พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 718 ยอมสูญเสียบุตร
ตอนที่ 718 ยอมสูญเสียบุตร
พอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นแล้วมู่จวินฮานก็อดโกรธเคืองมิได้ อันหลิงเกอไม่เพียงไปจากเขา หากแต่ยังกล้าวางแผนทำเช่นนี้กับจวนอ๋อง โดยการลงมือกับทัวป๋าหลิวลี่จนมีสภาพเยี่ยงในตอนนี้
“ท่านอ๋อง พระชายาหนีไปแล้ว ข้าอยากจะห้ามนาง…แต่…” ในตอนนั้นแม้ว่าทัวป๋าหลิวลี่เจ็บจนแทบทนมิไหวก็ยังแสดงออกว่าต้องการให้มู่จวินฮานไปตามอันหลิงเกอกลับมา
ความจริงทัวป๋าหลิวลี่ก็รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไรมู่จวินฮานก็ไม่มีทางไปตามอันหลิงเกอกลับมาแน่ ดังนั้นนางจึงกล้าเอ่ยปากเหมือนใจกว้าง เพราะความจริงนางไม่มีทางให้มู่จวินฮานไปตามอันหลิงเกอเด็ดขาด หากอันหลิงเกอกลับมาก็เกรงว่าตนคงไร้ที่ยืนอีก
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด จังหวะที่ทัวป๋าหลิวลี่เห็นบุตรก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา หากนางไม่ทำเช่นนี้และปล่อยให้เขาได้คลอดตามกำหนดก็คงจะดี
มู่จวินฮานรอจนทัวป๋าหลิวลี่ปลอดภัยแล้วจึงโล่งใจ
เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลง มู่จวินฮานก็อดนึกถึงเรื่องอันหลิงเกอขึ้นมามิได้ นึกถึงน้ำใจของนางในคืนนั้นที่ต่างจากอดีต นึกถึงคำพูดของนางบนรถม้า บางทีการรับนางกลับอาจจะเป็นเรื่องที่เขาคิดผิดจริง ๆ
เมื่อนึกถึงทัวป๋าหลิวลี่ที่โดนรังแก ตอนนี้ทั้งจวนต่างก็รู้กันหมดแล้ว หากเขาไม่พาอันหลิงเกอกลับมารับโทษแล้ว วันหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็เกรงว่าจะโดนผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้
ทว่าตอนนี้ฟางหลิงซู่กลับมาแล้ว มู่จวินฮานรู้ว่าการจะไปเอาตัวคนที่นั่นมิใช่เรื่องง่ายจึงทำได้แค่รอโอกาส ดังนั้นหลายวันมานี้เขาจึงมิได้ไปยุ่งวุ่นวายกับอันหลิงเกอ
ส่วนฟางหลิงซู่ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องมู่คืนนั้นแล้วย่อมรู้ดีว่าอันหลิงเกอไม่มีทางลงมือ แต่เขามิได้บอกอันหลิงเกอและไม่เปิดโอกาสให้นางได้รับรู้ อย่างไรเรื่องนี้ก็จะทำให้นางอยู่ข้างกายเขาได้แล้วจะมิใช่เรื่องดีได้อย่างไร
เวลานี้อันหลิงเกอกำลังนั่งรับลมอยู่ในสวนดอกไม้หลังเรือน ช่างดูผ่อนคลายยิ่งนัก นับตั้งแต่นางออกจากจวนอ๋องมู่แล้วในทุกวันก็มิต้องคอยกังวลเรื่องจุกจิกเพราะฟางหลิงซู่จัดการให้นางหมด ชีวิตเช่นนี้นับว่ามิเลวเลย
สำหรับอันหลิงเกอคือใช้ชีวิตอย่างเป็นทุกข์มามากพอแล้ว แต่ละวันชีวิตของนางล้วนแขวนอยู่บนความอันตรายมาโดยตลอด
ชีวิตในตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่อันหลิงเกอโหยหามาโดยตลอดก็ได้ แต่จะสามารถรักษาไว้ได้นานเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ อันหลิงเกอก็หารู้ไม่เพราะเข้าใจว่ามู่จวินฮานไม่มีทางปล่อยนางไว้เช่นนี้แน่ ตอนนี้ก็เป็นแค่ความสงบก่อนพายุจะมาเท่านั้น
