พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 717 หนี
ตอนที่ 717 หนี
“เจ้าเป็นพระชายาของข้า มีอันใดต้องขอบคุณ แต่กับฟางหลิงซู่ เจ้าไปรบกวนเขาหลายเดือนก็ควรจะขอบคุณเขาเสียหน่อย” ประโยคนี้ของมู่จวินฮานได้ขีดเส้นให้อันหลิงเกออย่างชัดเจน ความหมายของเขาราวกับจะบอกว่านางและฟางหลิงซู่เป็นเพียงคนรู้จักกันเท่านั้น ส่วนเขากับนางเป็นสามีภรรยากัน
“อืม ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยก็รู้สึกเช่นนั้น เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ยังต้องขอบคุณท่านที่ช่วยแก้ปัญหาให้ท่านพ่ออยู่ดี” เมื่อกล่าวจบอันหลิงเกอก็ยกจอกสุราขึ้นคล้ายต้องการคารวะให้แก่มู่จวินฮาน
“ข้ากับท่านโหวเดิมทีก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ทว่าคำขอบคุณของเจ้าก็จะรับเอาไว้แล้วกัน” เอ่ยจบมู่จวินฮานก็ยกสุราในจอกขึ้นดื่มจนหมดในคราเดียว
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยกลับมาที่จวนเช่นนี้ มิทราบว่าทัวป๋าหลิวลี่…เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอแสร้งทำท่าทางลำบากใจเพราะเรื่องวันนี้คนในจวนต่างรู้กันทั่ว
“มิเป็นไรเลย แค่คิดเล็กคิดน้อยเกินไป สตรีขี้หึงหวงเช่นนี้ไม่เหมาะกับตำแหน่งสูงส่งของจวนนี้หรอก” มู่จวินฮานพูดออกมาจากใจจริง
อันหลิงเกอเห็นว่าวันนี้มู่จวินฮานใจกว้างกับตนก็รู้สึกทำใจมิได้ ระหว่างสนทนากันมู่จวินฮานก็ดื่มสุราไปอีกสามสี่จอก ทั้งยังพูดปลอบอันหลิงเกอเพื่อมิให้คิดอันใดมากอีก
ขณะที่อันหลิงเกอกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น จู่ ๆ มู่จวินฮานก็ฟุบลงกับโต๊ะดัง ตุบ ! ราวกับหมดสติไป เมื่อเห็นมู่จวินฮานเป็นเช่นนี้แล้ว อันหลิงเกอจึงเข้าไปจิ้มบนตัวเขา พอเห็นว่าเขามิตอบโต้อันใด นางจึงรีบหนีไปทันที
เมื่อครู่อันหลิงเกอป้ายยาสลบไว้บนจอกสุราของมู่จวินฮาน เวลานี้คาดว่ามู่จวินฮานน่าจะหลับไปอีกประมาณหนึ่งถึงสองชั่วยาม การหนีของอันหลิงเกอหาได้พกสิ่งใดไปไม่ นางแค่รีบกระโดดขึ้นไปทางริมกำแพงเท่านั้น
แม้มิได้เคลื่อนไหวเช่นนี้มานาน แต่วิชาตัวเบาของอันหลิงเกอก็ไม่ด้อยลงไปและยังคงว่องไวเช่นเดิม แต่อันหลิงเกอยังมิทันกระโดดลงไป ร่องรอยของนางก็ถูกคนผู้หนึ่งพบเข้าเสียแล้ว
รอจนอันหลิงเกอจากไปไกลแล้ว ผู้ที่อยู่ในความมืดก็ลอบกัดริมฝีปากแล้วตัดสินใจบางอย่าง แต่อันหลิงเกอหาได้รู้ไม่ว่าตนได้ตกสู่หลุมพรางอีกครั้ง เพราะเวลานี้ในใจของนางแค่อยากไปพบฟางหลิงซู่โดยเร็ว
อันหลิงเกอวิ่งไปทางหอพิษกู่ นางรู้ว่าเวลานี้มู่จวินฮานยังมิตื่นขึ้นมา แม้ภายในใจก็รู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง แต่นางก็อยากจะพบฟางหลิงซู่จริง ๆ
เวลานี้ดึกมากแล้ว องครักษ์ด้านนอกหอพิษกู่เห็นอันหลิงเกอมาตอนนี้ก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก เพราะหลังอันหลิงเกอจากไปอารมณ์ของฟางหลิงซู่ก็มิค่อยดีจึงมักมาระบายกับพวกตนจนทำให้ตื่นตกใจกันไปหมด
บัดนี้อันหลิงเกอกลับมาแล้ว คาดว่าอารมณ์ของฟางหลิงซู่ก็คงดีขึ้นเช่นกันจึงรีบให้อันหลิงเกอเข้าไป
อันหลิงเกอเห็นว่าไม่มีผู้ใดขวางก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องของฟางหลิงซู่พร้อมหวังว่าเขาจะยังมิเข้านอน
เวลานี้ฟางหลิงซู่ยังมิได้เข้านอนจริง ๆ เขากำลังนึกถึงเรื่องของต้าโจวกับเผ่าปิงชวนจึงนอนไม่หลับ กอปรกับการจากไปของอันหลิงเกอทำให้เขาเกิดความหงุดหงิดใจมากจึงมิอาจเข้านอนอย่างสงบได้
ส่วนอันหลิงเกอมิได้เคาะประตูก่อน แต่เลือกที่จะเดินเข้ามาในห้องของฟางหลิงซู่ทันที เวลานี้ฟางหลิงซู่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างจึงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอันหลิงเกอกำลังเดินเข้ามา แต่ฟางหลิงซู่มิรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตาที่คิดไปเอง จนอันหลิงเกอมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้า เมื่อเห็นอันหลิงเกออยู่ตรงนี้แล้ว ฟางหลิงซู่ก็อดยื่นมือออกไปสัมผัสแก้มของนางมิได้
