พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 733 กลับไปช่วยเขา
ตอนที่ 733 กลับไปช่วยเขา
การกระทำของฟางหลิงซู่ทำให้อันหลิงเกอหมดสติ และตอนนี้มู่จวินฮานมั่นใจว่าคนที่อยู่ห้องขังด้านข้างคืออันหลิงเกอ
แต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนเรียกนางเยี่ยงไร อันหลิงเกอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย
ทันใดนั้นด้านนอกคุกใต้ดินก็มีเสียงการต่อสู้เกิดขึ้น มู่จวินฮานยังมิทันได้ทำอันใดก็เห็นร่างของชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวที่นอกห้องขัง
คนผู้นั้นเปิดประตูห้องขังได้อย่างง่ายดาย หลังเห็นท่าทางสงสัยของมู่จวินฮานแล้วก็ดึงหน้ากากที่สวมออกพร้อมส่งสัญญาณมือให้มู่จวินฮานเงียบ
เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นคือชิงเฟิงที่ก่อนหน้านี้มู่จวินฮานได้ฝากฝังให้ทำทุกอย่าง เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา แต่มู่จวินฮานมิได้รีบร้อนให้ชิงเฟิงช่วยปลดพันธนาการออก แต่ให้ชิงเฟิงไปเปิดประตูห้องขังของอันหลิงเกอแทน
แม้ชิงเฟิงสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง เมื่อมาถึงห้องขังด้านข้างก็พบคนผู้หนึ่งนอนอยู่และหลังจากที่ชิงเฟิงได้เปิดหน้ากากของอันหลิงเกอออกก็เข้าใจทันที แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก มู่จวินฮานจึงส่ายหน้าให้ชิงเฟิงเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขารีบพาอันหลิงเกอออกไป
ชิงเฟิงลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่าไม่มีเวลามาคิดมากแล้วเพราะการกระทำเมื่อครู่ได้กระตุ้นทหารยามของที่นี่ หากยังไม่ไปอีกทั้งสามคนก็คงไม่มีผู้ใดสามารถหนีไปจากที่นี่ได้
เมื่อชิงเฟิงพาตัวอันหลิงเกอออกไปแล้ว มู่จวินฮานก็วางใจได้เสียที ขอเพียงอันหลิงเกอปลอดภัยและหนีไปได้ ฟางหลิงซู่ก็ไม่สามารถหาจุดอ่อนใดมาข่มขู่เขาได้อีก
เวลานี้อันหลิงเกอรู้สึกตัวขึ้นมาและปวดร้าวไปทั้งกาย อีกทั้งนางยังอยู่บนหลังของชิงเฟิงและหันไปมองมู่จวินฮาน แต่นางก็เข้าใจดีว่าจะต้องหนีออกมาก่อน มิเช่นนั้นมู่จวินฮานจะถูกคนอื่นควบคุมได้
แต่เมื่อทั้งคู่ออกจากคุกใต้ดินก็พบเข้ากับฟางหลิงซู่ที่รีบตามมาดูสถานการณ์ เนื่องจากเมื่อครู่ชิงเฟิงได้ถอดหน้ากากออกแล้ว ฟางหลิงซู่จึงจดจำเขาได้ทันที
ฟางหลิงซู่ก็มองออกว่าคนที่อยู่บนหลังของชิงเฟิงมิใช่มู่จวินฮานแต่เป็นสตรีเสียสติที่บาดเจ็บอยู่อีกห้องขังหนึ่ง เขาจึงคิดว่าชิงเฟิงรีบร้อนเกินไปจนช่วยคนผิด
ถึงตรงนี้แล้วฟางหลิงซู่ก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วปล่อยให้พวกเขาหนีไป แต่ฟางหลิงซู่มิรู้ว่าคนที่อยู่บนหลังของชิงเฟิงก็คืออันหลิงเกอที่เฝ้าตามหา
เวลานี้ใบหน้าของอันหลิงเกออยู่ภายใต้หน้ากากและเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ขณะมองฟางหลิงซู่เดินเข้าไปในคุกใต้ดิน นางก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดและกระทำต่อนางกับมู่จวินฮานตอนอยู่ในคุก
เพราะเหตุใดมู่จวินฮานจึงมองออกว่าเป็นนาง แต่ฟางหลิงซู่กลับมองมิออก ?
