พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 760 พบไป๋หลี่เฉินโดยบังเอิญ
ตอนที่ 760 พบไป๋หลี่เฉินโดยบังเอิญ
“เจ้านี่อย่างไร ข้าก็เป็นแค่อ๋องและข้าเลือกเกิดมิได้ เหตุใดเจ้าต้องทำตัวดื้อรั้นเพียงนี้ ? ” ไป๋หลี่หมิงซานไม่เข้าใจว่าเหตุใดอันหลิงเกอต้องยืนกรานจะทำเช่นนี้ เขารู้สึกหงุดหงิดเพราะกว่าจะหลงรักใครสักคนมิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงมิอยากปล่อยนางไปเพราะรู้สึกเหงาและหวังว่าจะมีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน
ทว่าบัดนี้อันหลิงเกอกลายเป็นคนหัวใจสลายไปเสียแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการเดินซ้ำรอยเดิมอีก
“ท่านอ๋องเชิญกลับไปเถิด”
อันหลิงเกอไม่คิดจะกล่าวอันใดมากกว่านี้จึงเชิญไป๋หลี่หมิงซานกลับไปตามตรง นางไม่มีทางตามเขาไปด้วยอย่างแน่นอนเพราะชอบชีวิตในตอนนี้มาก
ไป๋หลี่หมิงซานเห็นอันหลิงเกอยืนกรานหนักแน่นจึงมิได้พูดอันใดอีก เขาเพียงเดินขึ้นรถม้าและจากไป เมื่อไป๋หลี่หมิงซานกลับไปแล้ว นางก็หมดอารมณ์จะเปิดโรงน้ำชาต่อเพราะเขาทำให้นางอารมณ์เสียเล็กน้อย
อันหลิงเกอกลับมาที่ห้องเพราะมิได้เปิดกิจการของวันนี้ต่อ ทันใดนั้นเสียงสนทนาของสาวใช้ที่หน้าประตูก็ทำให้นางได้รู้ความจริงบางอย่าง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้ท่านอ๋องมาที่โรงน้ำชาของพวกเราอีกแล้ว ? ”
“ทำไมหรือ ? คุณหนูของพวกเราก็สิ้นลมไปตั้งนานแล้ว เขายังจะมาที่นี่อีกทำไม ? ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าวันนี้คุณชายโกรธมากเลย”
พอได้ยินถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็รู้ว่าไป๋หลี่หมิงซานและห่าวตงเยว่มีปมขัดแย้งบางอย่างต่อกัน นางจึงอยากไปถามห่าวตงเยว่ให้รู้เรื่องเพราะรู้ว่าเขาจะให้คำตอบได้
ดูเหมือนห่าวตงเยว่ก็รออันหลิงเกออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาจึงคลี่ยิ้มให้ทันที
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง ? นางมีดวงตาสวยเหมือนเจ้าแต่น่าเสียดายที่นางไปพบคนไม่ดีจึงมีจุดจบเลวร้ายเหลือเกิน”
อันหลิงเกอยังมิทันได้กล่าวอันใด ห่าวตงเยว่ก็เริ่มเปิดปากพูดก่อนแล้ว
“นางเป็นสตรีที่งดงามคนหนึ่ง เหตุใดต้องไปมีความสัมพันธ์กับพวกเชื้อพระวงศ์ด้วย ? ” ขณะที่พูดห่าวตงเยว่ก็ดูเศร้าเล็กน้อยราวกับมิอยากให้น้องสาวไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
“นางรักเขาสุดหัวใจ แต่ข้ามิเห็นด้วยที่จะให้นางไปอยู่กับคนผู้นั้น นางจึงกระโดดหน้าผาเพื่อฆ่าตัวตาย”
พอเล่ามาถึงตรงนี้ห่าวตงเยว่ก็เหมือนควบคุมตัวเองมิได้อีกต่อไป เขายกมือกุมศีรษะ ท่าทางกำลังเจ็บปวด แต่อันหลิงเกอมิรู้จะปลอบอย่างไร
