พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 724 ไปเผ่าปิงชวน
ตอนที่ 724 ไปเผ่าปิงชวน
แล้วต่อจากนั้นเกิดอันใดขึ้นอีกหรือ ? เหตุใดนางจึงมาอยู่กับฟางหลิงซู่ในรถม้าได้ ? แล้วเหตุใดร่างกายของฟางหลิงซู่จึงเต็มไปด้วยบาดแผล ?
ยิ่งคิดอันหลิงเกอก็รู้สึกแค่ว่าในสมองวุ่นวายไปหมด ไม่ว่าเช่นไรก็คิดมิตกทั้งสิ้น
อีกทั้งตอนนี้อันหลิงเกอยังรู้สึกมึนศีรษะและเหนื่อยล้าอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปมิเท่าไร นางก็เข้าไปซบอกฟางหลิงซู่และนอนหลับทั้งอย่างนั้น
ผ่านไปนานพอสมควร ฟางหลิงซู่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นบาดแผลบนร่างกายถูกพันเรียบร้อยแล้ว ในเวลานี้อันหลิงเกอก็กำลังซบอยู่ที่แผงอกของตน ฟางหลิงซู่จึงรู้ว่าเมื่อครู่นางตื่นขึ้นมารอบหนึ่งแล้ว
จากนั้นฟางหลิงซู่ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วยกตัวอันหลิงเกอออกเบา ๆ เพื่อให้นางไปนอนพิงรถม้า ขณะมองอันหลิงเกอตรงหน้าเขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เดิมทีเขามิรู้ว่าควรเผชิญหน้ากับนางเช่นไร แต่นางก็ดีกับเขามากเหลือเกิน
“อือ…” ในขณะที่ฟางหลิงซู่กำลังเฝ้ามองอยู่นั้น นางก็ตื่นขึ้นมาพอดี เวลานี้สติของนางกลับมาเต็มร้อย พอเห็นฟางหลิงซู่แล้ว ความสงสัยของนางก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ฟางหลิงซู่ พวกเราจะไปที่ใดหรือ ? แล้วเหตุใดข้าถึง…” อันหลิงเกอถามเรื่องที่สงสัยทันทีพลางมองฟางหลิงซู่ตรงหน้า นางรู้สึกไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเอาเสียเลย
“วันนั้นข้าพาเจ้าไปส่งที่วังหลวง แต่คาดมิถึงว่าฮ่องเต้จะวางแผนไว้แล้ว” พอเอ่ยถึงตรงนี้แล้วฟางหลิงซู่ก็หยุดไปเสียดื้อ ๆ จากนั้นก็มองไปที่อันหลิงเกอและแสร้งทำเหมือนไม่อยากพูดต่อสักเท่าไร
“ข้ามิคิดว่าฮ่องเต้ประสงค์ใช้เจ้าเพื่อทำให้มู่จวินฮานสละอำนาจทางทหาร” พอได้ยินคำพูดนี้แล้วอันหลิงเกอก็ตกตะลึงทันที
นางรู้เพียงว่าฮ่องเต้หวาดระแวงเก่ง แม้ก่อนหน้านี้นางพอคาดเดาได้ว่ากลายเป็นหมากตัวหนึ่งของพระองค์ไปแล้ว แต่คาดมิถึงว่าพระองค์จะเดินหมากรวดเร็วเช่นนี้
เห็นสีหน้าของอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่ก็รู้ได้ว่านางไม่พบพิรุธ ดังนั้นเขาจึงเล่าต่อ เพราะเวลานี้อันหลิงเกอกำลังสับสนวุ่นวายและมิรู้ว่ากำลังเป็นห่วงมู่จวินฮานอยู่หรือไม่
“ข้าแอบได้ยินบทสนทนาระหว่างฮ่องเต้และแม่นมอยู่หลังฉากกั้นจึงรีบเข้าไปช่วยเจ้าออกมา แต่องครักษ์ของฝ่าบาทก็ร้ายกาจยิ่งนัก ข้าต่อสู้กับพวกเขาอยู่นานจึงมีสภาพเยี่ยงที่เจ้าเห็น”
เมื่อกล่าวจบ ฟางหลิงซู่ก็ยิ้มออกมาคล้ายกำลังเย้ยหยันตนเองที่มีวรยุทธต่ำต้อย อันหลิงเกอที่กำลังมองหน้าเขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
