พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 735 ชิงบัลลังก์
ตอนที่ 735 ชิงบัลลังก์
บัดนี้ประมุขเผ่าเข้าใจแล้วว่าท่าทีของฟางหลิงซู่มิใช่เพราะเรื่องของอันหลิงเกอเท่านั้น แต่เรื่องของนางอาจเป็นแค่ชนวนเหตุหนึ่ง
สิ่งที่ประมุขเผ่าคาดมิถึงก็คือฟางหลิงซู่จะมีความแค้นต่อตนมากเพียงนี้ หากตอนนี้ประมุขเผ่าตายไปแล้ว บัลลังก์ก็ตกไปเป็นของฟางหลิงซู่อย่างชอบธรรมเพราะสามารถเอาชนะต้าโจวได้
“มิต้องรีบเพราะข้ายังไม่ให้เจ้าตายตอนนี้หรอก ทว่าข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นโอรสที่แสนโง่เขลาตายไปก่อน” ฟางหลิงซู่หัวเราะออกมาด้วยความอำมหิต เวลานี้เขาเหมือนปิศาจที่เดินออกมาจากขุมนรกก็มิปาน บนใบหน้าเต็มไปด้วยไอสังหาร
จากนั้นฟางหลิงซู่ก็มัดตัวประมุขเผ่าแล้วนำผ้ามาอุดปากเอาไว้พร้อมนำตัวไปซ่อนไว้ใต้เตียง ในเวลาเดียวกันฟางหลิงซู่ก็สั่งให้องครักษ์ไปทูลเชิญองค์รัชทายาทมาที่นี่
องค์รัชทายาทคิดเพียงว่าประมุขเผ่าเป็นคนเรียกมาพบจึงมิได้ระแวดระวัง พอเข้ามาในตำหนักก็มิพบผู้คนจึงเดินตรงไปแล้วนั่งบนบัลลังก์มังกร
นี่เป็นตำแหน่งที่เขาใฝ่ฝันมาโดยตลอด เมื่อได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็เหมือนได้ครอบครองทั้งใต้หล้า ขณะรัชทายาทมองทุกอย่างในห้องด้วยความโลภก็มิรู้ตัวเลยว่าความตายกำลังมาเยือน
ขณะที่องค์รัชทายาทจะเอื้อมมือไปหยิบ*พระราชลัญจกรขึ้นมา ทันใดนั้นกระบี่อันคมกริบก็วางพาดอยู่ที่ลำคอเสียแล้ว เขายังมิทันรู้ว่าเป็นผู้ใดก็ถูกลากเข้าไปด้านในของตำหนักแล้ว พอเห็นข้าวของกระจัดกระจายเต็มห้องก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
แต่ตอนนี้รัชทายาทยังมิได้เจอตัวพระบิดาและคาดมิถึงว่าคนที่อยู่ด้านหลังก็คือฟางหลิงซู่ จากนั้นฟางหลิงซู่ก็พลิกตัวรัชทายาทให้หันมาเผชิญหน้ากัน
องค์รัชทายาทได้เห็นใบหน้าของฟางหลิงซู่แล้วก็รู้ทันทีว่านี่คือการชิงบัลลังก์ แต่ยังมิทันได้ตะโกนเรียกองครักษ์ กระบี่เล่มหนึ่งก็แทงทะลุลำคอของเขาเสียแล้วทำให้เสียงถูกผนึกไว้ในร่างกายตลอดกาล
จากนั้นฟางหลิงซู่ก็นำร่างของรัชทายาทไปนอนบนเตียง ส่วนประมุขเผ่าที่ถูกมัดไว้ใต้เตียงก็สัมผัสกับโลหิตของโอรสที่ค่อย ๆ ซึมผ่านขอบเตียงและหยดลงใบหน้าของตน
ทว่าบัดนี้ประมุขเผ่ามิอาจต่อต้านได้อีก เขาถูกลากออกจากใต้เตียงตามแรงดึงของฟางหลิงซู่ จากนั้นก็ถูกโยนไปบนร่างของรัชทายาททำให้เลือดบนศพเปื้อนฉลองพระองค์มังกร
“ประมุขเผ่า จงจำไว้ว่าในสายตาของข้ามิเคยเห็นเจ้าเป็นประมุขเลย” ขณะที่ฟางหลิงซู่กล่าวประโยคนี้ความคิดก็ได้ย้อนไปสู่ตอนอยู่ต้าโจว หากเขามิกลับมาที่เผ่าปิงชวนก็คงมีชีวิตสุขสบายไปแล้ว