เหตุใดเขาถึงใช้นางมาข่มขู่มู่จวินฮานแต่มิช่วยเหลือ แล้วปล่อยให้มู่จวินฮานหนีไป
เพราะเขารับปากนางแล้ว พูดเต็มปากว่าจะไม่ทำร้ายมู่จวินฮาน แต่สุดท้ายเขาก็ผิดคำพูดทั้งยังหลอกใช้นาง ทำให้ตอนนี้น้ำตาของอันหลิงเกอไหลลงมาเป็นสายและนึกถึงคำพูดที่นางมีต่อฟางหลิงซู่ในช่วงมิกี่เดือนมานี้
“เกอเอ๋อ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ตราบใดที่เจ้าพยายามยอมรับข้า มันก็คุ้มค่าทั้งนั้น” ฟางหลิงซู่ในเวลานั้นดูมีเสน่ห์และอบอุ่นยิ่งนัก
“เกอเอ๋อ หากเจ้ามิชอบสิ่งใดก็บอกข้าได้เลย ข้าจะมิให้เจ้าทำในสิ่งที่เกลียดเพราะข้าอยากเป็นคนในดวงใจที่เจ้ารัก ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเจ็บปวดอย่างแน่นอน”
ฟางหลิงซู่ในเวลานั้นย่อมเห็นแววตาที่หวั่นไหวของอันหลิงเกอ ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับกาลเวลา ท้ายที่สุดพวกตนก็จะได้ครองคู่กัน และสำหรับฟางหลิงซู่มิว่าต้องเผชิญกับเรื่องราวมากน้อยเพียงใดหรือยาวนานแค่ไหนก็พร้อมที่จะรอ
“ขอเพียงเจ้าไม่หลอกลวงข้า ไม่เห็นข้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง ข้า…” อันหลิงเกอยังมิทันกล่าวจบ ฟางหลิงซู่ก็พยักหน้าเป็นไก่จิกข้าวสารและท่าทางของเขาก็ดูตื่นเต้นดีใจอย่างมาก
หลังจากที่พวกเขาหนีมาที่เผ่าปิงชวน ความสัมพันธ์ก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากที่นี่มีสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ และอันหลิงเกอก็ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั่นเอง
ในสถานที่แปลกใหม่ก็ทำให้อันหลิงเกอมีเพียงฟางหลิงซู่เป็นที่พึ่งจึงเป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกกับเขามากกว่าเดิม
ทว่าพออันหลิงเกอคิดมาถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังโดนมีดทิ่มแทง
พลันหวนนึกถึงอดีตชาติที่นางถูกทรยศจนท้ายที่สุดต้องตายอย่างอนาถ
ชิงเฟิงได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจึงมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นเลือด ตอนนี้เขาได้กลิ่นคาวเลือดจากตัวอันหลิงเกอจึงหยุดฝีเท้าและตรวจสอบบนร่างกายของนาง
แต่อันหลิงเกอส่ายหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้เขารีบเดินทางต่อ ก่อนที่ชิงเฟิงจะมาช่วยพวกเขาก็ได้เตรียมตั้งค่ายไว้ในเผ่าปิงชวนอย่างดีแล้ว ทำให้ค่ายหลบภัยนี้อยู่ห่างจากที่นี่มิไกลนัก
ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ ( 15 นาที ) พวกนางก็มาถึงค่ายหลบภัย แต่เพราะครั้งนี้ช่วยมู่จวินฮานออกมามิได้จึงเป็นธรรมดาที่พวกนางจะไม่จากไปโดยง่าย ชิงเฟิงรีบเรียกท่านหมอมาดูบาดแผลให้อันหลิงเกอและย่อตัวลงด้านข้างนาง