ห่าวตงเยว่เสียใจมากและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้อันหลิงเกอฟัง
บางทีคงเป็นครั้งแรกที่ห่าวตงเยว่ได้ระบายเรื่องเหล่านี้ให้ผู้อื่นฟัง เพราะไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังมาก่อน ทุกสิ่งจึงถูกซ่อนไว้ในใจโดยเฉพาะเรื่องของน้องสาว
แต่วันนี้เขาเล่าทุกอย่างให้อันหลิงเกอฟังเพราะเหมือนกำลังหวังอันใดบางอย่าง
“ตอนนี้เขาชอบเจ้าเพราะเจ้าเหมือนเสี่ยวเยว่ ดังนั้นช่วยข้าแก้แค้นแทนน้องสาวได้หรือไม่ ? ”
ดูท่าแล้วตอนนี้ห่าวตงเยว่จะเสียสติเพราะเดิมทีเขามีบุคลิกเหมือนคุณชายผู้สง่างาม ทว่าบัดนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำแสดงความรู้สึกบ้าคลั่ง
“นี่…” อันหลิงเกอยังมิทันได้พูดอันใด ห่าวตงเยว่ก็เข้ามาจับมือนางไว้จนรู้สึกเจ็บ เหมือนว่าไม่อนุญาตให้ปฏิเสธและจ้องมองนางอยู่เช่นนั้น
“ให้ข้าไปคิดหน่อยเถิด” อันหลิงเกอเริ่มรู้สึกกลัวห่าวตงเยว่ขึ้นมา แม้เขาจะเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่นาง ทว่าการบังคับให้แก้แค้นผู้อื่นเช่นนี้ก็ทำให้นางนึกถึงฟางหลิงซู่ขึ้นมา
เมื่ออันหลิงเกอเดินออกมาแล้วก็มิได้คิดทบทวนอย่างที่พูด ทว่านางออกจากเรือนกลางดึกเพราะรู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้อีก ห่าวตงเยว่ต้องบังคับให้นางไปอยู่กับไป๋หลี่หมิงซานเพื่อใช้นางเป็นเครื่องมือแก้แค้น ทว่าชีวิตนี้นางมิอยากเป็นหมากของผู้ใดอีกแล้ว
อันหลิงเกอเดินบนถนนสายหลักโดยยังมิรู้ว่าควรไปทางไหน
“อันหลิงเกอ ! ”
ไป๋หลี่เฉินมิคาดคิดว่าจะพบอันหลิงเกอที่โรงสุราใกล้โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง บัดนี้นางควรอยู่ที่จวนอ๋องมู่มิใช่หรือ ? ไป๋หลี่เฉินเกิดความสงสัยขึ้นมาแต่ก็ยังไล่ทุกคนออกไปแล้วเดินไปหานาง
ตอนนี้อันหลิงเกอนั่งอยู่ในโรงสุรามิไกลจากบริเวณหน้าโรงเตี๊ยม นางยังดื่มได้ไม่กี่จอกจึงไม่ได้เมาสักเท่าไร พอเห็นว่าเป็นไป๋หลี่เฉินที่เดินมาทางตน คราแรกนางคิดหลบหน้าเพราะอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกเหมือนได้พบฟางหลิงซู่อีกครั้ง
เนื่องจากไป๋หลี่เฉินมีรอยยิ้มและท่าทางเหมือนฟางหลิงซู่จึงทำให้อันหลิงเกอมิอยากพบหน้าในเวลานี้ นางไม่อยากกลับไปมีชีวิตขื่นขมอีกต่อไป แต่ไป๋หลี่เฉินไม่ทราบเรื่องเหล่านี้จึงมานั่งอยู่ตรงเบื้องหน้าแล้ว
“ใบหน้าของเจ้า…” เมื่อไป๋หลี่เฉินเห็นรอยแผลเป็นที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้รอยสัก เขาจึงเอ่ยด้วยความตกใจ นางมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร ? เหตุใดนางจึงเสียโฉม ?
เดิมทีอันหลิงเกอมิอยากพูดออกมา แต่เมื่อได้พบไป๋หลี่เฉินก็เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอคนรู้จัก พอได้ยินไป๋หลี่เฉินเอ่ยถึงใบหน้า นางก็อดร้องไห้ออกมามิได้
ไป๋หลี่เฉินมิปล่อยให้นางร้องไห้อยู่กลางโรงสุราจึงพานางเข้าไปในโรงเตี๊ยมแทน หลังทั้งคู่นั่งลงอีกรอบ อันหลิงเกอก็ยกสุราดื่มหมดจอกในคราเดียว บัดนี้ดวงตาของนางมีสีแดงท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก
“เจ้าไปเจอเรื่องอันใดมา ? แล้วอ๋องมู่อยู่ที่ใด ? ” ไป๋หลี่เฉินมิอยากเชื่อสายตาเพราะตอนนี้อันหลิงเกอมีสภาพโทรมมาก ก่อนหน้านี้นางเคยเป็นบุตรีสุดรักของท่านโหวอันและเป็นสมบัติล้ำค่าของมู่จวินฮาน
ตอนนี้จะให้เขารู้สึกเช่นไร รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางเหมือนลางร้ายที่ทุกคนเคยพูดถึง แม้รอยแผลจะโดนรอยสักรูปฉาฮวาสีขาวประดับเถาวัลย์ปกปิดไว้ แต่หากมองในระยะใกล้ก็สามารถเห็นได้
“พอข้าออกจากต้าโจวก็ถูกฟางหลิงซู่กักตัวไว้ในเผ่าปิงชวน ต่อมาฟางหลิงซู่หาคนที่หน้าตาเหมือนข้าเพื่อให้ไปอยู่ข้างกายมู่จวินฮานซึ่งเขาจำมิได้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นตัวจริง”
พอเล่ามาถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็ร้องไห้อย่างหนัก นางนึกถึงหลู่เยว่เยว่แล้วก็รู้สึกเสียใจมาก นั่นเป็นตัวตนของนางแท้ ๆ แต่มิอาจกลับไปยืนในจุดนั้นได้อีก
“แต่พอเขาจำได้ก็ยังไม่เลือกข้า เขาเลือกตัวปลอมแทนข้า” อันหลิงเกอทั้งร้องไห้และหัวเราะ ท่าทางเหมือนควบคุมตัวเองมิอยู่
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราสองคนหน้าตาเหมือนกันทุกประการ เหมือนกันทุกอย่าง ! แต่มู่จวินฮานเลือกทำลายโฉมหน้าของข้า เขาบอกว่าข้ามิคู่ควรที่จะเหมือนพระชายามู่”
เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ไป๋หลี่เฉินก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ส่วนจะเกิดอันใดขึ้นต่อจากนั้นมิต้องเดาก็รู้ว่าอันหลิงเกอได้เผชิญความลำบากมากเพียงใดจนสุดท้ายต้องหนีมาอยู่ที่นี่
“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่ ? ข้าคืออันหลิงเกอ ข้าต่างหากที่เป็นอันหลิงเกอตัวจริง ! ”
ตอนนี้อันหลิงเกอเริ่มควบคุมตัวเองมิอยู่ หลังดื่มสุราเข้าไปสองไหแล้ว นางก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ไป๋หลี่เฉินฟังโดยไร้สติ
“ข้าเชื่อเจ้า ข้ารู้ แม้มีอันใดเปลี่ยนไป เจ้าก็คืออันหลิงเกอที่ไม่เหมือนผู้อื่น เพราะเจ้ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง”
อันหลิงเกอทั้งฉลาด แข็งแกร่งและสู้คน นางมีทุกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างจากสตรีอื่นโดยสิ้นเชิง
อันหลิงเกอได้ยินไป๋หลี่เฉินกล่าวเช่นนั้นก็ตกตะลึงทันที
เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดยอมเชื่อนาง แม้แต่มู่จวินฮานที่นางเชื่อใจจนถึงขั้นยอมสละตนเพื่อแลกยาถอนพิษมาให้ แต่เขาปฏิบัติต่อนางเช่นนี้และทอดทิ้งนางได้ลงคอ ช่างน่าเศร้าเสียจริง