ส่วนบุรุษตรงหน้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นประมุขของเผ่าปิงชวนอีกต่อไป
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้แล้ว ฟางหลิงซู่ก็นำผ้าที่อุดปากอีกฝ่ายออกเพื่อให้ได้สั่งเสียก่อนตาย
“ฟางหลิงซู่ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนักที่เจ้ามิได้นางมาครอบครอง สมน้ำหน้า ! ” ประมุขเผ่ารู้ว่าความตายใกล้มาเยือนแล้วจึงไม่มีทางปล่อยให้ฟางหลิงซู่ได้มีความสุขมากเกินไป
“ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอสาปแช่งให้เจ้าไม่เป็นที่รักตลอดชีวิตและโดนคนที่รักทอดทิ้งไปตลอดกาล ข้าขอสาปแช่งเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นฟางหลิงซู่ก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นประมุขเผ่ายังมีแรงเอ่ยเช่นนี้ ฟางหลิงซู่จึงใช้กระบี่ตัดลิ้นของอีกฝ่ายทันที
เสี้ยวเวลาต่อมาประมุขเผ่ายังมิทันได้รู้สึกเจ็บปวด ดวงตาทั้งสองข้างก็ถูกควักออกมาแล้ว ต่อจากนั้นก็โดนหักแขนหักขา เฉือนใบหูและจมูก ทำราวกับว่ามิใช่มนุษย์
เวลานี้ประมุขเผ่ามิอาจส่งเสียงหรือมองเห็นสิ่งใดได้ ที่ยังพอรับรู้มีเพียงความเจ็บปวดบนร่างกาย รู้ดีว่าชีวิตมาถึงจุดจบและรู้ว่าฟางหลิงซู่คงมิหยุดลงมือเพียงเท่านี้
“ทหาร” เป็นอย่างที่คิดเพราะฟางหลิงซู่เรียกให้ทหารยกโอ่งขนาดใหญ่เข้ามา ภายในโอ่งใบนั้นเต็มไปด้วยงูและแมงป่อง แต่ตอนนี้ประมุขเผ่ามิอาจมองเห็นสิ่งใดได้อีก
เพราะถ้ามองเห็นก็คงเลือกความตายเสียดีกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับความทรมานเช่นนี้
จากนั้นฟางหลิงซู่ก็ออกแรงใช้กระบี่ยกตัวประมุขเผ่าเพราะตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีมือมีเท้าแล้วจึงถูกฟางหลิงซู่ยกขึ้นอย่างง่ายดาย
ฟางหลิงซู่นำตัวของประมุขเผ่าใส่ลงในโอ่งและพอแมงป่องรับรู้ได้ถึงโลหิต มันก็รีบเข้ามากัดกินทันทีหรือแม้แต่เจาะเข้าไปในร่างกายด้วย
ประมุขเผ่ามิอาจดิ้นรนได้อีกจึงได้แต่ใช้ศีรษะกระแทกกับผนังด้านในโอ่ง แต่โอ่งใบนี้ถูกสร้างเพื่อบรรจุมนุษย์โดยเฉพาะ มันจะแตกง่ายได้อย่างไร ผ่านไปมินานประมุขเผ่าก็ไร้การเคลื่อนไหวอีก
ฟางหลิงซู่โบกมือส่งสัญญาณให้ทหารยกโอ่งออกไปเพราะรู้ว่าประมุขเผ่าเหลือเพียงกระดูกให้เห็นแล้ว
ก่อนจะออกไปฟางหลิงซู่ยังนำศพของรัชทายาทใส่ลงไปด้วย เดิมทีสัตว์พิษเหล่านี้ก็กินไม่อิ่มอยู่แล้ว เมื่อได้สัมผัสเลือดพวกมันก็กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง
หลังจากที่เหล่านางกำนัลและองครักษ์ได้เห็นฉากนี้แล้วก็ไม่มีผู้ใดกล้าปริปาก มิรู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรถึงได้มีสติคืนมาและทุกคนก็พากันคุกเข่าลงคำนับ
“ประมุขเผ่าปิงชวนพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้ว อีกมินานก็จะสามารถยึดครองต้าโจวได้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ทุกคนกล่าวสรรเสริญจนดังก้องไปทั่วทั้งวังหลวง
เพราะรู้ดีว่าเดิมทีตำแหน่งนี้ก็เป็นของฟางหลิงซู่อยู่แล้ว รู้ว่าอดีตประมุขเผ่าวางอุบายจนทำให้ฟางหลิงซู่โกรธและนำไปสู่จุดจบเช่นนี้
เนื่องจากทุกคนทราบความสามารถของฟางหลิงซู่ดีและด้วยการลงมือที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ก็ได้ประจักษ์สู่สายตาจึงไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
จากนั้นฟางหลิงซู่ก็ขึ้นเป็นประมุขเผ่า เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากอันหลิงเกอหนีออกมาได้เพียงสองวันจึงทำให้นางทราบเรื่องเช่นกัน นางเพียงคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นเพราะเป็นไปอย่างที่คิดว่าเขาทำร้ายนางเพียงเพราะอยากนั่งบัลลังก์
อันหลิงเกอรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเล็กน้อย เดิมทีนางเข้าใจผิดว่าฟางหลิงซู่จะปฏิบัติต่อนางด้วยใจจริง
แต่คาดมิถึงว่าเขาแค่ต้องการใช้นางเพื่อควบคุมมู่จวินฮานและหลอกใช้เพื่อแก้แค้นเท่านั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้อันหลิงเกอก็รู้สึกว่าความซาบซึ้งใจที่มีต่อเขาช่างน่าขันยิ่งนัก
ฟางหลิงซู่เป็นคนที่นางหวังพึ่งพาและไว้ใจที่สุด แต่ตอนนี้เขาทรยศนางและหลอกใช้นางครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะต้องการนั่งบัลลังก์ประมุขเผ่าปิงชวน
ส่วนบุรุษที่นางคิดว่าทำร้ายตน แท้จริงกลับยอมสละทุกอย่างและมิลังเลที่จะทนการถูกทรมานได้เพื่อนาง
ตอนนี้อันหลิงเกอเข้าใจแล้วว่าการที่มู่จวินฮานมิยอมมอบตราอาญาสิทธิ์แก่ฟางหลิงซู่ มิใช่เพราะต้าโจวเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องการใช้มันเพื่อเหลือทางรอดไว้ให้นาง
เพราะเขารู้ว่าหากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ และอันหลิงเกอกลับไปยังเมืองหลวงก็ต้องไร้ที่พึ่งอย่างแน่นอน หรือหากฮ่องเต้ไม่สิ้นพระชนม์ก็จะให้ความสำคัญต่อนางเพราะเห็นแก่ตราอาญาสิทธิ์เคลื่อนทัพชิ้นนั้น
…
*พระราชลัญจกร คือตราที่ฮ่องเต้ทรงใช้ประทับพระปรมาภิไธยและประทับเอกสารสำคัญที่ออกในพระปรมาภิไธย เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงพระราชอำนาจ