พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 764 กลับต้าโจว
ตอนที่ 764 กลับต้าโจว
พอได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วฟางหลิงซู่ก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังแตกสลายเพราะเขาทำให้อันหลิงเกอต้องเผชิญความเจ็บปวดมากเพียงนี้ ส่วนทหารยามของจวนอ๋องมู่ก็หลงเข้าใจผิดว่าฟางหลิงซู่จักปล่อยไปหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่คาดมิถึงว่าฟางหลิงซู่จะชักกระบี่ออกมาเพื่อสังหารทิ้งทันที
หากฟางหลิงซู่รู้ว่าการกระทำของตนจะทำให้อันหลิงเกอต้องเจ็บปวดมากเพียงนี้ก็คงไม่ตัดสินใจทำ ในเวลาต่อมาเขาคิดว่ายังไม่มีผู้ใดทำแผลให้นางเลยจึงรู้สึกเป็นห่วงและมิรู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนี้อันหลิงเกอตกใจตื่นจากฝันร้ายอีกครา นางฝันถึงวันที่ถูกทำลายโฉมหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝันว่าโลหิตยังไหลออกจากใบหน้าและความเจ็บปวดของบาดแผลที่น่ากลัวยังฝังลึกในจิตใจ
วันนั้นนางต้องเผชิญความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตและต้องสูญเสียใบหน้าแสนล้ำค่า นางถูกมู่จวินฮานกับหลู่เยว่เยว่ทำร้ายจนพ่ายแพ้ย่อยยับ ส่วนฟางหลิงซู่ยังเพ้อฝันว่าจะรับตัวนางกลับไปอีก
ถ้านางกลับไปหาเขาแล้วอย่างไร ? เขาต้องทนดูใบหน้าที่โดนทำลาย ดูร่างกายที่ผ่ายผอมหรือต้องทนดูหัวใจที่แตกสลายของนางกันเล่า อันหลิงเกอคิดว่าอีกฝ่ายคงทนอยู่เช่นนั้นได้มินานหรอก
โชคดีที่ตอนนี้นางมาอยู่ในเผ่าพิษหนอนกู่ แม้ไม่มีคนรู้จักแต่ก็ไม่มีผู้ใดทำร้ายเพราะทุกคนอยากใช้ประโยชน์จากนางทั้งนั้น
แต่อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าวันนี้ไป๋หลี่หมิงซานจะบุกมาหาถึงที่ซึ่งตอนนี้นางกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลังตำหนัก ทันใดนั้นนางก็เห็นไป๋หลี่หมิงซานเดินเข้ามา
“เจ้าบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มิใช่หรือ ! เหตุใดถึงกลายเป็นสตรีในตำนานของเผ่าพิษหนอนกู่ไปได้ ! เหตุใดตอนนี้มาเดินอยู่ในวังหลวงของเผ่าข้าเล่า ! ”
ไป๋หลี่หมิงซานมาถึงก็พ่นคำต่อว่าใส่นางทันที เพราะมิรู้ว่าเหตุใดตอนนั้นอันหลิงเกอจึงพูดว่ามิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แล้วหลังจากนั้นนางก็หายตัวไป
ทว่าตอนนี้นางมาปรากฏตัวอยู่ในวังหลวงและยังเป็นสตรีที่มีชื่อเสียง แม้เขามิได้เข้าท้องพระโรงทุกวันแต่ก็ถือว่าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนางมิน้อยเลย
ไม่ว่าจะมองเช่นไรก็ไม่เหมือนคนที่อยากหลีกหนีจากราชสำนัก ด้วยเหตุนี้ไป๋หลี่หมิงซานจึงคิดว่านางอยากปีนขึ้นที่สูง แต่เป้าหมายมิใช่เขาเพราะเป็นหลานชายหรือก็คือประมุขของเผ่าพิษหนอนกู่นามไป๋หลี่เฉินนั่นเอง
