บอกอันหลิงเกอถึงความกังวลที่มี
“มิเป็นไร ข้าจักระวังตัวอย่างดี มิให้ผู้ใดมารังแกได้หรอก” อันหลิงเกอคิดว่าฟางหลิงซู่ต้องการให้ระวังตัวจากทัวป๋าหลิวลี่ เมื่อนางเข้าใจเช่นนี้ ฟางหลิงซู่ก็มิรู้ว่าควรปฏิเสธเช่นไรจึงทำได้เพียงอนุญาตให้ไปด้วยเท่านั้น
ตกบ่ายของวันนั้น ทั้งสองคนจึงออกเดินทางไปยังค่ายล่าสัตว์ แต่คาดมิถึงว่าผู้ที่มาถึงก่อนจะเป็นมู่จวินฮานและทัวป๋าหลิวลี่
ตอนนี้ท้องของทัวป๋าหลิวลี่เริ่มโตขึ้นมากแล้วน่าจะใกล้สี่เดือนทุกขณะ แววตาของอันหลิงเกออดเผยความเสียใจออกมามิได้ หากบุตรของนางยังมีชีวิตอยู่ก็เกรงว่าท้องคงใหญ่กว่านี้กระมัง…
“ไปเถิด” วันนี้ฟางหลิงซู่พบมู่จวินฮานจึงทำได้เพียงส่งอันหลิงเกอให้อีกฝ่าย พออยู่ด้านนอกเช่นนี้ อันหลิงเกอก็ยังเป็นภรรยาของมู่จวินฮานและเป็นพระชายามู่
ความอิจฉานี้มิเพียงเกิดขึ้นในใจของฟางหลิงซู่เท่านั้น แต่ทัวป๋าหลิวลี่ก็เกิดความอิจฉาเช่นกัน ทว่าทัวป๋าหลิวลี่หาได้มีอำนาจอันใดในต้าโจวไม่ เช่นนั้นนางคงสั่งคนไปลอบสังหารอันหลิงเกอแล้ว
แม้ภายในใจของทัวป๋าหลิวลี่เคียดแค้นจนแทบบ้า เพราะการมาของอันหลิงเกอทำให้ตนต้องพักในกระโจมหลังเล็กที่น่าเวทนาแทน ส่วนอันหลิงเกอและมู่จวินฮานได้พักในกระโจมหลัก ความไม่ยุติธรรมเช่นนี้ทำให้นางยิ่งเคียดแค้นอันหลิงเกอมากขึ้น
มู่จวินฮานจัดการทุกอย่างให้อันหลิงเกออย่างง่าย ๆ เสร็จแล้วจึงออกไปทานข้าว แต่มิได้คิดจะพาอันหลิงเกอไปด้วย อันหลิงเกอก็ไม่ได้สนใจจึงออกไปหาฟางหลิงซู่แทน
พอมู่จวินฮานมิสนใจนาง ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้อันหลิงเกอก็มักรู้สึกว่าฟางหลิงซู่ดีกับนางเหลือเกิน เขาดูแลเอาใจใส่และอ่อนโยนต่อนางยิ่งนัก
ความเย็นชาของมู่จวินฮานกับความอ่อนโยนของฟางหลิงซู่กลายเป็นข้อเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นในใจของอันหลิงเกอ ยิ่งนึกถึงทัวป๋าหลิวลี่ที่อยู่ข้างกายของมู่จวินฮานแล้วสายตาของอันหลิงเกอก็เย็นชาขึ้นหลายเท่า
ก่อนหน้านี้ทัวป๋าหลิวลี่เอ่ยเรื่องนางขึ้นมา หากมิใช่เพราะฮ่องเต้ไล่คนอื่นออกไปก่อนก็เกรงว่านางคงโดนผู้คนหัวเราะเยาะเป็นแน่
อันหลิงเกอเดินไปทางกระโจมของฟางหลิงซู่ แต่โลกช่างกลมเหลือเกินจึงบังเอิญพบทัวป๋าหลิวลี่ระหว่างทาง บัดนี้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาอันหลิงเกอเพียงลำพัง ขณะที่ในมือมีอาหารแห้งติดมาด้วย
อันหลิงเกอเห็นนางกำลังเดินมาทางตนก็คิดจะเดินเลี่ยงไป แต่ทัวป๋าหลิวลี่ตั้งใจเดินเข้ามาหาเพื่อขวางทางอันหลิงเกอเอาไว้
