พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 716 ต้องกลับไป
ตอนที่ 716 ต้องกลับไป
“หากเจ้ามิกลับ ฟางหลิงซู่ได้เจอดีแน่ ! ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานแฝงไว้ด้วยการข่มขู่จึงทำให้อันหลิงเกอมิสามารถปฏิเสธได้
“ความหมายของท่านอ๋องคือข้าน้อยต้องกลับไปที่จวนอ๋องมู่เท่านั้น ใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอมิเพียงไม่โกรธเขาแล้วยังหัวเราะออกมาด้วย นางมองมู่จวินฮานอยู่เช่นนั้นแล้วเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
ในเมื่ออย่างไรนางก็ต้องกลับไปที่จวนอ๋องกับเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดให้มากความอีก เมื่อต่างฝ่ายต่างมิยอมอ่อนข้อให้กันเช่นนี้ คนที่ต้องเจ็บปวดก็มีเพียงนางเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้รถม้าจึงมิได้หยุดที่หอพิษกู่แต่มุ่งตรงไปทางประตูใหญ่ของจวนอ๋องมู่ และมู่จวินฮานก็ไม่ได้ปล่อยให้อันหลิงเกอมีโอกาสเปลี่ยนใจอีกจนนางยังมิทันได้ทักทายฟางหลิงซู่ด้วยซ้ำ
“หากข้าน้อยกลับจวนอ๋องมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทั้งยังมิได้บอกให้ฟางหลิงซู่รับรู้ก็จะไร้มารยาทเกินไปหน่อยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกล่าวพร้อมกลอกตาไปมา นางอยากอาศัยโอกาสนี้กลับไปหาฟางหลิงซู่
เพราะตอนนี้นางอยู่กับมู่จวินฮานแล้วรู้สึกอึดอัดและไร้อิสระ
“มิจำเป็น เรื่องนี้ข้าจัดการเอง” มู่จวินฮานปฏิเสธข้ออ้างของอันหลิงเกอทันที เขาจะมิรู้ได้อย่างไรว่านางคิดเช่นไร เขาไม่มีทางให้นางกลับไปที่นั่นอีกเด็ดขาด
ทางด้านฟางหลิงซู่ที่เพิ่งกลับถึงหอพิษกู่ก็ไม่พบอันหลิงเกอและคิดว่านางคงออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่ผ่านไปมินานภายในหอพิษกู่ก็มีเสียงฝีเท้าของมู่จวินฮานดังขึ้น
“คุณชายฟาง มิได้พบกันนานเลย” มู่จวินฮานเอ่ยทักทายและย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนฟางหลิงซู่ไปอยู่เผ่าปิงชวนตลอดหลายวันมานี้ แม้มิรู้รายละเอียดมากนักแต่ก็พอทราบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประมุขของเผ่าปิงชวน
“อ๋องมู่ มิได้พบกันนาน” ฟางหลิงซู่โค้งกายเล็กน้อยเพื่อเป็นการคำนับตอบ มู่จวินฮานมาที่นี่ย่อมเป็นการพิสูจน์แล้วว่าตอนนี้อันหลิงเกออยู่กับอีกฝ่าย ทำให้ใจของฟางหลิงซู่รู้สึกมิดีขึ้นมา
“หลายเดือนมานี้ต้องขอบคุณคุณชายฟางที่ดูแลพระชายาของข้าเป็นอย่างดี นับจากนี้พระชายาคงมิรบกวนท่านอีกแล้ว ข้าได้รับนางกลับไปที่จวนอ๋องมู่ ตอนนี้…นางกำลังพักผ่อนอยู่”
มู่จวินฮานเอ่ยถึงเพียงนี้ย่อมบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องการให้ฟางหลิงซู่ไปเยี่ยมโดยมิปรึกษาอันหลิงเกอสักคำ เพราะมู่จวินฮานไม่อยากให้ฟางหลิงซู่เข้ามายุ่งเรื่องของพวกตนอีกจึงต้องกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาดเช่นนี้
“หืม ? มิปรึกษาเจ้าของเรือนก็รับแขกของข้าไปเช่นนี้ สมเหตุสมผลแล้วหรือ ? ” เวลานี้ใบหน้าของฟางหลิงซู่เต็มไปด้วยโทสะพลางจ้องมู่จวินฮานตาเขม็ง
“ในเมื่อพระชายายินยอมไปกับข้า จักเรียกว่ามิสมเหตุสมผลได้เยี่ยงไร ? ” มู่จวินฮานจงใจกล่าวเช่นนี้เพื่อบอกฟางหลิงซู่ว่าหากมิเชื่อก็สามารถไปถามองครักษ์ของหอพิษกู่ได้ว่าอันหลิงเกอออกไปกับเขาด้วยความเต็มใจหรือไม่