“เจ้าเห็นข้าเป็นอ๋องไร้อำนาจจึงมิอยากมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะสิ่งที่เจ้าต้องการคือสมรสกับผู้มีฐานะสูงสุดในเผ่านี้ใช่หรือไม่ ! ”
ขณะกล่าวไป๋หลี่หมิงซานก็ค่อย ๆ เดินเข้าหานาง แม้อันหลิงเกอมิได้รู้สึกผิดทว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายก็ทำให้นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย
“หยุด ! เสด็จอากำลังทำอันใด ! ” ยามที่อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรทำเช่นไร ไป๋หลี่เฉินก็เดินเข้ามาพร้อมเอื้อมไปจับมือของอันหลิงเกอแล้วดึงนางมาหลบด้านหลังของตน
“ข้ากำลังทำอันใดหรือ ? น่าขันสิ้นดี ! ”
“เสด็จอาออกไปก่อนเถิด หลานขอจัดการเรื่องนี้เอง” ไป๋หลี่เฉินส่ายหน้าด้วยท่าทางอ่อนล้าพอสมควร
“หวังว่าเจ้าจักเห็นโฉมหน้าแท้จริงของสตรีนางนี้โดยเร็ววัน” จากนั้นไป๋หลี่หมิงซานก็เดินออกไปพร้อมความโกรธ ส่วนอันหลิงเกอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
“พวกเรากลับกันเถิด” ไป๋หลี่เฉินเอ่ยชวนและมิได้ปล่อยมืออันหลิงเกอ ทว่าจูงมือนางกลับเข้าตำหนักทั้งอย่างนั้น
“ใช่สิ ช่วงนี้มีข่าวใดบ้างหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอเปลี่ยนประเด็นและเอ่ยถามเรื่องอื่นเพราะตอนนี้นางมีบทบาทดุจแม่ทัพจึงเป็นธรรมดาที่จะสนใจเรื่องเหล่านี้
“ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด แต่ดูเหมือนตอนนี้ฟางหลิงซู่อยู่ที่เมืองหลวงต้าโจว” พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ไป๋หลี่เฉินก็เล่าให้อันหลิงเกอฟังเพราะไม่เข้าใจว่าฟางหลิงซู่ทำเพื่อสิ่งใด
อันหลิงเกอยิ้มเยาะเพราะรู้ดีว่าฟางหลิงซู่เลือกร่วมมือกับต้าโจวเพื่อหวังเป็นฝ่ายบุกโจมตีเผ่าพิษหนอนกู่ก่อน
ในเวลาเดียวกันอันหลิงเกอก็เดาออกว่าฟางหลิงซู่ต้องใช้วิธีสักอย่างไปข่มขู่มู่จวินฮานและไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นชีวิตของหลู่เยว่เยว่นั่นเอง
อันหลิงเกอรู้ว่าฟางหลิงซู่เป็นคนโหดเหี้ยมและเขาย่อมใช้หลู่เยว่เยว่มาทำให้มู่จวินฮานยอมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้
“ทหาร จงไปลักพาตัวพระชายามู่ออกจากจวนแล้วหาที่คุมขังไว้แต่ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด จากนั้นก็รอคำสั่งของข้าอีกที”
อันหลิงเกอคิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงทำข้อตกลงกันแล้ว ทว่าสิ่งน่ากลัวที่สุดสำหรับเหล่าพันธมิตรก็คือความเชื่อใจและนางก็จะสร้างความร้าวฉานแก่พวกเขาเอง
เนื่องจากหลู่เยว่เยว่โดนพิษ มู่จวินฮานจึงจำใจเป็นพันธมิตรกับฟางหลิงซู่ แต่แล้วในคืนถัดมาก็พบว่าหลู่เยว่เยว่ได้หายตัวไปและดูเหมือนจะถูกคนจับไปด้วย
