พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 740 มาดูนางก่อน
ตอนที่ 740 มาดูนางก่อน
ฟางหลิงซู่ทำตามที่อันหลิงเกอบอกได้ทุกอย่าง แต่มีเพียงอย่างเดียวที่เขาทำไม่ได้ก็คือการปล่อยนางไป สำหรับอันหลิงเกอแล้ว นางมิอยากได้อันใดทั้งนั้น นางแค่อยากออกไปจากเผ่าปิงชวนหรือหนีไปจากฟางหลิงซู่เท่านั้น
แม้ฟางหลิงซู่รู้ว่าอันหลิงเกอแค้นเคืองและรู้ว่านางต้องมิยอมให้เขาอธิบาย แต่ในเมื่อมิได้ใจของนาง เขาก็ต้องได้ครอบครองร่างกายและทำให้นางเป็นของเขาตลอดไป
แม้ก่อนหน้านี้ฟางหลิงซู่มีความหมกมุ่นอยู่บ้างแต่มิถึงขั้นบ้าคลั่ง ทว่าตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีให้อันหลิงเกอกลับเป็นความหมกมุ่น เขาจึงไม่รีรอที่จะทำเช่นนี้กับนางและต้องครอบครองนางให้ได้
ส่วนมู่จวินฮานที่เริ่มฟื้นตัวได้พอสมควรแล้วก็ไม่มีทางออกไปจากเผ่าปิงชวนโดยง่าย
แม้รู้ว่าฟางหลิงซู่ไม่มีวันทำร้ายอันหลิงเกอ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้ว่าทุกอย่างนี้คือการทรมานนางและนางไม่มีความสุขแน่นอน
ทุกครั้งที่เขาจะไปช่วยนางออกมา ชิงเฟิงก็มักเข้ามาขวางไว้ตลอดเพราะตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขายังมิหายดี ชิงเฟิงไม่อยากให้เจ้านายต้องไปเสี่ยงอันตราย แต่ก็เป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานจะไม่ฟังคำแนะนำเพราะมักรู้สึกเป็นห่วงนางจนแทบทนมิไหว
ทำให้มู่จวินฮานอาศัยความมืดยามค่ำคืนแอบข้ามกำแพงเข้าไปที่วังหลวงเผ่าปิงชวน ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าอันหลิงเกอปลอดภัยหรือไม่เท่านั้น เพราะตัวเขาเองก็ยังมิมั่นใจว่าจะช่วยนางออกมาได้
มู่จวินฮานค่อย ๆ ตามหานางไปทีละห้องอยู่แบบนั้น โชคดีที่เขามีวิชาตัวเบาจึงมิได้ทำให้ทหารสังเกตเห็นร่องรอย ผ่านไปมินานมู่จวินฮานก็เห็นตำหนักที่อยู่ห่างไกลที่สุดและยังมีแสงไฟสว่างอยู่
“เกอเอ๋อ” ทันใดนั้นมู่จวินฮานก็กระโดดลงมาเพราะเมื่อครู่ได้มองเห็นนางจากบนหลังคา เขาเห็นนางยังมินอน ทั้งยังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงและร่างกายก็ดูผอมมาก
“จวินฮาน ? ” ตอนนี้ดวงตาของอันหลิงเกอเป็นสีแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เพิ่งจะร้องไห้มา มู่จวินฮานจึงโอบกอดนางด้วยความปวดใจ การที่นางต้องเผชิญกับความทุกข์มากมายขนาดนี้เป็นเพราะเขาปกป้องนางมิดีเอง
“บาดแผลของท่านเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ” เป็นธรรมดาที่อันหลิงเกอจำได้ว่าวันนั้นมู่จวินฮานบาดเจ็บหนักจนถึงกระดูก เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ แม้เป็นเหมือนฝัน แต่เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้จริง
“ข้ามิเป็นอันใดแล้ว วันนี้ข้าแค่มาดูเจ้าเท่านั้น ข้าจะได้สบายใจและต่อไปต้องมาช่วยเจ้าออกไปให้ได้” มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอ ตัวเขาก็มิอยากให้มันออกมาเป็นเช่นนี้แต่ถ้าไม่รีบออกไปเมื่อฟ้าสว่างก็คงไปมิได้แล้ว
“ไม่ต้องหรอก จวินฮาน ที่นี่อันตรายมาก ท่านมิต้องมาอีกแล้ว” เสียงของอันหลิงเกอสั่นเครือเล็กน้อยเพราะความโหดเหี้ยมของฟางหลิงซู่ทำนางหวาดกลัว นางมิอาจทนเห็นมู่จวินฮานต้องตกอยู่ในมือเขาได้อีก
“ข้าจะมาหาเจ้าทุกวัน เจ้าดูแลตัวเองให้ดีและอย่าร้องไห้อีกเลย” มู่จวินฮานมองดวงตาแดงก่ำของนางด้วยความปวดใจ เขาหันมามองอย่างอาลัยอาวรณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโดดออกไปทางหน้าต่าง
พอมู่จวินฮานออกไป น้ำตาของอันหลิงเกอก็กลับมาไหลอาบแก้มอีกครั้ง เมื่อได้เจอกับมู่จวินฮานและเห็นว่าเขาสบายดี แค่นี้นางก็ดีใจมากแล้ว ไหนเลยจะกล้าหวังให้เขามาพาออกไป
ตอนนี้ฟางหลิงซู่กำลังระวังตัวสุด ๆ กำแพงรอบวังจึงมีทหารเฝ้ากันอย่างแน่นหนา หากมิได้เป็นเพราะยามค่ำคืนและมีคนจำนวนมากแอบหละหลวม มู่จวินฮานก็คงแอบมาหานางมิได้หรอก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว อันหลิงเกอก็คิดต่อไปอีกว่าหากมู่จวินฮานตกอยู่ในมือเขาอีกครั้งก็คงมิได้มีชีวิตอยู่ถึงวันรุ่งขึ้น มองจากสถานการณ์ในตอนนี้หากฟางหลิงซู่จับตัวมู่จวินฮานได้ก็คงไม่ลังเลที่จะสังหารทิ้งทันที
แค่คิดว่ามู่จวินฮานจะต้องตาย อันหลิงเกอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา นางทนพรากจากเขาอีกครั้งมิได้และไม่อาจทนเห็นเขาเป็นอันใดไปอีก
สำหรับอันหลิงเกอแล้ว ความปลอดภัยของมู่จวินฮานสำคัญกว่าสิ่งใด ขอเพียงนางรู้ว่าเขาปลอดภัยดีก็มากพอแล้ว นางมิได้คาดหวังให้มากกว่านี้
เห็นมู่จวินฮานออกไปแล้ว ใจของอันหลิงเกอก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง ตั้งแต่นางถูกฟางหลิงซู่นำตัวมาขังไว้ก็นอนมิหลับ แต่วันนี้สามารถนอนหลับสนิทเป็นพิเศษ
แต่สิ่งที่อันหลิงเกอมิรู้คือหลังจากมู่จวินฮานมาถึงค่ายแล้ว บริเวณเสื้อผ้าที่มีบาดแผลอยู่ก็มีคราบเลือดอีกครั้งและตอนนี้เขาก็ดูอ่อนแอมาก
เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องกับอันหลิงเกอ เนื่องจากฟ้ามืดไร้ซึ่งแสงสว่างมากพอ นางจึงมิได้เห็นใบหน้าอันซีดเผือดของเขาอย่างชัดเจน แต่ตอนที่มู่จวินฮานกลับถึงค่าย บาดแผลพวกนั้นก็เชื่อมติดกับผ้าพันแผลแล้ว
ในความเป็นจริง เขายังมิหายดีและไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ เนื่องจากฟางหลิงซู่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมทำให้บาดเจ็บหนักถึงกระดูก แล้วเขาจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้นได้อย่างไร แต่เพื่อไปหาอันหลิงเกอแล้ว มู่จวินฮานถึงกับมิสนใจตนเองแม้แต่น้อย
ตอนนี้มู่จวินฮานถอดผ้าพันแผลออกแล้วทายาสมานแผลชุดใหม่ลงไป ความเจ็บปวดทำให้มีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากและไหลลงสู่คาง ทว่าตอนนี้เขาได้พบอันหลิงเกอแล้วจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น
แต่พอนึกถึงใบหน้าซีดเซียวและดวงตาดำคล้ำของนาง เขาจะมิรู้ได้เยี่ยงไรว่านางมีชีวิตลำบาก เมื่อตกอยู่ในมือฟางหลิงซู่แล้ว อันหลิงเกอก็ต้องทุกข์ทรมานเป็นธรรมดา
เช้าวันต่อมา ฟางหลิงซู่มิได้สังเกตว่ามีคนเคยมาที่นี่และมิได้พบร่องรอยของมู่จวินฮานแต่อย่างใด ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกสบายใจ วันนี้ฟางหลิงซู่ต้องเลือกสนม ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าเขาจะไม่มาให้เหม็นหน้าแน่นอน
แม้ฟางหลิงซู่จะมีอันหลิงเกออยู่แล้ว แต่การคัดเลือกสนมก็ยังเป็นสิ่งที่เขาเลี่ยงมิได้ กล่าวกันตามหลักแล้วอันหลิงเกอก็ควรไปร่วมด้วย แต่นางยังแกล้งป่วยและปฏิเสธเหมือนเคย
ตอนนี้ฟางหลิงซู่กำลังนั่งอยู่ในท้องพระโรงและไม่มีความสนใจในตัวสตรีพวกนั้นแม้แต่น้อย เพราะในหัวใจของเขามีอันหลิงเกออยู่แล้ว เขาจะมองสตรีอื่นอีกหรือไร ?
ในสายตาของฟางหลิงซู่เห็นสตรีพวกนี้เป็นเพียงอากาศธาตุ เพราะคนที่เขารักมีเพียงอันหลิงเกอผู้ชาญฉลาดและกล้าหาญเท่านั้น มิใช่สตรีสวยแต่เปลือกเยี่ยงนี้
ทว่าในบรรดาคนกลุ่มนี้ก็มีคนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจเขาได้ วันนี้อันหลิงเกอมิได้บอกว่าจะไม่มาหรอกหรือ ?
ทันใดนั้นฟางหลิงซู่ก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วเข้ามาคว้าตัวนางออกจากกลุ่ม
สตรีนางนั้นมองเขาด้วยความตกตะลึง เมื่อฟางหลิงซู่เข้ามาดึงตัวนางออกไปแล้วก็พานางไปที่วังหลัง ส่วนสตรีผู้นั้นก็มิได้กล่าวอันใด เพียงเดินตามเขาไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งไว้เพียงสายตาของผู้คนที่อยู่ข้างหลัง
“เหตุใดจึงไม่ดูแลตัวเองอยู่ในตำหนัก แผลของเจ้ายังมิหายดีและเมื่อครู่ที่นั่นเสียงดังโวยวายมาก มันไม่ดีต่อตัวเจ้าเลย”
เสียงตำหนิของฟางหลิงซู่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู เขาเพียงมองอันหลิงเกออยู่แบบนั้น แต่สตรีผู้นั้นมิตอบสนองอันใด นางแค่มองฟางหลิงซู่ราวกับตกใจในบางอย่าง
ฟางหลิงซู่เองก็คิดว่าน่าแปลกใจ แม้เวลาปกติอันหลิงเกอจะมิค่อยแยแสเขาสักเท่าไร แต่ก็มิเคยใช้สายตาเยี่ยงนี้มองเขา ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
“ท่านประมุขเผ่า” สตรีผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างเขินอาย ทันใดนั้นฟางหลิงซู่ก็ถอยออกไปหนึ่งก้าว นางมิใช่อันหลิงเกอ เพราะอันหลิงเกอไม่มีทางถ่อมตัวกับเขาเช่นนี้และไม่มีทางเรียกเขาเยี่ยงนี้ด้วย
“เจ้าเป็นใคร ! ” ทันใดนั้นแววตาของฟางหลิงซู่ก็ดูโมโหพอสมควร เขามิรู้ว่าสตรีตรงหน้าคือใคร แล้วเหตุใดหน้าตาจนถึงเสียงก็ยังคล้ายอันหลิงเกอมากเพียงนี้ เหมือนจนแม้แต่ตัวเขาก็ยังแยกมิออก