เนื่องจากที่ตรงนี้อยู่ติดด้านหลังภูเขาจึงมีพื้นที่ค่อนข้างแคบและมีเพียงพวกนางเท่านั้น อันหลิงเกอจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้และทำเพียงยืนอยู่นิ่ง ๆ
“คาดมิถึงว่าวิธีการของเจ้าฉลาดล้ำลึกเช่นนี้ ด้านหนึ่งเป็นพระชายาเอก อีกด้านก็ยั่วยวนฟางหลิงซู่ สตรีเยี่ยงเจ้า ข้าขอยอมแพ้จริง ๆ ”
คำพูดของทัวป๋าหลิวลี่เต็มไปด้วยการสบประมาทและดูถูกเหยียดหยาม แต่อันหลิงเกอหาได้สนใจไม่ ในป่าเขาเช่นนี้ทัวป๋าหลิวลี่เองก็ท้องโตมิน้อย หากเกิดอันใดขึ้นกับทัวป๋าหลิวลี่ ทุกคนต้องสงสัยนางอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็หันหลังเตรียมจากไปยังทิศทางที่เดินมาเมื่อครู่ แต่ทัวป๋าหลิวลี่มิยอมและเดินตามมาอีกพร้อมจับจ้องอันหลิงเกออยู่เช่นนั้น
“ฝ่ามือในวันนั้นข้ายังตบมิโดนเจ้า วันนี้…” ทัวป๋าหลิวลี่ลูบท้องของตนเบา ๆ ราวกับต้องการเตือนอันหลิงเกอว่าตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่และอันหลิงเกอก็ไม่สามารถทำอันใดได้
“เจ้าอย่าลืมฐานะของตน” อันหลิงเกอมิได้โมโหเพียงเอ่ยตักเตือนทัวป๋าหลิวลี่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อย่าได้ลืมว่าตอนนี้เป็นเพียงสนม หากมิระวังก็เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งนี้ก็คงต้องเสียมันไปด้วย
“ตอนนี้ข้าตั้งครรภ์อยู่ หากเจ้าเอาคืนแล้วข้าเป็นอันใดไป ที่นี่มีเพียงเจ้าและข้าก็คิดเอาเองแล้วกัน หากเจ้าหลบและข้ามิทันระวังจนล้มลงก็เกรงว่าท่านอ๋องต้องสอบสวนเจ้าแน่”
น้ำเสียงของทัวป๋าหลิวลี่เต็มไปด้วยการข่มขู่ อันหลิงเกอขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าตอนนี้อีกฝ่ายต้องการอาศัยเรื่องตั้งครรภ์มาข่มเหง แต่อันหลิงเกอก็ไร้หนทางเช่นกันเพราะสิ่งที่ทัวป๋าหลิวลี่เอ่ยเป็นจริงทุกประการ
ทำให้นางมิสามารถเอาคืนและมิอาจหลบเลี่ยงได้ เช่นนั้นหากทัวป๋าหลิวลี่เป็นอันใดไป ความผิดก็จะตกมาที่นาง แต่อันหลิงเกอก็พอมองออกว่าตอนนี้ทัวป๋าหลิวลี่ข่มอารมณ์มิอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นอันหลิงเกอก็หัวเราะออกมาพร้อมแววตาเย้ยหยันอย่างชัดเจน สตรีเช่นนี้คู่ควรกับตำแหน่งที่ตกต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างไรเสียอุบายครั้งนี้ก็ได้กำหนดจุดจบไว้แล้ว
ทัวป๋าหลิวลี่เห็นสีหน้าของอันหลิงเกอแล้วไฟโทสะก็พวยพุ่งโดยมิรู้ตัว จากนั้นจึงยกมือขึ้นแต่ขณะที่เตรียมตวัดลงไปก็เห็นบางสิ่งที่น่าหวาดกลัวจนต้องเบิกตาโพลงและมิได้ตวัดฝ่ามือแต่อย่างใด