พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 734 ทำร้ายนางไปแล้ว
ตอนที่ 734 ทำร้ายนางไปแล้ว
ชิงเฟิงคาดมิถึงว่าท้ายที่สุดคนที่ทำร้ายอันหลิงเกอจะเป็นฟางหลิงซู่ เนื่องจากตนก็เคยเห็นความดีที่ฟางหลิงซู่มีต่ออันหลิงเกอมาก่อนหน้านี้ แต่อีกฝ่ายได้เปลี่ยนเป็นคนเช่นนี้ไปเสียได้
“ชิงเฟิง พวกเรากลับไปช่วยจวินฮานกันเถิด” อันหลิงเกอคิดได้บางอย่างจึงรีบลุกจากเตียง แต่ชิงเฟิงก็ขวางไว้เสียก่อน
“พระชายาโปรดใจเย็นก่อน ท่านเป็นอันใดไปแล้วขอรับ ? ” ชิงเฟิงมองอันหลิงเกอด้วยสีหน้ามึนงง ตอนนี้นางยังบาดเจ็บสาหัสอยู่และแขนก็เพิ่งได้รับการรักษา จักไปช่วยมู่จวินฮานตอนนี้ได้อย่างไร
“ฟางหลิงซู่ ฟางหลิงซู่แค้นจวินฮานมาก เขาแค้นจวินฮานมาโดยตลอด” คำพูดของอันหลิงเกอค่อนข้างติดขัด เมื่อครู่นางเพิ่งนึกถึงเรื่องครั้งนั้นที่ฟางหลิงซู่ต้องนอนหลับใหลไปนานอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง นางจึงเข้าใจทุกอย่างทันที
“ฟางหลิงซู่ไม่ให้อภัยเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นแน่นอน ! ”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อันหลิงเกอก็รู้สึกตื่นตระหนก เพราะนางไม่รู้ว่าฟางหลิงซู่จะทำอันใดมู่จวินฮานบ้าง แต่พอนึกถึงเรื่องของอวีหลันกงจู่แล้วก็รู้ทันทีว่าฟางหลิงซู่จะไม่เลิกราโดนง่าย
ทว่าชิงเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธเพราะตอนนี้เขายังปล่อยนางไปมิได้ พวกเขายังไร้แผนการที่รัดกุมมากพอ อีกทั้งจำนวนคนมีน้อยจึงให้ไปเสี่ยงมิได้
อันหลิงเกอเห็นท่าทางหนักแน่นของชิงเฟิงแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่วู่วามมากเกินไป
ตอนนี้ฟางหลิงซู่ไม่มีสิ่งใดมาขู่ให้มู่จวินฮานสั่นคลอนได้จึงไม่อาจนำตราอาญาสิทธิ์มาไว้ในครอบครอง
ขอเพียงมู่จวินฮานมิยอมมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมา อีกฝ่ายก็ไม่มีทางสังหารเขา แต่พอคิดว่ามู่จวินฮานต้องทนรับการทรมานเหล่านั้นแล้ว อันหลิงเกอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
ตอนนี้ฟางหลิงซู่เข้ามาในคุกใต้ดิน หลังได้รับรายงานว่ามู่จวินฮานมิได้โดนช่วยเหลือออกไป มีเพียงนักโทษนิรนามห้องด้านข้างเท่านั้นที่ถูกช่วยออกไปและเขาก็ต้องหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า อาชาแกร่งก็มีวันล้มเหมือนกันหรือไร ? ” ฟางหลิงซู่หัวเราะเสียงดังลั่น เขาทราบถึงความสามารถของชิงเฟิงมาโดยตลอด แต่คราวนี้ชิงเฟิงผิดพลาดจนช่วยผิดคน ช่างน่าขำเสียจริง
เวลานี้ประมุขเผ่าก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขายืนอยู่ด้านข้างฟางหลิงซู่โดยมิกล่าวอันใดออกมา แต่มองไปที่ห้องขังอันว่างเปล่าจากนั้นก็หันไปมองรอยยิ้มสบายใจในแววตาของมู่จวินฮานก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายได้พบอันหลิงเกอแล้ว
จากนั้นประมุขเผ่าก็หันไปมองฟางหลิงซู่ที่ตอนนี้กำลังหัวเราะเยาะว่าชายชุดดำผู้นั้นช่วยผิดคนโดยมิรู้เลยว่าคนที่ถูกช่วยออกไปก็คืออันหลิงเกอที่เฝ้าฝันและอยากพาหนีไปนั่นเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วประมุขเผ่าก็อดหัวเราะออกมามิได้ เขายังไม่กล่าวอันใดออกมาเพราะในเมื่อตอนนี้มิได้ตราอาญาสิทธิ์มาครองก็ปล่อยให้บุรุษทั้งสองทะเลาะกันเอง
สงครามในครานี้เผ่าปิงชวนสูญเสียไปอย่างมหาศาล ประมุขเผ่าจึงตั้งตาคอยกองทัพ 50,000 นายมาโดยตลอด แต่คาดมิถึง…ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้เพราะมู่จวินฮานมินำตราอาญาสิทธิ์ออกมาเด็ดขาด
จากนั้นประมุขเผ่าก็เดินออกไป ก่อนจากก็ยังหันไปมองฟางหลิงซู่ด้วยสายตายากจะหยั่งถึงแล้วถอนหายใจออกมาเพราะตอนนี้ฟางหลิงซู่ได้สูญเสียความรักไปแล้ว
แต่ฟางหลิงซู่มิรู้ตัวและเมื่อประตูห้องขังปิดลงก็ทำให้คุกใต้ดินหลงเหลือเพียงฟางหลิงซู่และมู่จวินฮาน ตอนนี้ได้มองฟางหลิงซู่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา
“ฟางหลิงซู่ เจ้ามิรู้สึกว่าตัวเองน่าขันบ้างหรือ ? ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานแหบพร่าฟังแทบมิได้ยินเพราะตอนนี้เขาไร้กำลังแล้ว แต่ก็มิอยากให้ฟางหลิงซู่ดีใจเกินไปและอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดบ้าง
“น่าขันหรือ ? คนที่น่าขันเป็นเจ้าต่างหาก อ๋องมู่” ฟางหลิงซู่คิดเพียงว่ามู่จวินฮานกำลังพยายามดิ้นรนและยั่วโทสะจึงได้กล่าวเช่นนี้ออกมา
“ข้าหรือ ? หึ ! อย่างน้อยข้าก็จำเกอเอ๋อได้ และตอนนี้นางก็มิได้อยู่ในมือพวกเจ้าแล้ว” มู่จวินฮานเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน แต่ฟางหลิงซู่ได้ยินก็รู้สึกโมโหจนตัวสั่นเพราะมิรู้ว่าอันหลิงเกออยู่ที่ใด เมื่อได้ฟังเช่นนี้จึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
“อ๋องมู่ เจ้าคงเสียสติไปแล้วกระมัง เหตุใดจึงชอบพูดเพ้อเจ้อเช่นนี้ ช่วงหลายวันมานี้เจ้ามิได้ออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียวแล้วเจ้าจะพบอันหลิงเกอทั้งรู้เบาะแสของนางได้เยี่ยงไร ? ”
เมื่อลองคิดให้ดีแล้วฟางหลิงซู่ยังเข้าใจว่านี่เป็นการพยายามดิ้นรนของมู่จวินฮานจึงยิ้มเยาะออกมา เพราะตอนนี้มู่จวินฮานสูญเสียอิสรภาพ แม้แต่ตัวเองยังเอามิรอดแล้วจักรู้เบาะแสของอันหลิงเกอได้อย่างไร
“ฮ่าฮ่า ไกลสุดขอบฟ้าแต่อยู่ใกล้เพียงตาเห็น นางอยู่ใกล้สายตาเจ้าถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับมองมิเห็นนาง” หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินคำกล่าวของฟางหลิงซู่แล้วก็รู้ว่ามิได้รักอันหลิงเกออย่างแท้จริง
มิรู้เป็นเพราะเหตุใด หลังได้ฟังประโยคนี้ของมู่จวินฮานจบแล้ว ฟางหลิงซู่ก็หันไปมองห้องขังด้านข้างโดยมิรู้ตัว ตอนนี้คราบเลือดที่เกิดจากฝีมือการทำร้ายนางในเวลานั้นได้แห้งไปแล้ว
“อ๋องมู่ เจ้าคงเลอะเลือนไปเองมากกว่า” ขณะที่พูดเสียงของฟางหลิงซู่ก็สั่นเครือเล็กน้อย จากนั้นความทรงจำมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองจนทำให้เขาเริ่มกลัวว่าคนที่เขาลงมือทำร้ายไปจะเป็นอันหลิงเกอจริง และถ้าเป็นเยี่ยงนั้นนางก็คงรับรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว…