“ตอนนี้มู่จวินฮานมิน่าเป็นอันใด เพราะเมื่อฮ่องเต้มิเจอตัวเจ้าแล้วก็จะข่มขู่เขาต่อไปมิได้ เรื่องนี้ก็คงจบลงแล้ว”
ฟางหลิงซู่รู้ว่าอันหลิงเกอต้องเป็นห่วงมู่จวินฮานอยู่แน่ เขาจึงมิรอให้นางเอ่ยปากถามแล้วก็ชิงเอ่ยประโยคนี้ให้อันหลิงเกอฟังก่อน ซึ่งเป็นอย่างที่คิดว่าสีหน้าของอันหลิงเกอผ่อนคลายขึ้นทันที
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปที่ใดหรือ ? ” อันหลิงเกอมองรถม้าที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมแววตาที่สับสน
“เจ้าอยู่ในเมืองหลวงต่อไปมิได้แล้ว เพราะไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดทำอันใดกับเจ้าอีกหรือไม่ ข้าจึงต้องพาเจ้าไปอยู่ที่เผ่าปิงชวนก่อน เนื่องจากที่นั่นข้าพอมีอำนาจอยู่บ้างและสามารถปกป้องมิให้ผู้อื่นทำร้ายเจ้าได้”
หลังฟางหลิงซู่กล่าวจบ อันหลิงเกอก็พยักหน้ารับทันที เพราะนางเองก็รู้ถึงสถานการณ์ของราชสำนักดี
“ฟางหลิงซู่” ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็เรียกชื่อฟางหลิงซู่ขึ้นมาอีก แต่เขายังมิทันเข้าใจว่านางเรียกเพราะเหตุใด อันหลิงเกอก็พูดต่อทันที “เมื่อออกมาแล้ว ต่อจากนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลับมาอีก ดีหรือไม่ ? ”
เมื่อได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยเยี่ยงนี้ ฟางหลิงซู่ก็ตกตะลึงทันที เขาคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะยอมไปกับตน และยังนึกมิถึงว่าในอนาคตนางจะอยู่กับเขาที่เผ่าปิงชวน
แต่อันหลิงเกอมิได้คิดเช่นนั้น เพราะนางแค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายในราชสำนักและนางยังมิได้ปรับความเข้าใจกับมู่จวินฮาน เมื่อคิดได้เช่นนั้นหัวใจของนางก็เริ่มว้าวุ่นจึงมีความคิดที่อยากจะหนีจากเรื่องพวกนี้ไปให้ไกล
อันหลิงเกอมิรู้ว่าการทำเช่นนี้ส่งผลให้นางได้ตกอยู่ในแผนการของฟางหลิงซู่อย่างสมบูรณ์
“ข้าแล้วแต่เจ้าทุกอย่าง” ฟางหลิงซู่กำลังมองอันหลิงเกอด้วยสายตาอ่อนโยน
ส่วนอันหลิงเกอก็ดูเหมือนรู้สึกสบายใจเล็กน้อยจากการออกมาอย่างกะทันหันในครั้งนี้
สำหรับอันหลิงเกอแล้ว การออกมาจากราชสำนักน่าจะเป็นทางเลือกดีที่สุด เนื่องจากตอนนี้นางไม่มีความรู้สึกใดต่อสถานที่นี้อีกแล้ว
อีกอย่างตอนอยู่ที่นั่น นางก็ต้องเผชิญกับอุบายที่ฮ่องเต้มีต่อมู่จวินฮานเพราะความไม่ไว้วางพระทัยนับครั้งมิถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องต่อกรกับเหล่าอนุภรรยาของมู่จวินฮานที่มีแต่เล่ห์เหลี่ยม เรื่องพวกนี้ล้วนทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้า
จากนั้นทั้งสองคนก็สนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่ในรถม้า ฟางหลิงซู่รู้ว่าตอนนี้อันหลิงเกอกำลังรู้สึกสบายใจ เชื่อว่าหากนางอยู่กับเขาไปตลอดก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่นางจะลืมมู่จวินฮานได้และยอมรับความรักจากเขา