“ที่จริง ตอนท่านอ๋องมาช่วยพระชายาก็ได้มอบทุกอย่างแก่บ่าวแล้วขอรับ” ขณะมองอันหลิงเกอที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ชิงเฟิงก็กล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“มอบให้เจ้าหรือ ? ” อันหลิงเกอมิอยากจะเชื่อ
“ขอรับ ท่านอ๋องกล่าวว่าหากช่วยพระชายาออกมามิสำเร็จก็ให้บ่าวนำทหาร 50,000 นายไปช่วยพระชายาออกมาขอรับ” ชิงเฟิงพยักหน้าพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น
ไม่มีใครคาดคิดว่ามู่จวินฮานจะสั่งให้กองทัพ 50,000 นายถอยกลับ
แต่ชิงเฟิงเข้าใจดีว่าเพราะท่านอ๋องถูกศัตรูข่มขู่
พอเรื่องนี้เกิดขึ้น ชิงเฟิงก็ตระหนักได้ว่าสำหรับมู่จวินฮานแล้วอันหลิงเกอมีความสำคัญมากเพียงใด แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่เป็นพวกรักศักดิ์ศรีจึงไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมา
อันหลิงเกอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสมองอื้ออึงขึ้นมา นางคิดอะไรมิออกในตอนนี้ ทุกคนต่างรู้ว่าทหาร 50,000 นายของจวนอ๋องมู่ถูกเตรียมไว้เพื่อแผ่นดินต้าโจว แต่บัดนี้อันหลิงเกอเข้าใจแล้วว่ามู่จวินฮานรักนางมาก กระทั่งยอมใช้ทหาร 50,000 นายมาเป็นป้อมปราการอันมั่นคงให้แก่นาง
ทันใดนั้นน้ำตาของอันหลิงเกอก็ไหลลงมาอีกครา เดิมทีนางโกรธเขา แต่ตอนอยู่ในคุกใต้ดิน นางได้ทราบความจริงทุกอย่างและรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมิได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย
ตอนนี้อันหลิงเกอรู้สึกผิดและทุกข์ทรมานจนแทบหายใจมิออก ฝ่ามือนั้นของฟางหลิงซู่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลจนนางมิรู้ว่ากำลังปวดใจหรือเจ็บกายกันแน่
ฟางหลิงซู่เป็นคนที่นางเชื่อใจมาโดยตลอด คาดมิถึงว่าจะเป็นคนที่หลอกใช้นางมาโดยตลอดเช่นกัน เขายังทำร้ายมู่จวินฮานเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้พวกนางด้วย
ฟางหลิงซู่คงมิรู้ว่าหลังทำร้ายมู่จวินฮานแล้วคนที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดมากที่สุดก็คือนาง เป็นนางเช่นกันที่ต้องเสียบุตรไป และเรื่องทั้งหมดนี้นางคือคนเดียวที่ทรมานและเจ็บปวดมากที่สุด
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็นึกถึงสิ่งที่ฟางหลิงซู่เคยทำให้ ความดีของเขาทั้งหมดล้วนเป็นแผนการด้วยหรือ ? เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของฟางหลิงซู่ตั้งแต่ต้นก็คือการครองบัลลังก์
หรือไม่นางก็เป็นแค่บันไดให้เขาก้าวขึ้นไป ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็รู้สึกว่าในปากของตนมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เมื่อชิงเฟิงเห็นอันหลิงเกอเป็นเช่นนั้นก็รีบยื่นถ้วยยาให้ดื่มทันที
ขณะมองท่าทางขื่นขมของอันหลิงเกอแล้ว ชิงเฟิงก็กำหมัดแน่น