มู่จวินฮานมิได้คิดมากเพราะเข้าใจว่าเป็นฝีมือของฟางหลิงซู่ตั้งแต่แรก เพียงคาดมิถึงว่าตอนนี้ฟางหลิงซู่มีความโหดเหี้ยมจนกล้าลงมือกับ ‘อันหลิงเกอ’ ได้
จากนั้นมู่จวินฮานก็ไปพบฟางหลิงซู่เพื่อถามหาอันหลิงเกอ แต่ฟางหลิงซู่จะรู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ที่ใดเพราะเขามิได้จับตัวนางไป
ขณะเดียวกันในพื้นที่ลับตาคน สายลับของอันหลิงเกอได้รายงานทุกอย่างให้นางรับรู้และภายใต้ความช่วยเหลือของไป๋หลี่เฉินจึงทำให้อันหลิงเกอได้เข้ามาอยู่ในแผ่นดินต้าโจว
สิ่งที่นางต้องทำคือใช้โอกาสที่การเจรจาระหว่างเผ่าปิงชวนและต้าโจวล้มเหลวเพื่อสอดมือเข้ามาผูกมิตรกับต้าโจวและร่วมกันบุกทำลายเผ่าปิงชวนแทน
อันหลิงเกอมิได้เปิดเผยใบหน้าแท้จริงแต่เลือกใส่ผ้าคลุมครึ่งหน้าและเผยฉาฮวาสีขาวประดับเถาวัลย์อีกครึ่งของใบหน้าเท่านั้น คนทั่วหล้าต่างรู้เรื่องราวของเทพธิดาไป๋ฉาจึงเป็นธรรมดาที่พอเห็นรอยสักรูปฉาฮวาสีขาวแล้วจะทราบถึงฐานะของนาง
เวลาเดียวกันนั้นอันหลิงเกอก็ออกคำสั่งให้นำตัวหลู่เยว่เยว่กลับไปคืนที่จวนอ๋องมู่โดยห้ามมิให้ผู้ใดพบเห็น
ผ่านไปมินานจวนอ๋องมู่ก็มีตัวหลู่เยว่เยว่ปรากฏขึ้นมาและเป็นธรรมดาที่เรื่องนี้ไม่อาจเล็ดลอดสายตาสายลับของฟางหลิงซู่ได้
ทางฝั่งฟางหลิงซู่ที่กำลังอธิบายให้มู่จวินฮานฟัง ทันใดนั้นก็ได้รับรายงานจากสายลับว่าหลู่เยว่เยว่มิได้หายตัวไปแต่อยู่ในจวนของมู่จวินฮานนั่นเอง คราวนี้ฟางหลิงซู่คิดแค่ว่ามู่จวินฮานมิอยากร่วมมือกับตนจึงสร้างข้ออ้างขึ้นมา
จากนั้นบุรุษทั้งสองก็ชักกระบี่เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
แม้ไม่มีผู้ใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ทว่าเรื่องการผูกมิตรก็ต้องล้มเหลวไปทั้งอย่างนั้น
สิ่งที่มู่จวินฮานมิรู้คือตอนนี้อันหลิงเกอและไป๋หลี่เฉินอยู่ในวังหลวงต้าโจวและได้ทำข้อตกลงกับฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว
“เจ้าคิดว่าตอนนี้ฟางหลิงซู่จะโมโหมากเพียงใด ! ” แม้อันหลิงเกอพูดพร้อมหัวเราะ แต่ไป๋หลี่เฉินก็มองออกว่าในดวงตาของนางมีน้ำใสคลออยู่เพราะนางยังนึกถึงเรื่องราวในอดีตมิลืมเลือน
“นั่นสิ” ไป๋หลี่เฉินตอบโดยมิแยแส
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่บนถนนสายหลักของเมืองจิง ทันใดนั้นก็เห็นป้ายประกาศของมู่จวินฮานที่พยายามตามหาหมอเทวดาด้วยเงินรางวัลก้อนโต หวังว่าจะหาหมอเทวดามารักษาอาการของพระชายาได้
พอเห็นป้ายประกาศนี้แล้ว อันหลิงเกอจึงเข้าใจทันทีว่าฟางหลิงซู่จากไปโดยยังมิได้มอบยาถอนพิษแก่หลู่เยว่เยว่และมิรู้ว่าตอนนี้หลู่เยว่เยว่อาการเป็นอย่างไรบ้าง
อันหลิงเกอมองป้ายประกาศนั้นแล้วก็หันไปมองไป๋หลี่เฉินที่สามารถเข้าใจนางโดยมิต้องเอ่ยปากถามเพราะตัวเขาก็รู้ว่ามิอาจรั้งนางไว้ได้ตลอดไป