อันหลิงเกอมิได้หลบเลี่ยงการกระทำของเขา นางปล่อยให้เขาลูบไล้ใบหน้าของตนเช่นนั้นเพื่อเป็นการยืนยันกับเขาว่ามิใช่ความฝัน ส่วนฟางหลิงซู่รับรู้แล้วว่าอันหลิงเกอกลับมาจริง ภายในใจจึงรู้สึกยินดียิ่งนัก
จากนั้นอันหลิงเกอก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังคร่าว ๆ รวมถึงหนีกลับมาได้อย่างไร ฟางหลิงซู่อดรู้สึกแปลกใจมิได้ที่อันหลิงเกอทำเพื่อเขามากเพียงนี้จึงหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขามองออกว่าอันหลิงเกอเหนื่อยล้าเพียงใดจึงรีบสั่งคนจัดห้องให้แล้วบอกให้นางไปพักผ่อน
อันหลิงเกอกลับมาเช่นนี้ ฟางหลิงซู่ก็รู้สึกราวกับความตึงเครียดที่มีได้คลายลง ร่างกายจึงแสดงความรู้สึกเหนื่อยล้าออกมา ทันทีที่ล้มตัวบนเตียงก็ได้หลับสนิทไปเลย
ส่วนอันหลิงเกอรู้สึกถึงสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย นางอยู่ที่หอพิษกู่มานานและผูกพันกับที่นี่โดยมิรู้ตัว นางคุ้นเคยที่จะพึ่งพาที่นี่เสียแล้ว ทว่าการกลับไปจวนอ๋องมู่ทำให้นางรู้สึกอึดอัดมากเหลือเกิน
คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่อันหลิงเกอนอนหลับสนิทที่สุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
การได้กลับมาที่นี่และได้พบฟางหลิงซู่ก็ทำให้นางรู้สึกสบายใจยิ่งนัก ไม่มีความหงุดหงิดและกระสับกระส่ายอีก เหมือนหาที่พึ่งเจอแล้วจึงทำให้นางหลับได้อย่างสบายใจ
วันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาเกือบถึงยามอู่แล้ว คาดมิถึงว่าตนจะหลับสบายจนลืมเวลาเช่นนี้ แต่ขณะเดียวกันนางก็เริ่มสงสัยว่าเหตุใดมู่จวินฮานยังมิตามหาตนอีก
คนที่รักหน้าตาเช่นเขา อันหลิงเกอคิดว่าหลังจากเรื่องเมื่อวานแล้วมู่จวินฮานต้องรีบมาตามหาเป็นแน่ เพราะเขาจะมิยอมปล่อยนางไปโดยง่าย
ทว่าผ่านไปสามวันแล้ว มู่จวินฮานก็ยังมิได้มาตามหานางและไม่มีข่าวใดแพร่ออกมาทั้งสิ้น อันหลิงเกออดรู้สึกแปลกใจมิได้ เดิมทีนางคิดว่าหากมู่จวินฮานไม่มาเองก็คงส่งหนังสือหย่ามาแทน
แต่สถานการณ์เช่นนั้นมิเกิดขึ้น อันหลิงเกอจึงไม่นึกถึงเรื่องนี้อีก บางทีมู่จวินฮานคงลืมนางไปแล้ว เขาอาจตัดใจปล่อยนางไปจริงได้แล้ว
แต่สิ่งที่อันหลิงเกอมิรู้ก็คือการที่มู่จวินฮานมิได้มาตามหานาง หาใช่เพราะใจเขาปล่อยนางไปแล้วไม่ ทว่าในคืนเดียวกันนั้นเมื่ออันหลิงเกอจากไปแล้ว จวนอ๋องก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ทัวป๋าหลิวลี่ถูกคนกระแทกจนบุตรในครรภ์คลอดก่อนกำหนด ด้วยเหตุนี้ถ้ารู้ไปถึงแคว้นชิงเยว่ก็เกรงว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยอันหลิงเกอไปแน่ มู่จวินฮานจึงไม่มีอารมณ์ที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น
ในคืนที่อันหลิงเกอหนีออกจากจวน ผู้ที่อยู่ในความมืดและพบอันหลิงเกอมิใช้ใครอื่นเพราะเป็นทัวป๋าหลิวลี่นั่นเอง นางรู้ว่าอันหลิงเกอหนีไปเช่นนี้ หากมู่จวินฮานรู้ก็ต้องไปตามกลับมาแน่นอน
แม้ต้องเกิดการทะเลาะกันขึ้นหรือเขาอาจลงโทษอันหลิงเกอ แต่ทัวป๋าหลิวลี่รู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองก็จะยังกลับมาคืนดีกัน ส่วนนางก็จะถูกกำหนดให้กลายเป็นผู้เสียสละในความสัมพันธ์ครั้งนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ทัวป๋าหลิวลี่ก็ขบกรามแน่น เมื่อเป็นเช่นนั้นก็มิสู้โยนความผิดให้อันหลิงเกอไปเสียดีกว่า
นางจึงดื่มยาเร่งคลอดเข้าไป จากนั้นก็แสร้งทำทีว่าถูกอันหลิงเกอกระแทกตอนที่กำลังจะหนีไปจากจวนอ๋องจนนางล้มไปกับพื้น
จากนั้นก็รอจนมู่จวินฮานตื่นขึ้นมาและกำลังไปตามหาอันหลิงเกอก็พบเข้ากับร่างของทัวป๋าหลิวลี่ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงมิได้สนใจเรื่องของอันหลิงเกออีกและไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน