พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 77 กรรมตามสนอง
ตอนที่ 77 กรรมตามสนอง
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเคร่งขรึม การเจอตุ๊กตามนต์ดำในจวนก็เป็นเหตุให้อารมณ์มิดีอยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่อันหลิงเกอกล่าวก็มีเหตุผล เรื่องนี้บังเอิญเกินไปราวกับว่ามีผู้ขุดหลุมไว้รออันหลิงเกอกระโดดลงไปเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าคล้อยตามอันหลิงเกอ หลี่ซื่อจึงแสร้งตีหน้าเศร้า ดวงตาแดงก่ำพร้อมใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่คลอเบ้า “คำพูดของเกอเอ๋อทำร้ายจิตใจข้ายิ่งนัก ข้าดูแลเจ้ามาโดยตลอดหลายปี ทว่าเจ้ามิฟังคำสั่งสอนก็มิเป็นไร เหตุใดต้องกล่าวทำร้ายจิตใจข้าด้วย ? “
“ข้ามิรู้ว่าเจ้าเกลียดชังฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่เมื่อไร แม้เจ้ารู้สึกมิพอใจมากเพียงใดก็มิควรใช้มนต์ดำทำร้ายท่านย่าของเจ้าเยี่ยงนี้”
หลี่ซื่อใช้คำกล่าวรุนแรงเพื่อกระตุ้นฮูหยินผู้เฒ่า เมื่ออันหลิงเกอได้ฟังคำโป้ปดก็รู้สึกว่ามีแสงพาดผ่านเข้ามาในดวงตา พลันปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นเล็กน้อยและหายไปอย่างรวดเร็ว
นางเลิกคิ้วใส่หลี่ซื่อ ใบหน้างดงามไร้ซึ่งความเกรงกลัวอันใด “อี๋เหนียงกล่าวว่าตุ๊กตามนต์ดำตัวนี้เป็นสิ่งที่ข้าทำเพื่อทำร้ายท่านย่า แต่เมื่อครู่ข้ามองบนตัวตุ๊กตาเพียงครั้งเดียว เหตุใดบนตัวของตุ๊กตากลับเขียนวันตกฟากของข้าเอาไว้ ? “
วันตกฟากบนตัวตุ๊กตาเป็นของอันหลิงเกอเยี่ยงนั้นหรือ ?
หลี่ซื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าพลิกตุ๊กตาในมือไปมาสักพักก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าวเย้ยหยัน “ดี ! ช่างเป็นตุ๊กตามนต์ดำที่ดีเสียจริง สะใภ้หลี่ เจ้าเข้ามาดูบนตุ๊กตาว่าเป็นวันตกฟากของผู้ใดแน่” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนมือสั่น จากนั้นก็โยนตุ๊กตามนต์ดำไปที่ตัวหลี่ซื่อทันที
หลี่ซื่อมิสนใจว่าตุ๊กตาจักเปื้อนฝุ่นบนพื้นหรือไม่ นางรีบเก็บขึ้นมาทันทีแล้วพิจารณาตัวอักษรบนตุ๊กตาอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เป็นเหตุให้รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไป นางเหลือบมองไปทางอันหลิงเกอด้วยสายตาราวกับจักกรีดเลือดกรีดเนื้อออกเป็นชิ้น “เป็นไปมิได้ นี่เป็นไปมิได้ ต้องเป็นเล่ห์กลของเกอเอ๋อแน่ ๆ “
อันหลิงเกอกระตุกยิ้มมุมปาก “คำพูดของอี๋เหนียงทำข้าแปลกใจยิ่งนัก ตุ๊กตานี้ถูกค้นพบโดยคนของอี๋เหนียงเอง ข้ายืนยันว่ามิเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน แต่อี๋เหนียงบอกว่าเป็นของที่ข้าใช้ทำร้ายท่านย่า ทว่าตอนนี้เวลาตกฟากที่อยู่บนตุ๊กตาเป็นของข้า อี๋เหนียงก็บอกว่าเล่นกล หรือท่านคิดว่าข้าจักสาปแช่งตนเอง ? ”
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็มืดมนขึ้นมาก แววตาที่มองหลี่ซื่อเต็มไปด้วยความเย็นชา “เฮอะ ! เจ้ามิควบคุมดูแลจวนโหวให้ดี ทั้งวันเอาแต่คิดเรื่องสกปรกเยี่ยงนี้ เพิ่งหลอกล่อเฉว่เอ๋อทำให้นางคิดสั้น ในตอนนี้ก็หาวิธีสกปรกมาใส่ร้ายเกอเอ๋อ บุตรสาวของฮูหยินใหญ่ในจวนนี้ขวางหูขวางตาเจ้านักหรือไร เจ้าจึงต้องกำจัดพวกนางทิ้ง ? ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเสียงเข้มและหายใจเข้าออกอย่างแรง
หลี่ซื่อรีบคุกเข่าลงพื้นทันที นางยืนยันว่าหยินผู้เฒ่าเข้าใจผิดไป “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าจักกล้าทำเรื่องพวกนี้ได้เยี่ยงไร ? ก่อนหน้านี้ข้าเรียกเฉว่เอ๋อไปสนทนาก็เพราะจริงใจและหวังดีต่อนาง ข้าหวังว่าเฉว่เอ๋อจักได้แต่งเข้าตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย อย่างน้อยจักได้มิลำบาก แต่ใครจักคิดว่าเฉว่เอ๋อตีความหมายผิด กลายเป็นข้ากำลังเหยียบย่ำเกียรติจนคิดสั้น เรื่องนี้ข้าก็รู้สึกเสียใจเช่นกันเจ้าค่ะ”
“ส่วนตุ๊กตามนต์ดำก็ถูกค้นพบตอนที่บ่าวรับใช้วิ่งจับโจร จักเป็นข้าจงใจใส่ร้ายเกอเอ๋อได้เยี่ยงไร ? “
นางกล่าวออกมาช่างสมเหตุผล น้ำตาอาบแก้ม มองแล้วเหมือนโดนเข้าใจผิดเสียเหลือเกิน
ฮูหยินผู้เฒ่ารังเกียจหลี่ซื่อตั้งแต่เรื่องของอันหลิงเฉว่ แล้วจักใจอ่อนเพราะน้ำตามิกี่หยดของหลี่ซื่อได้หรือ ?