และก็จริงดังนั้น องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของฟางหลิงซู่จนต้องขมวดคิ้วก่อนจะนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ มู่จวินฮานเห็นสถานการณ์แล้วจึงจากไปพร้อมรอยยิ้ม มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อเห็นฟางหลิงซู่พ่ายแพ้แล้ว ภายในใจของเขาก็มีความสุขยิ่งนัก
เมื่อครู่ตอนที่อันหลิงเกอไปกับมู่จวินฮาน บทสนทนาของนางและเขาไม่มีผู้ใดได้ยิน ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนเห็นคืออันหลิงเกอเต็มใจไปจากหอพิษกู่
ตอนนี้ฟางหลิงซู่ได้แต่มองตามแผ่นหลังของมู่จวินฮานที่กำลังเดินออกไป เขาได้แต่กำหมัดแน่น วันนี้ตอนเช้าอันหลิงเกอยังส่งจดหมายมาบอกว่าจะรอเขากลับมา แต่ยังมิทันข้ามวันนางก็ตามมู่จวินฮานไปเสียแล้ว
ทำให้ฟางหลิงซู่รู้สึกโมโหมิน้อย หลายวันมานี้ความกังวลและความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเขาล้วนเป็นสิ่งจอมปลอมหรือ ? แค่มู่จวินฮานมาหานางก็ตามเขากลับแต่โดยดี นางเห็นเขาเป็นตัวอันใด ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ฟางหลิงซู่ก็ยิ่งหงุดหงิดจึงชกป้ายที่แขวนอยู่ตรงประตูจนแตกเพื่อระบายโทสะและทำให้เหล่าองครักษ์ตกใจไปตาม ๆ กัน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาห้าม
ตอนนั้นพวกเขาก็ไม่มีผู้ใดกล้าห้ามมู่จวินฮานที่มารับตัวอันหลิงเกอไป เวลานี้เห็นฟางหลิงซู่โมโหจึงกลัวว่าเขาจะระบายความโกรธใส่พวกตนด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงได้แต่นิ่งเงียบมิกล้ากล่าวสิ่งใดออกมา
อย่างไรมู่จวินฮานก็เป็นสามีของอันหลิงเกอ เขามารับนางกลับไปก็เป็นเรื่องสมควร หรือกล่าวอีกนัยก็คือมู่จวินฮานเป็น*อ๋องซวนหยวน ดังนั้นมิว่าองครักษ์หน้าไหนก็มิกล้าเข้าไปขวางทั้งนั้น
มู่จวินฮานที่กลับถึงจวนก็ตรงไปที่เรือนของอันหลิงเกอทันทีและพบว่านางยังนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น อีกทั้งมิได้เอ่ยสิ่งใดที่เกินความจำเป็นกับเขา ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย มู่จวินฮานที่เอาชนะฟางหลิงซู่ในครั้งนี้ได้กำลังอารมณ์ดีจึงมิอยากทะเลาะกับนาง เขาเลือกจะนั่งทานอาหารเพียงเล็กน้อยพร้อมอันหลิงเกอและออกไปทันที
มินานอันหลิงเกอก็ได้ทราบถึงสาเหตุที่มู่จวินฮานรีบออกไป ที่แท้เพราะทัวป๋าหลิวลี่รู้ว่านางกลับมาจนเกิดความเครียดและกระทบกระเทือนต่อครรภ์ เมื่อครู่มู่จวินฮานจึงรีบไปหา
ตอนนี้มู่จวินฮานคิดเพียงว่ายังปล่อยให้ทัวป๋าหลิวลี่ตายมิได้ เพราะสตรีผู้นี้เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างต้าโจวและชิงเยว่
แต่อันหลิงเกออดรู้สึกขบขันมิได้ เรื่องแค่นี้ทัวป๋าหลิวลี่ก็ทนมิไหวเสียแล้ว ถึงขั้นกระทบกระเทือนต่อครรภ์เชียวหรือ
จากนั้นนางก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมส่ายหน้าระอา สตรีที่ข่มอารมณ์มิได้เช่นนี้ก็มิแปลกที่จะรั้งหัวใจของมู่จวินฮานเอาไว้ไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็รู้สึกเอือม แล้วตัวนางเองเล่า สามารถควบคุมมู่จวินฮานและสามารถรั้งใจเขาไว้ได้หรือ ?