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางหลิงซู่ก็ทนมิไหวอีกต่อไป เขารีบวิ่งออกจากคุกใต้ดินเพื่อไปถามคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงทุกอย่างและเขาอยากรู้ว่าเป็นแผนการของอีกฝ่ายจริงหรือไม่
“ไม่น้อมส่ง ประมุขหอกู่พิษ”
ขณะมองฟางหลิงซู่วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน มู่จวินฮานก็พูดทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม แม้ตอนนี้บาดแผลบนร่างกายจะสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่มู่จวินฮานก็มิแยและไม่กลัวตาย เนื่องจากตอนนี้อันหลิงเกอปลอดภัย และเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถของชิงเฟิงด้วย
“เพราะเหตุใด ! ”
ฟางหลิงซู่เพิ่งเข้ามาในตำหนักของประมุขเผ่าก็เอ่ยถามด้วยความโกรธทันที ตอนนี้ประมุขเผ่ากำลังดื่มโอสถอยู่ พอเห็นฟางหลิงซู่เดินเข้ามาก็รู้ทันทีว่าเป็นเพราะเรื่องใด แต่คาดมิถึงว่าฟางหลิงซู่จะโมโหร้ายมากเพียงนี้จนมิสามารถระงับอารมณ์ได้
“เจ้าอยากถามเรื่องใดหรือ ? อยากถามว่าเหตุใดข้ามิบอกความจริงต่อเจ้าหรือเพราะเหตุใดเจ้าจึงจำมิได้ว่าคนผู้นั้นคือนาง ? ”
ตอนนี้ประมุขเผ่ามิคิดรักษาความสัมพันธ์อย่างที่เคยทำอีกต่อไป ตรงกันข้ามคือกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิอีกด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้วฟางหลิงซู่เป็นคนที่จดจำนางมิได้และทำร้ายนางเอง
“เจ้า ! ” ตอนนี้ดวงตาของฟางหลิงซู่แดงก่ำ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปบีบคอประมุขเผ่าทันที
บัดนี้ฟางหลิงซู่ก็ต้องทุบหม้อข้าวแล้วเพราะในเมื่อศึกสุดท้ายไร้อันหลิงเกออยู่ด้วย เรื่องอื่นก็ไร้ความหมาย
“เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าใครสามารถชนะสงครามในครั้งนี้ได้และใครคือประมุขกันแน่ ? ” ตอนนี้ฟางหลิงซู่ใจเย็นลงแล้วแต่มือที่บีบลำคอประมุขเผ่ายังคงเดิม
เขาต้องการเอาชีวิตประมุขเผ่าเพื่อชดเชยความรู้สึกระหว่างตนและอันหลิงเกอ เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของฟางหลิงซู่แล้ว ประมุขเผ่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
“เจ้ากล้าหรือ ? ” ตอนนี้ประมุขเผ่าพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพราะรู้ว่าฟางหลิงซู่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ เนื่องจากตอนนี้ฟางหลิงซู่กำลังร้อนใจแล้วจะยั้งมือได้เยี่ยงไร
“เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเป็นคนทำให้เผ่าปิงชวนเดินมาถึงจุดนี้และเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าปิงชวนกับราชสำนักต้าโจว ! ”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องแผ่นดินแล้ว อารมณ์ของฟางหลิงซู่ก็ปั่นป่วนกว่าเดิม มือที่บีบลำคอประมุขเผ่าก็ออกแรงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