พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 751 เกือบจะเปิดโปง
ตอนที่ 751 เกือบจะเปิดโปง
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ไปถึงหูฟางหลิงซู่เพราะเฝิงผิงจือยังมีชีวิตที่ดีต่อไป แม้ตอนนี้นางเป็นที่โปรดปรานมากเพียงใดแต่ก็เทียบกับอันหลิงเกอในใจฟางหลิงซู่มิได้
ไม่มีผู้ใดในวังหลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เพราะอันหลิงเกอไม่ไปพูดให้ฟางหลิงซู่รับรู้ แต่นางกำนัลของอันหลิงเกออยากทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้านาย และด้วยเหตุนี้จึงได้ก่อเรื่องขึ้นมา
เดิมทีอันหลิงเกออยากใช้ชีวิตสงบสุขเยี่ยงทุกวันนี้ แต่คาดมิถึงว่าเพราะนางกำนัลคนหนึ่งจะทำให้ชีวิตนางเปลี่ยนไป
นางกำนัลคนนั้นใช้เวลายามราตรีไปบอกให้คนแจ้งแก่ฟางหลิงซู่ พอเขาได้ยินว่าเป็นเรื่องของอันหลิงเกอจึงให้ความสำคัญต่อมันมาก
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางมาที่ตำหนักของอันหลิงเกอในกลางดึกของคืนนั้น แต่อันหลิงเกอได้นอนหลับไปแล้วจึงเหลือเพียงใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของนางกำนัลผู้นั้น
ฟางหลิงซู่เห็นเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่านางกำนัลคนนี้เป็นคนเชิญเขามา หลังจากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟางหลิงซู่ฟังจึงทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก เพราะแค่นึกถึงเรื่องของหลู่เยว่เยว่แล้ว เขาก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที
เนื่องจากเรื่องของหลู่เยว่เยว่ทำให้เขารู้สึกกังวลมาโดยตลอด แต่โชคดีที่วันนี้อันหลิงเกอมิได้สืบสาวราวเรื่อง มิเช่นนั้นหากอันหลิงเกอทราบความจริงขึ้นมา เขาก็คงมิอาจรั้งนางไว้ได้อีก
ทว่าตอนนี้เขาก็มิอาจลงโทษเฝิงผิงจือได้จึงทำแค่ตักเตือนเท่านั้นและการตักเตือนของเขาย่อมเป็นเหตุให้เฝิงผิงจือเริ่มเกลียดชังหลู่เยว่เยว่
เดิมทีเฝิงผิงจือก็เป็นสตรีที่มากไปด้วยศักดิ์ศรีแล้วจักยอมรับโทสะของผู้อื่นได้อย่างไร บัดนี้เป็นเพราะหลู่เยว่เยว่ทำให้นางโดนตำหนิและการต่อว่าฟางหลิงซู่มิได้จึงทำให้นางกล่าวหาว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหลู่เยว่เยว่
นางคิดว่าหลู่เยว่เยว่ไปฟ้องฟางหลิงซู่ทำให้เขามาต่อว่านาง เดิมทีความสัมพันธ์ของนางกับฟางหลิงซู่กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด แต่เป็นเพราะหลู่เยว่เยว่จึงส่งผลให้เขาทำสีหน้าเย็นชาใส่นาง
เนื่องจากได้รับการสั่งสอนอย่างเข็มงวดมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้เฝิงผิงจือยึดติดกับความสำเร็จ แต่ตอนนี้เป็นเพราะหลู่เยว่เยว่ทำให้นางเอื้อมไม่ถึงตำแหน่งชายาประมุขเผ่า ในใจของนางจึงเกิดความรู้สึกล้มเหลวและเกลียดชัง
ความอัปยศเช่นนี้เป็นสิ่งที่นางมิเคยพบมาก่อน พอนึกถึงท่าทางและสายตาตำหนิของฟางหลิงซู่ หัวใจของนางก็ปวดร้าวเหมือนโดนมีดกรีด