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเยาะแล้วชี้หน้าหลี่ซื่อ “ในฐานะที่เจ้าดูแลจวนโหวมาหลายปี ข้าจักมิกล่าวเรื่องที่เจ้าทำวันนี้ออกไป ทว่าข้ามิอาจปล่อยเจ้าไปโดยง่าย ดังนั้นข้าจักลงโทษโดยให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษ 1 วันเพื่อทบทวนความผิดที่กระทำลงไป”
“ขอบคุณความเมตตาของท่านแม่เจ้าค่ะ” หลี่ซื่อหมอบลงพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ทว่าภายในใจคิดอาฆาตแค้นต่ออันหลิงเกอ
เจ้ากล้าทำให้ข้าขายหน้าเยี่ยงนี้ หากมีโอกาสข้าจักมิปล่อยให้เจ้ารอดพ้นเด็ดขาด
อันหลิงเกอรู้สึกโล่งใจ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอีกครา “โชคดีที่ท่านย่าช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของเกอเอ๋อได้ มิฉะนั้นหลานก็ทำอันใดมิถูกเจ้าค่ะ “
ประโยคนี้เป็นเหตุให้หลี่ซื่อขบกรามแน่น จ้องมองอันหลิงเกออย่างเกลียดชัง
เมื่อเรื่องทุกอย่างจบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็หลับตาพร้อมส่ายมือให้อันหลิงเกออย่างอ่อนเพลีย “เอาสิ่งนี้ไปทำลายให้เรียบร้อยแล้วรีบกลับเรือนของเจ้าเสีย อย่าลืมให้คนมาทำพิธีสวดล้างมนต์ดำ อย่าให้ของเหล่านั้นส่งผลกระทบถึงเจ้า”
อันหลิงเกอตอบรับแล้วคำนับลาฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อมาถึงเรือนฉีอู๋ก็โดนปี้จูเดินมาถามทันที “คุณหนูเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ ? ” นางเดินวนซ้ายขวาเพื่อสำรวจอันหลิงเกอ เมื่อเห็นว่ามิเป็นอันใดจึงถอนหายใจอย่างโล่ง
อันหลิงเกอเดินนำปี้จูเข้าไปในเรือน ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบหนึ่งอึกแล้วเอ่ยว่า “โชคดีที่ข้ารู้สึกว่าแม่นมจ้าวมีพิรุธจึงให้คนจับตามองนางเอาไว้ มิเช่นนั้นข้าคงพลาดท่าเสียแล้ว”
เมื่อพูดถึงแม่นมจ้าว ปี้จูก็รู้สึกโกรธขึ้นมา “เดิมทีข้าคิดว่าแม่นมจ้าวเป็นผู้อาวุโส ส่วนข้าเป็นผู้น้อยจึงต้องยอม ทว่านางถือตนเป็นแม่นมของคุณหนูจึงวางอำนาจที่เรือนนี้ ใครจักคิดว่านางเฒ่าจักไปพึ่งพิงฝั่งฮูหยินรองแล้วทรยศเจ้านายเยี่ยงนี้”
อันหลิงเกอวางถ้วยชา “เจ้ามิต้องกังวลหรอก ตอนนี้อี๋เหนียงได้รับการลงโทษจากท่านย่าแล้ว ข้าคิดว่านางต้องคาดโทษแม่นมจ้าวที่ทำงานล้มเหลว ถึงตอนนั้นเรามิต้องออกแรงอันใดเลย”
“คุณหนูจักปล่อยแม่นมจ้าวไปเยี่ยงนี้หรือเจ้าคะ ? “
ปี้จูรู้สึกว่ามิได้รับความยุติธรรม นางถือว่าเติบโตมาข้างกายของอันหลิงเกอจึงมิอาจทนเห็นอันหลิงเกอได้รับความลำบากแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะเรื่องใหญ่เช่นการโดนแม่นมทรยศ หัวใจของคุณหนูต้องเจ็บปวดเป็นแน่
“แน่นอนว่าข้ามิปล่อย” อันหลิงเกอลุกขึ้น “ตอนนี้อี๋เหนียงน่าจักถึงโถงบรรพบุรุษแล้ว
ในเมื่อนางเอ็นดูข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็สมควรไปดูนางเสียหน่อย”