อันหลิงเกออดคิดถึงหอพิษกู่มิได้เพราะตอนนางอยู่ที่นั่นยังมีอิสระกว่าอยู่ที่นี่ อย่างน้อยฟางหลิงซู่ก็ยังมิได้แต่งงาน ภายในเรือนหาได้มีสตรีอื่น ไม่มีคนคอยคิดร้ายและทำร้ายนางตลอดเวลาเช่นนี้
ทางด้านฟางหลิงซู่อารมณ์ช่างซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกโกรธในการจากไปโดยมิร่ำลาของอันหลิงเกอ การไม่ได้พบนางเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเสียใจมิน้อย
อันหลิงเกอก็นึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน นางรับปากฟางหลิงซู่ไว้ว่าจะรอต้อนรับตอนเขากลับมา ความกังวลและความห่วงใยที่นางมีต่อเขาหลายวันที่ผ่านมาหาใช้สิ่งจอมปลอมเพราะนางเป็นห่วงเขาจริง ๆ
แต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง อันอิงเฉิงมาเกิดเรื่องขึ้นในวันเดียวกันเสียได้ อันหลิงเกอจึงมิอาจละเลย นางต้องไปช่วยบิดาก่อน แต่คาดมิถึงว่าเมื่อออกจากหอพิษกู่แล้วจะไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีก
มองจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว นางก็มิต่างจากนกน้อยที่อยู่ในกรงทอง ทั้งนางและนกล้วนถูกขังไว้ในกรง อันหลิงเกอถึงขั้นคิดว่าตนยังสู้นกมิได้เสียด้วยซ้ำเพราะนางเหมือนโดนตัดปีกซึ่งพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่
ส่วนมู่จวินฮานมิได้อยู่ที่เรือนของทัวป๋าหลิวลี่นาน เนื่องจากเขาไม่ได้มีความรู้สึกใดต่ออีกฝ่าย เขาเกลียดสตรีที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวที่สุดและภายในใจของเขามีเพียงอันหลิงเกอ
ทุกครั้งที่คิดว่าอันหลิงเกออยู่กับฟางหลิงซู่ ใจของมู่จวินฮานก็ว้าวุ่น ความรู้สึกแฝงไว้ด้วยความพ่ายแพ้ ความทุกข์ตรมและเศร้าโศก
ยามดึกคืนนั้น มู่จวินฮานก็มาที่เรือนของอันหลิงเกออีกครั้งและพบว่านางกำลังรอเขาอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้มู่จวินฮานประหลาดใจมาก เขามิรู้ว่านางกำลังคิดทำอันใดอยู่กันแน่ แต่เมื่อมองอาหารบนโต๊ะที่นางเตรียมไว้แล้วจึงยอมนั่งลง
“ข้า…” อันหลิงเกอคล้ายมีถ้อยคำที่อยากเอื้อนเอ่ยแต่ก็มิรู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี มู่จวินฮานก็มิได้กดดันเพียงรอฟังนางอยู่เงียบๆ
“ความจริงเรื่องเมื่อวาน พอข้าน้อยมาคิดแล้วก็ควรจะขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอคล้ายเขินอายเล็กน้อย เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ มู่จวินฮานก็หัวเราะออกมา
…
*อ๋องซวนหยวน คือใช้แซ่ตามสมญานามของบรรพบุรุษเช่นหวงตี้หรือจักรพรรดิเหลืองมีสมญานามว่าซวนหยวนซึ่งภายหลังก็ได้กลายมาเป็นแซ่หนึ่ง