ฝ่ายอันหลิงเกอมิทราบเรื่องพวกนี้เลย มิได้รู้ว่านางกำนัลข้างกายบอกทุกอย่างกับฟางหลิงซู่และมิรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้เขาจึงไปต่อว่าเฝิงผิงจือ
หากรู้แล้วอันหลิงเกอก็คงมิอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก มิได้เป็นเพราะนางใจอ่อนแต่เพราะนางมิอยากเผชิญกับเรื่องเหล่านี้อีก นางแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น
ทว่าพอวังหลังมีเฝิงผิงจือเพิ่มขึ้นมาแล้ว ชะตาชีวิตของอันหลิงเกอก็ถูกกำหนดให้มิได้อยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป แม้ฟางหลิงซู่รู้ดีว่าอันหลิงเกอมิได้สนใจตำแหน่งชายาเลย แต่ที่เขาเลือกทำเช่นนี้เพราะต้องการใช้ตำแหน่งนี้มาปกป้องนาง บัดนี้มันกลับกลายเป็นสร้างปัญหายุ่งยากให้นางแทน
เวลานี้เฝิงผิงจือก็ป่วยใจและตามหาหมอมารักษาแผลใจ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงซูฉือหวู่ขึ้นมา มิรู้ว่าเพราะเหตุใดสำหรับบุรุษคนนี้แล้วนางจึงมีความรู้สึกแปลกประหลาดด้วย
เวลาคิดถึงซูฉือหวู่แล้วหัวใจของนางจะเต้นเร็วกว่าปกติ ทั้งเป็นห่วงเขาโดยมิรู้ตัว แต่เฝิงผิงจือรู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มิควรมีอยู่ นางจึงยับยั้งตนเอง
ซูฉือหวู่ก็มักคิดถึงเฝิงผิงจือบ่อยครั้งและมิรู้เพราะเหตุใดหลังได้ยินนางเรียกเข้าวัง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
อาจเพราะเฝิงผิงจือมีความทรงจำในวัยเด็กร่วมกับเขาและนางมิเคยสนใจเขามาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขารู้สึกกระตือรือร้นกว่าเดิม
“แม่ทัพน้อยซู” เมื่อเห็นซูฉือหวู่อยู่ตรงหน้าแล้ว เฝิงผิงจือก็ย่อตัวคำนับอย่างอ่อนหวาน เพื่อมิให้ผู้อื่นคิดมาก ทั้งคู่จึงนัดพบกันในสวนดอกไม้ หากมีคนมาเห็นก็คิดว่าพวกนางกำลังสนทนาเรื่องการทำศึกกันอยู่
เพราะตอนนี้ทุกคนรู้ว่าฟางหลิงซู่ให้ความสำคัญต่อเฝิงผิงจือมากและรู้ว่านางมีความเชี่ยวชาญในตำราพิชัยสงคราม ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้รับความไว้วางใจจากซูฉือหวู่ ดังนั้นเมื่อเห็นพวกนางอยู่ด้วยกันจึงไม่มีผู้ใดเข้าใจผิด
“มิทราบว่าพระสนมเรียกกระหม่อมมาในวันนี้มีเรื่องอันใดจะปรึกษา ? ”
ซูฉือหวู่รู้ดีว่าเฝิงผิงจือไม่มีทางเรียกมาโดยไร้เหตุผล ต้องมีเรื่องอยากขอร้องหรือไม่ก็อยากปรึกษา เขารู้ว่าเฝิงผิงจือเป็นคนฉลาดล้ำเกินใคร แต่สตรีในวังหลังก็ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการแย่งชิง และเขาเองก็เข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี
“พูดตามตรงว่าช่วงหลายวันมานี้ ผิงจือมักคิดถึงเรื่องในวัยเด็ก น่าเสียดายที่ตอนนี้สหายในวัยเด็กเหลืออยู่เพียงมิกี่คน ผิงจือจึงได้แต่มาสนทนากับท่านแม่ทัพน้อยเช่นนี้”
ซูฉือหวู่คาดมิถึงว่าเฝิงผิงจือมิได้ขอความช่วยเหลือแต่ชวนสนทนาเรื่องวัยเด็กแทน นั่นเป็นความทรงจำที่พวกตนมีร่วมกัน แต่น่าเสียดายที่เฝิงผิงจือในเวลานั้นมิเคยสนใจเขาเลย
“ข้ายังจำฝีมือยิงธนูที่เก่งกาจของท่านได้อยู่ ตอนนั้นมีสตรีมากมายชื่นชมท่านและพวกนางคิดว่าหากวันหน้ามิได้แต่งกับแม่ทัพน้อยซู พวกนางก็จะมิแต่งกับผู้อื่น” หลังกล่าวจบ เฝิงผิงจือก็แสร้งทำเป็นหัวเราะออกมา
เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่นางแต่งขึ้นมาเพราะรู้ว่าตอนนี้ซูฉือหวู่มีฝีมือยิงธนูล้ำเลิศ ดังนั้นนางจึงคิดว่าเขาจะมีทักษะดีมาตั้งแต่เด็กและการแต่งเรื่องขึ้นมาเพราะตอนนั้นนางมิเคยมองซูฉือหวู่เลย ความคิดของนางจดจ่ออยู่ที่รัชทายาทเท่านั้น
“คาดมิถึงเสียจริงว่าพระสนมยังจดจำเรื่องเหล่านั้นได้ ช่างมีจิตใจงดงามและกระหม่อมเทียบมิได้จริง ๆ ก่อนมาที่นี่กระหม่อมคิดว่าท่านมีเรื่องจะขอให้ช่วย แต่คาดมิถึงว่าท่านแค่อยากชวนคุยเรื่องในวัยเด็กเท่านั้น”
ซูฉือหวู่ได้ยินเฝิงผิงจือกล่าวเช่นนี้ เขาก็ครุ่นคิดและพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาทันที ส่วนเฝิงผิงจือได้ยินแล้วก็ดีใจขึ้นมาเพราะเดิมทีนางก็รู้อยู่แล้วว่าเขาสงสัยในจุดประสงค์ของตน
แต่หลังจากที่เขากล่าวประโยคเมื่อครู่แล้ว นางก็รู้ทันทีว่าเขาได้เปิดใจให้ เมื่อเป็นแบบนี้นางก็มิต้องกังวลอีกต่อไป สิ่งที่นางอยากทำคือโจมตีทางอารมณ์และทำให้ซูฉือหวู่เข้าใจผิดว่านางหวนนึกถึงอดีตและยอมช่วยนางจากใจจริง
นางรู้ว่าซูฉือหวู่เป็นคนเช่นไร เขามิชอบเข้ามายุ่งกับการแย่งชิงของสตรี หากนางบอกไปตามตรงแล้วเขาก็คงปฏิเสธ แต่พอนางทำเช่นนี้ผลลัพธ์ก็จะต่างออกไป เขาต้องยอมช่วยนางจากใจจริงแน่นอน
สิ่งที่นางต้องการคือผลลัพธ์เช่นนี้ นางชำนาญเรื่องการเอาชนะใจมากที่สุด อย่างแรกคือต้องรู้ว่าซูฉือหวู่เป็นคนที่ชอบคิดถึงเรื่องวันวาน นางจึงแสร้งทำตัวเป็นเหมือนเขาเพื่อจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากอีกฝ่าย
“ตอนนั้นท่านกับรัชทายาท เฮ้อ ช่างน่าเสียดายเพราะตอนนี้รัชทายาทมิอยู่แล้ว ช่างมิเป็นธรรมกับท่านเสียจริง” เป็นไปตามคาดคือพอซูฉือหวู่เห็นนางเสียใจก็เศร้าใจแทนขึ้นมาทันที
“ใช่ ตอนนี้ภายในวังหลัง ข้าถูกขัดไปเสียทุกอย่างและย่อมทำอะไรมิสะดวกเหมือนก่อน”
เป็นธรรมดาที่ซูฉือหวู่จะเข้าใจความหมายที่นางต้องการสื่อ หลังนางบ่นเสร็จแล้วเขาจึงมิได้พูดอะไรอีก
เวลาต่อมาเฝิงผิงจือก็แสร้งยกมือปาดน้ำตาและเป็นไปตามคาดคือทำให้ซูฉือหวู่สนใจเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนอยู่บ้าง ดูเหมือนชายาประมุขเผ่าจะเข้าถึงยากเสียจริง
เฝิงผิงจือต้องการให้ซูฉือหวู่เห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจของตนและให้เขารู้สึกว่าหลู่เยว่เยว่เป็นนายหญิงที่ใจแคบ นางจะใช้โอกาสนี้ยืมมือซูฉือหวู่มาช่วยทำให้เป้าหมายของนางบรรลุผล