หารู้ไม่ว่าตอนนี้ความคิดของอันหลิงเกอลอยไปอยู่ที่มู่จวินฮานแล้ว แม้นางยอมจากมาแต่ก็ยังรักมู่จวินฮานอยู่
หลังได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเมื่อครู่ว่าเพื่อจัดการมู่จวินฮานแล้วฮ่องเต้ถึงขั้นจับนางเป็นตัวประกัน นางก็มิได้เกลียดฮ่องเต้แต่อย่างใด ทว่ากำลังเป็นห่วงมู่จวินฮานมากกว่า
นางรับรู้ถึงความลำบากในราชสำนักของมู่จวินฮานมาโดยตลอดและรู้ว่าฐานะของเขาจะถูกฮ่องเต้จัดการในมิช้าก็เร็ว แต่พอมาถึงวันนั้นแล้ว นางกลับมิได้ยืนเคียงข้างเขา
มิรู้ว่าตอนนี้ทัวป๋าหลิวลี่จะทำตัวดีในจวนหรือไม่ มิรู้ว่านางจะรู้สึกอันใดต่อมู่จวินฮานจริงหรือเปล่า อันหลิงเกออดมิได้ที่จะเป็นกังวลกับภัยพิบัติเยี่ยงทัวป๋าหลิวลี่และเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของมู่จวินฮานขึ้นทุกที
พอเห็นท่าทีของอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่ก็รู้ทันทีว่านางเริ่มคิดถึงมู่จวินฮานอีกครา ความอบอุ่นเมื่อครู่จึงมลายหายไปทันที เวลานี้หัวใจของฟางหลิงซู่เต็มไปด้วยความผิดหวังเข้ามาแทนที่
แม้เขารู้อยู่แล้วว่าอันหลิงเกอยังตัดใจจากมู่จวินฮานมิได้ แต่พอได้เห็นว่านางเป็นห่วงอีกฝ่ายเช่นนี้ เขาก็อดรู้สึกเศร้าใจมิได้
“ฟางหลิงซู่…” ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็พูดขึ้นมา ฟางหลิงซู่รู้ทันทีว่านางอยากกล่าวอันใด เขาจึงมิรอให้นางพูดจบและรีบชิงพูดตัดหน้าทันที
“เกอเอ๋อ ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องใด แต่เจ้าวางใจได้ รอให้พวกเราถึงเผ่าปิงชวนแล้วมิว่าสถานการณ์ของมู่จวินฮานเป็นเยี่ยงไร สายลับของข้าก็จะรายงานให้ทราบทุกอย่าง ข้ามิยืนดูเฉย ๆ แน่นอน”
เมื่อได้ยินฟางหลิงซู่กล่าวเช่นนั้น สีหน้าของอันหลิงเกอก็ดูผ่อนคลายอย่างที่คิดเอาไว้ แม้ฟางหลิงซู่จะเดาความคิดของนางออกตั้งแต่แรก ทว่าเขาก็ยังอดรู้สึกแย่มิได้
หลังจากอันหลิงเกอใจเย็นลงแล้ว นางก็มิได้สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฟางหลิงซู่ สำหรับฟางหลิงซู่นั้นความรู้สึกที่มีให้อันหลิงเกอมากขึ้นทุกวันและการที่เขาดีต่อนางนั้น อันหลิงเกอย่อมรู้ดีแก่ใจ
ทว่าความรู้สึกที่นางมีให้ฟางหลิงซู่ดูเหมือนเป็นแค่ความรู้สึกซาบซึ้งใจเท่านั้น
หรือมากกว่านั้นก็แค่ความไว้เนื้อเชื่อใจและการพึ่งพากัน หากกล่าวถึงเรื่องความรักแล้วนางมีให้มู่จวินฮานเพียงคนเดียว
ระหว่างนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อไปเผ่าปิงชวน จู่ ๆ อันหลิงเกอก็อยากกลับไปจวนอ๋องเพื่ออยู่เคียงข้างมู่จวินฮาน
ตอนนี้มู่จวินฮานตัวคนเดียวแล้วจะทำเช่นไร ?
“ฟางหลิงซู่”
ตอนนี้ฟางหลิงซู่เกิดกลัวเสียงเรียกของอันหลิงเกอขึ้นมา เพราะเข้าใจความคิดของนางดีว่าคงอยากกลับไปอยู่เคียงข้างมู่จวินฮาน แต่เขามิอาจรับปากนางได้