ทุกครั้งที่นึกถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา ความจริงเรื่องเช่นนี้นางคุ้นชินมานานแล้ว เพียงแต่การอยู่กับฟางหลิงซู่ช่างสงบสุขยิ่งนัก นางจึงกังวลว่าความสงบจะหายไปสักวันหนึ่ง
ด้านมู่จวินฮานที่อยู่ในจวนก็เอาแต่คิดถึงเรื่องอันหลิงเกอ ตอนนี้เขาอยากให้นางกลับมา มิใช่แค่เพราะคิดถึงนางอย่างเดียวแต่ต้องการคำอธิบายให้ทัวป๋าหลิวลี่ด้วย
แต่อันหลิงเกอไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับทัวป๋าหลิวลี่ เรื่องที่นางมิได้ทำจะรู้สึกร้อนตัวได้เช่นไร ทว่าบัดนี้ความผิดก็ตกมาที่นางเสียแล้ว เพียงแต่นางยังมิรู้ก็เท่านั้น
ฟางหลิงซู่ปกป้องนางไว้ในหอพิษกู่ ทุกวันยังเดินหมากและฟังนิทานไปกับนาง บางครั้งยังเรียกคณะงิ้วมาแสดงให้อันหลิงเกอดูอีกด้วย ฟางหลิงซู่มักหาวิธีนั้นวิธีนี้มาทำให้อันหลิงเกอมีความสุข
อันหลิงเกอเอาแต่อยู่ในหอพิษกู่มิได้ออกไปข้างนอก วันเวลาไม่ได้ผ่านไปอย่างน่าเบื่อเลย สำหรับฟางหลิงซู่แล้ว การได้เห็นอันหลิงเกอในทุกวันและการได้อยู่ร่วมกับนางก็คือความสุขที่สุดแล้ว
ทว่าช่วงเวลาที่ดีมักอยู่ได้มินาน เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันมู่จวินฮานก็บุกมาที่หอพิษกู่ มิว่าอย่างไรก็จะพาอันหลิงเกอไปให้ได้ แม้ฟางหลิงซู่ขวางเอาไว้ แต่ความตั้งใจของมู่จวินฮานก็แน่วแน่มาก
“วันนี้ข้าต้องพาพระชายาไปให้ได้ คุณชายฟางอย่าเข้ามาแทรกดีกว่า” หากเป็นเมื่อก่อนมู่จวินฮานยังสุภาพต่อฟางหลิงซู่อยู่บ้าง แต่วันนี้สถานการณ์ดูตึงเครียดยิ่งนักจนทำให้อันหลิงเกอรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อเห็นอันหลิงเกอแอบอยู่ด้านหลังฟางหลิงซู่ ความโกรธในแววตาของมู่จวินฮานก็วาวโรจน์ยิ่งขึ้น เวลานี้มู่จวินฮานเอาแต่จดจ้องอันหลิงเกออยู่เช่นนั้น แม้นางจะมิรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นแต่ก็รู้สึกได้ว่าสถานการณ์มิสู้ดีเอาเสียเลย
“เพราะเหตุใด ? แม้ท่านอยากพานางไปแต่นางอาศัยอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว อย่างน้อยก็ควรมีคำอธิบายแก่ข้าบ้าง”
ฟางหลิงซู่มิยอมมู่จวินฮานโดยง่ายเช่นกัน ยิ่งเห็นท่าทางของมู่จวินฮานแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่อาจส่งอันหลิงเกอให้ได้ อีกอย่างการที่มู่จวินฮานบุกมาเวลานี้ ฟางหลิงซู่เดาว่าเป็นเรื่องของทัวป๋าหลิวลี่แน่นอน
“เฮอะ คำอธิบายหรือ ? พระชายา เกรงว่าในใจของเจ้าคงจะรู้ดีที่สุดกระมัง” มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอคล้ายจะยิ้มแต่ก็มิยิ้ม ลึกเข้าไปในดวงตามีประกายความโกรธลุกโชนอยู่
“ท่านอ๋อง หากเป็นเรื่องที่คืนนั้นข้าน้อยวางยาท่านก็เป็นความผิดของข้าน้อยจริง แต่ข้าน้อยเพียงต้องการมาบอกลาฟางหลิงซู่ อีกอย่างจวนอ๋องมู่ก็ไม่เหมาะกับข้าน้อยอีกแล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเอ่ยเช่นนี้ก็มีเหตุผลมิน้อย เพราะทันทีที่นางกลับจวนทัวป๋าหลิวลี่ก็ก่อเรื่องจนกระทบกระเทือนต่อครรภ์ หากอันหลิงเกอยังอยู่ที่นั่นต่อก็มิแน่ว่านางคงหาเรื่องอื่นมาใส่ร้ายตนอีกแน่
“เจ้ายังกล้าเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้นอีกหรือ เรื่องคืนนั้นข้าจะปล่อยไปก่อน แต่เหตุใดเจ้ามิยอมปล่อยทัวป๋าหลิวลี่บ้าง ! ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยการคุกคามคล้ายกำลังไต่สวนนางอยู่ อันหลิงเกอจึงมิเข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องโมโหมากเพียงนี้
นางยังมิรู้ว่าเวลานี้คนของแคว้นชิงเยว่ได้บุกมาหาถึงที่แล้ว !
มู่จวินฮานอยากปกป้องแต่ก็ต้องพานางไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน
ฟางหลิงซู่ก็รู้สึกมึนงงเช่นกัน เรื่องที่มู่จวินฮานกล่าวถึงหากมิใช่ความเข้าใจผิดที่ทัวป๋าหลิวลี่ตั้งใจสร้างขึ้นในคืนนั้นจะเป็นเรื่องใดได้อีก เพราะหลายวันที่ผ่านมาอันหลิงเกอก็ไม่ได้ออกจากหอพิษกู่เลย
“อ๋องมู่คงมีเรื่องเข้าใจผิดแล้วเพราะหลายวันมานี้พระชายาอยู่ที่เรือนของข้าโดยมิออกไปไหนเลย ทุกคนในหอพิษกู่ล้วนเป็นพยานได้ ! ”
เวลานี้เห็นท่าทางเคร่งขรึมของฟางหลิงซู่แล้ว มู่จวินฮานจึงหันไปมองอันหลิงเกออีกครั้ง เห็นสีหน้าที่ไม่รู้เรื่องอันใดของนางแล้วภายในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา คงมิใช่ว่าเขาเข้าใจนางผิดกระมัง
“วันนี้มีคนยื่นฎีกาว่าทัวป๋าหลิวลี่บงการเรื่องลอบสังหารในวันไปล่าสัตว์ เรื่องนี้เจ้ามิรู้จริงหรือ ? ” มู่จวินฮานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟัง ก่อนจะหันไปมองอันหลิงเกออีกครา
“การจะเล่นงานผู้ใดย่อมหาข้ออ้างได้เสมอ หากข้าน้อยอยากกำจัดนางจริง ด้วยฐานะจะทำเช่นไรย่อมได้เสมอ เหตุใดต้องทำเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้งด้วยเล่า ? ”
อันหลิงเกอยักไหล่เล็กน้อยพร้อมยิ้มอย่างเอือมระอา เช่นนี้คล้ายเป็นฝีมือของนางที่ไปยื่นฎีกาจริง แต่นางมิได้ทำเรื่องโง่เง่าอีกทั้งไร้เหตุผลที่จะเปิดเผยตัวเช่นนี้ด้วย
พอเห็นท่าทีมิแยแสของอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานก็ตระหนักได้ว่าเข้าใจนางผิดไป ตอนนี้เขาเองก็พอมองออกว่าอันหลิงเกอมิได้รู้เรื่องนี้เลย
ฟางหลิงซู่ที่อยู่ด้านข้างกลับตกอยู่ในภวังค์ เดิมทีการใส่ร้ายทัวป๋าหลิวลี่เป็นแผนของเขาแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือตามที่คิดไว้จริง คงมิใช่ว่ามีคนใช้แผนเดียวกันเพื่อไปยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้หรอกกระมัง ?